เจ้าหน้าที่กู้ภัยที่อยู่ในเหตุการณ์กลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎร 2563 ล้อมขบวนเสด็จฯ “พระราชินี-พระองค์ที” เผยบันทึกเหตุการณ์ พบกลุ่มผู้ชุมนุมตะโกนขึ้นมาว่า “ขบวนเสด็จ อย่าให้ผ่านไปได้” ก่อนชูสามนิ้ว ด่าทอด้วยคำที่หยาบคาย และยังด่าถึงในหลวงรัชกาลที่ ๙ ถ่ายคลิปเป็นหลักฐาน และตำรวจนำไปใช้ดำเนินคดี
จากกรณีที่เฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ของ น.ส.วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายการเมืองและการทหารชื่อดังโพสต์คลิปวิดีโอขณะที่ขบวนเสด็จฯ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี และ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ ผ่านบริเวณถนนพิษณุโลก ข้างทำเนียบรัฐบาล โดยมีผู้ชุมนุมกลุ่มคณะราษฎร 2563 และเจ้าหน้าที่ตำรวจเผชิญหน้ากันอยู่ ระหว่างเสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน พุทธศักราช 2563 ที่วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร และวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร เมื่อเย็นวันที่ 14 ต.ค. ส่งผลทำให้ประชาชนที่จงรักภักดีไม่พอใจต่อท่าทีของผู้ชุมนุมดังกล่าว ตามที่นำเสนอไปแล้วนั้น
อ่านประกอบ : ขบวนเสด็จ “พระราชินี-พระองค์ที” ถูกม็อบชูสามนิ้วล้อมข้างทำเนียบ [ชมคลิป]
เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “นันท์สกร นพรัตน์วิมล” หรือนามแฝง “นาคราช รักในหลวง หวงแผ่นดิน” เจ้าหน้าที่กู้ภัย ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ที่ขบวนเสด็จฯ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี และ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ ถูกผู้ชุมนุมกลุ่มคณะราษฎร 2563 เข้าล้อม ชูสามนิ้ว และตะโกนด้วยถ้อยคำต่างๆ ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 14 ต.ค. โพสต์วิดีโอคลิปและข้อความในหัวข้อ “14 ตุลา ผมเสียใจที่ไม่ได้ใส่เสื้อเหลือง บันทึกความจริงเหตุการณ์สะพานชมัยมรุเชฐ” ระบุว่า
“14 ตุลาคม 2563 ที่กลุ่มผู้ชุมนุมบิดเบือนว่า ในขณะที่พวกตนเองกำลังชุมนุมอยู่ แล้วขบวนเสด็จฯ พยายามขับฝ่ากลุ่มผู้ชุมชุมนั้น ไม่เป็นความจริง ชมคลิปหลักฐานที่ผมได้ถ่ายไว้ก่อนเกิดเหตุ ความจริงจะปรากฏ
จากเหตุการณ์กลุ่มผู้ชุมนุมประชาชนปลดแอก ชูสามนิ้ว ด่าทอ เข้าขัดขวางขบวนเสด็จฯ ของสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี และ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ ที่สะพานชมัยมรุเชฐ ผมอยู่ในเหตุการณ์โดยตลอด ซึ่งทำให้ผมเสียใจมากที่สุด คิดถึงทีไรน้ำตาไหลทุกที ด้วยความคับแค้นอัดแน่นในใจ แม้กระทั่งการเขียนบันทึกนี้ ผมต้องใช้เวลานานมาก พิมพ์ไปน้ำตาไหล ต้องหยุดพิมพ์ พิมพ์หยุดๆ กว่าจะเสร็จ ตรวจทานเพื่อความถูกต้อง รวมเวลาเกือบ 4 ชั่วโมง
เมื่อวาน 14 ตุลาคม 2563 ผมตื่นนอนแต่เช้า แต่งตัวด้วยเสื้อสีเหลือง ต้องรีบไปเต็นท์โรงทานหลวงปู่พุทธะอิสระ เพื่อทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากหลวงปู่ (อดีตพระพุทธะอิสระ) ให้เสร็จสิ้นก่อน 8 โมง
แต่ก่อนที่ผมจะออกจากบ้าน ผมได้ตัดสินใจเปลี่ยนชุดจากเสื้อสีเหลืองเป็นชุดขาวกู้ชีพ ถอดริสต์แบนด์เรารักในหลวง รุ่น 1 ปี พ.ศ. 2549 ออกจากข้อมือ ด้วยความตั้งใจว่าจะได้ช่วยเหลือผู้เจ็บป่วยหรือบาดเจ็บได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะการช่วยเหลือผู้เจ็บป่วยบาดเจ็บที่เป็นผู้ชุมนุม
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจที่เต็นท์หลวงปู่ในเวลา 8 โมงเช้า ผมก็แบกกระเป๋ากู้ชีพขึ้นหลัง ขับมอเตอร์ไซค์ ตระเวนไปในพื้นที่รับเสด็จและพื้นที่ชุมนุม เพื่อดูแลกลุ่มคนไทยรักในหลวงที่มารอรับเสด็จ ตั้งแต่ลานพระบรมรูปทรงม้า ถนนราชดำเนินนอก ถนนราชดำเนินกลาง สนามหลวง จนถึงวัดพระแก้ว
ได้ช่วยปฐมพยาบาลผู้ป่วยบาดเจ็บ ทั้งกลุ่มคนไทยรักในหลวง และกลุ่มประชาชนปลดแอก จำนวนหลายราย โดยไม่ได้แบ่งเขาแบ่งเรา เพราะผมยึดมั่นเสมอว่า ความเจ็บป่วยไม่เลือกสีเลือกข้าง เลือดคนเรามีสีเดียว
และปณิธานของผม เมื่อผมใส่ชุดขาวกู้ชีพ ผมจะช่วยผู้เจ็บป่วยบาดเจ็บทุกคนโดยไม่เลือกข้าง ผมขับมอเตอร์ไซค์ปฏิบัติหน้าที่หน่วยกู้ชีพ ดูแลคนไทยรักในหลวง จนถึงเวลา 16.30 น. จึงกลับมาที่โรงทานหลวงปู่ เพื่อหยุดพัก และเปลี่ยนแบตเตอรี่วิทยุสื่อสาร
พื้นที่สุดท้ายก่อนจะกลับมาพัก คือ บริเวณสี่แยกนางเลิ้ง พื้นที่ที่กลุ่มผู้ชุมนุมติดแนวกั้นของเจ้าหน้าที่บริเวณหน้า ธ.ก.ส. นางเลิ้ง จุดนี้ผมได้ช่วยผู้ป่วยที่เป็นกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวน 2 ราย ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิร่วมกตัญญู
ประมาณเวลา 17.00 น. ผมได้ทราบข่าวทางวิทยุสื่อสารว่าที่สะพานชมัยมรุเชฐ หน้าทำเนียบรัฐบาล มีกลุ่มของผู้ชุมนุม นักศึกษา และคนไทยรักในหลวง อยู่ในพื้นที่เดียวกัน
ผมจึงออกจากโรงทานหลวงปู่ มุ่งหน้าไปสะพานชมัยมรุเชฐ ในทันที แต่ไปติดขบวนเสด็จของพระบรมราชินี และ สมเด็จเจ้าฟ้าทีปังกรฯ บริเวณหน้ากระทรวงศึกษาธิการ พร้อมกับคนไทยรักในหลวงที่รอรับเสด็จฯ บนฟุตปาธ เต็มพื้นที่ตลอดแนวถนนราชดำเนินนอก
หลังขบวนเสด็จฯ ผ่านไปแล้ว ผมมุ่งหน้าไปยังสะพานชมัยมรุเชฐในทันที เมื่อไปถึงก็พบว่า เจ้าหน้าที่ได้ใช้รถตู้ของตำรวจปิดกั้นถนนบนสะพาน พบว่า มีกลุ่มผู้ชุมนุม ทั้งที่เป็นนักศึกษา ผู้สื่อข่าว และคนไทยรักในหลวง รวมกันได้ประมาณ 200 คน กระจัดการจายกันอยู่ทั่วไปนั่งบ้าง ยืนบ้าง
ไม่มีการรวมตัวกันของกลุ่มผู้ชุมนุมและนักศึกษา เพื่อกดดันเจ้าหน้าที่ในลักษณะของการชุมนุม แต่เป็นการรอสมทบกับกลุ่มชุมนุมกลุ่มใหญ่ที่ติดอยู่ที่แยกสนามม้านางเลิ้ง
ผมยังไม่ได้ทันจอดรถ ก็มีผู้ชุมนุม มาบอกผมว่ามีผู้บาดเจ็บ ผมจึงตามไป พบนักศึกษาหญิงซึ่งเป็นกลุ่มผู้ชุมนุม นั่งอยู่บนพื้นริมกำแพงทำเนียบรัฐบาล มีบาดแผลถลอกที่ด้านล่างหัวเข่าทั้งสองข้าง ผมจึงได้ทำแผลให้นักศึกษาคนนั้นจนเสร็จ แล้วเดินออกมาถ่ายคลิปรายงานสถานการณ์โดยทั่วไปในเวลา 17:45 น. ตามที่ผมได้บันทึกไว้ในคลิปที่ 1
หลังจากนั้นไม่ถึง 5 นาที ผมได้ยินกลุ่มผู้ชุมนุมตะโกนขึ้นมาว่า “ขบวนเสด็จ ขบวนเสด็จ อย่าให้ผ่านไปได้ อย่าให้ผ่านไปได้”
ผมจำไม่ได้ว่าเป็นขบวนเสด็จของพระบรมราชินี และพระองค์ทีปังกร หรือไม่ สิ้นเสียงตะโกน กลุ่มผู้ชุมนุมก็วิ่งกรูจากทุกสารทิศ เข้าไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ด้านหน้า และขนาบซ้ายขวารถพระที่นั่งทั้งสองฝั่งถนน ที่ขับมาอย่างช้าๆ เพื่อขัดขวางขบวนเสด็จ พร้อมกับชูสามนิ้ว ด่าทอขบวนเสด็จด้วยคำที่หยาบคาย และยังด่าถึงในหลวงรัชกาลที่ ๙ บางส่วนใช้กำลังเข้าผลักดันตำรวจทางด้านหน้า เพื่อไม่ให้ขบวนเสด็จเดินหน้าต่อไป
ผมเห็นกลุ่มคนไทยรักในหลวงเกือบ 20 คน ประสานมือกับตำรวจสร้างกำแพงกั้นกลุ่มผู้ชุมนุมที่พยายามจะฝ่าเข้าไปให้ถึงรถพระที่นั่ง
ผมเริ่มถ่ายคลิปด้วยน้ำตานองหน้า ถ่ายคลิปไปร้องไห้ไป ผมเสียใจที่ไม่ได้ใส่เสื้อเหลืองมา เพราะถ้าผมใส่เสื้อเหลืองมา ผมจะไม่ลังเลที่เข้าไปร่วมผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมที่กำลังผลักดันเจ้าหน้าที่อยู่ เพื่อขัดขวางไม่ให้รถขบวนเสด็จผ่านไปได้
ตายเป็นตาย ต้องรักษาพระเกียรติของสมเด็จพระราชินี เอาไว้ให้จงได้ แต่การใส่ชุดขาวกู้ชีพ ทำให้ผมลังเลที่เข้าไปร่วมผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุม ผนวกกับบนหลังของผมมีกระเป๋ากู้ชีพใบใหญ่หนักมากกว่า 10 กิโลกรัม จึงเคลื่อนตัวได้ไม่ง่ายนัก
วินาทีสุดท้ายผมจึงได้ตัดสินใจไม่เข้าไปร่วมผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุม และเริ่มถ่ายคลิป จนขบวนเสด็จสามารถแหวกผ่านกลุ่มผู้ชุมนุมข้ามสะพานชมัยมรุเชฐไปได้ ด้วยหวังว่า คลิปที่ผมถ่ายเอาไว้จะมีประโยชน์ในภายหลัง
ซึ่งสุดท้ายกลายเป็นสองคลิปหลักฐานสำคัญที่ใช้ดำเนินคดีกลุ่มผู้ชุมนุมที่เข้าขัดขวางขบวนเสด็จ
ตั้งแต่เกิดมา ผมไม่เคยเจอเหตุการณ์อะไรที่สะเทือนใจได้มากเท่านี้ กลุ่มคนพวกนี้เติบโตมาบนแผ่นดินไทยได้อย่างไร สถาบันพระมหากษัตริย์ อยู่คู่กับประเทศไทยหลายร้อยปี มีมาก่อนที่พ่อแม่ปู่ย่าตายายทวดของคนพวกนี้จะเกิดมา สถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ตั้งแต่ยุคสุโขทัย ถึงสมัยรัตนโกสินทร์ นำพาประเทศไทยให้รอดพ้นจากการเป็นเมืองขึ้น รอดพ้นจากวิกฤตร้ายนับครั้งไม่ถ้วน ไทยถึงได้เป็นไทย มีผืนแผ่นดินให้กลุ่มผู้ชุมนุมได้อยู่อาศัยจนเติบใหญ่มาถึงทุกวันนี้
ผีห่าซาตาน วิญญาณสัมภเวสีตนใด ที่ดลใจให้กลุ่มคนพวกนี้เนรคุณแผ่นดินเกิด กล้าบังอาจดึงฟ้าลงต่ำมาเหยียบย่ำ กระทำการย่ำยีเกียรติยศของสถาบันพระมหากษัตริย์ ย่ำยีหัวใจคนไทยรักในหลวงทั้งชาติ
นับจากนี้ พวกเราคนไทยรักในหลวงจะไม่ยอมให้พวกคนไทยเนรคุณแผ่นดินกระทำการย่ำยีสถาบันพระมหากษัตริย์อีกเป็นอันขาด
พวกเราพร้อมรบเพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นที่รักเทิดทูนยิ่งของพวกเราคนไทยรักในหลวง
ทุกถ้อยคำที่ผมบันทึกไว้เป็นหลักฐานเป็นความจริงทุกประการ”