เด็กปั้นเจ้าของพื้นที่เชียงรายออกโรงแจง“นักเคลื่อนไหวดัง” ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ที่ให้เงิน 3,000 เพราะจองตั๋วบินกะทันหัน อ้างให้มาช่วยประสานงานตำรวจและโปรโมตม็อบ และที่นักการเมืองให้เงินไปก็ไม่ว่าอะไร ฝ่ายแฉโต้กลับ ชี้ที่ให้เงินไปไม่ได้สนับสนุนส่วนตัว แถมยกข้อความทวิตเตอร์โพสต์“เดือนนี้ใช้ไปหกหมื่น” พบโอนเงินให้นักเคลื่อนไหวดังไปสองรอบ รอบแรกพันสี่ รอบสองห้าพัน ก่อนจัดม็อบ 1 วัน
จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “สราวุทธิ์ เซียนแว่น กุลมธุรพจน์” ซึ่งเป็นกลุ่มผู้สนับสนุนการจัดชุมนุมขับไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในจังหวัดเชียงราย ออกมาแฉการทุจริตในการจัดการชุมนุมเยาวชนที่จังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะพฤติกรรมของนักเคลื่อนไหวเยาวชนรายหนึ่ง นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยจัดกิจกรรมวิ่งเพื่อขับไล่รัฐบาล พร้อมติดแฮชแท็ก #เซเลบหรือขอทาน โดยพบว่า ได้ค่าตัว 3,000 บาท ทั้งๆ ที่ผู้ปราศรัยคนอื่น เช่น นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ขึ้นเวทีปราศรัยได้ค่าเดินทางเพียงแค่ 1,800 บาท ขณะที่ผู้ปราศรัยบางคนไม่ได้ค่าเดินทางด้วยซ้ำ นอกจากนี้ ยังพบว่ามีพฤติกรรมจัดการชุมนุมเพื่อหากินมาตลอด ขอเงินนักการเมืองเพื่อเอาไปใช้ส่วนตัว และแอบบันทึกเสียงเพื่อแบล็กเมล์ ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
อ่านประกอบ : แฉ #เซเลบขอทาน สะพัดโซเชียล นั่งหลังเวทีม็อบเชียงรายได้ 3,000 จ่านิวได้ค่าเดินทางแค่ 1,800
ล่าสุด เฟซบุ๊ก “สถาบันหลงทิศหลงทางประเทศไทย” ซึ่งเป็นเฟซบุ๊กล้อเลียนสถาบันทิศทางไทย ได้แชร์ข้อความจากเฟซบุ๊ก “สราวุทธิ์ เซียนแว่น กุลมธุรพจน์” พร้อมวิจารณ์ว่า เป็นเรื่องที่ดีในการสกรีนคนในขบวน เป็นสิ่งที่ทำให้ขบวนการนั้นใสสะอาดยิ่งขึ้น ส่วนเรื่องที่สลิ่มเอาไปปั่น ช่างหัวมัน ก็แค่เรื่องหยุมหยิม ปรากฏว่า มี น.ส.แซน (นามสมมติ) นักศึกษามหาวิทยาลัยของรัฐชื่อดังในจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นแกนนำเยาวชนในพื้นที่เชียงราย และเป็นเด็กปั้นของนักเคลื่อนไหวเยาวชนรายนั้น ชี้แจงว่า ค่าใช้จ่ายในการจัดชุมนุมเกินกว่าที่ได้รับบริจาค เพราะฉะนั้นเงินบริจาคไม่ได้เหลือมาให้อมเงิน อีกทั้งงบที่ได้จากผู้ใหญ่รายหนึ่ง ซึ่งเป็นนักการเมือง แบ่งเป็นสองส่วน คือ ค่าเดินทางของนักเคลื่อนไหวที่มาช่วยตนประสานงาน และทำหน้าที่สื่อ รวมถึงค่าเดินทางไปร่วมชุมนุมวันที่ 16 ก.ย. ที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งค่าใช้จ่ายในการเดินทางจริงก็เกินส่วนนั้น ซึ่งได้บอกตั้งแต่ก่อนพูดกันก่อนรับเงินแล้ว ผู้ใหญ่รายนั้นไม่ได้ติดใจอะไรแล้วจึงโอนให้ พร้อมขอโทษผู้ใหญ่รายนั้นที่ต้องถูกพาดพิงถึง และถือวิสาสะในการบันทึกเสียง ตนคิดน้อยไปว่าการบันทึกเสียงเป็นหลักฐานเรื่องที่รับรู้แล้วจะทำให้ประเด็นนี้จบ
ส่วนนักเคลื่อนไหวรายนั้นต้องขอโทษเพราะแค่เข้าข้างกัน และไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง อ้างว่า ที่ให้เงินนักเคลื่อนไหวรายนั้น 3,000 บาท เพราะจองตั๋วเครื่องบินกรุงเทพฯ-เชียงราย กะทันหันทั้งไป-กลับให้ อ้างว่า ให้มาช่วยประสานงานกับตำรวจและเทศบาลนครเชียงราย ส่วนหน้างาน นักเคลื่อนไหวชื่อดังรายนี้ไม่ได้มีหน้าที่ร่วมปราศรัย แต่ก็ช่วยโปรโมต ช่วยติดต่อให้หลายๆ ด้าน ตอนโดนหมายเรียกก็ติดต่อศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนให้ ที่ผ่านมาตอบกลับทั้งหมดในกลุ่มแล้ว แต่ทางนั้นไม่จบเอง แล้วเอามาโพสต์ต่อ พยายามเคลียร์แล้ว แต่กับคนที่มองลบไปแล้วก็เลือกจะเชื่อแต่แบบนั้น คนไม่ฟังคือคนไม่ฟัง ขนาดแปะคลิปเสียงผู้ใหญ่ ยังว่าไปบังคับให้ผู้ใหญ่พูด ซึ่งทางเจ้าของเงินไม่ได้ว่าอะไรเรื่องเงินที่ใช้ในการเดินทาง
อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “สราวุทธิ์ เซียนแว่น กุลมธุรพจน์” ออกมาตอบโต้ น.ส.แซน ว่า ไม่เป็นความจริง พร้อมแคปข้อความที่ผู้ใหญ่ซึ่งเป็นนักการเมืองที่ให้เงินกับ น.ส.แซน ตอบกลับมา ระบุว่า “สนับสนุนกิจกรรมกับการเดินทางไปร่วมกิจกรรมครับ แต่ไม่ได้สนับสนุนส่วนตัวครับ” ซึ่ง น.ส.แซน ตอบกลับมาว่า เอาไปเป็นค่าตั๋วเดินทางจริง ซึ่งชี้แจงไปแล้ว พร้อมแนบสลิปโอนเงินให้นักเคลื่อนไหวรายนั้นสำรองจ่ายไปก่อน เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2563 เวลา 01.05 น. จำนวน 1,447 บาท และค่าตั๋วเครื่องบินขาไปสองคน กับบริษัททัวร์รายหนึ่ง เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2563 เวลา 22.33 น. จำนวน 2,881.25 บาท และจองขากลับคนเดียว เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2563 เวลา 11.15 น. จำนวน 923.21 บาท ซึ่งฝ่ายนายสราวุทธิ์โต้กลับไปว่า ให้แจงบัญชีรายรับรายจ่ายมาอย่างโปร่งใสและละเอียด ไม่ใช่มาแปะสลิปเป็นภาพแบบนี้ ใครเขาจะเข้าใจ ภายหลัง น.ส.แซน ก็เงียบหายไป
ขณะที่เฟซบุ๊ก “สราวุทธิ์ เซียนแว่น กุลมธุรพจน์” ได้แฉนักเคลื่อนไหวเยาวชนรายนั้น ที่จะแฉกลับ ระบุว่า ตนรอทัวร์ลงจากนักเคลื่อนไหวรายนั้นอยู่ เพราะมีข้อมูลโต้กลับ ส่วน น.ส.แซน อย่าคิดว่าจะรอดเพราะจะแฉต่อ เห็นว่ามั่นใจ ขณะที่ฝ่ายนายสราวุทธิ์ได้สอบถามเด็กๆ ที่ช่วยงานที่สวนตุง จ.เชียงราย ได้เห็นคำชี้แจงของ น.ส.แซน ก็ไม่พอใจ เพราะที่อ้างว่านักเคลื่อนไหวรายนั้นช่วยเก็บของ เด็กๆ ถามว่าเก็บของตอนไหน เก็บของอะไร เพราะเห็นแต่นักเคลื่อนไหวรายนั้นยืนถ่ายรูป นอกจากนี้ ยังได้โพสต์สลิปโอนเงิน เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2563 เวลา 14.45 น. จำนวน 5,000 บาท และแฉต่อว่า เงิน 5,000 บาท ที่ น.ส.แซน โอนให้นักเคลื่อนไหวรายนั้นแล้วบอกว่าเป็นค่าเดินทาง ถามว่า ค่าเดินทางอะไรจำนวนเป๊ะๆ และถามว่าทำงานอะไรถึงมีเงินใช้ขนาดนี้ เพราะเคยโพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2563 เวลา 22.37 น. ระบุว่า “เดือนนี้ใช้ตังค์ไปหกหมื่น” ถามว่าเป็นลูกเศรษฐีเหรอ หอพักในเชียงรายยังไม่มี ไปขอนอนกับคนนั้นทีคนนี้ที
อย่างไรก็ตาม เฟซบุ๊ก “สราวุทธิ์ เซียนแว่น กุลมธุรพจน์” ได้โพสต์ข้อความสุดท้าย ระบุว่า “งานใหญ่กำลังจะมา ขอประกาศหยุดฟาดแต่เพียงเท่านี้ หลักฐานเด็ดผมยังมีอีกเพียบ แต่เด็กพวกนี้ยอมรับว่าฉลาด ไม่หลงมาเถียงผมกลับในเพจของผมซึ่งเปิดเป็นสาธารณะ หากหลงมาผมงัดของดีอีกเพียบมาแน่นอน เอาเป็นว่าจบแต่เพียงเท่านี้ มุ่งหน้าต่อไปในวันที่ 19 ก.ย. ครับผม ขอบคุณที่ติดตามมหากาพย์เรื่องนี้ครับ”
อนึ่ง เป็นที่น่าสังเกตว่า การโอนเงินระหว่าง น.ส.แซน กับนักเคลื่อนไหวคนดังกล่าว เกิดขึ้นอย่างน้อยสองรอบ รอบแรก เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2563 เวลา 01.05 น. จำนวน 1,447 บาท ตามสลิปโอนเงินที่ น.ส.แซน เป็นคนเผยแพร่ รอบที่สอง เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2563 เวลา 14.45 น. จำนวน 5,000 บาท ตามสลิปโอนเงินที่นายสราวุทธิ์เผยแพร่ โดยเกิดขึ้นก่อนการชุมนุมของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “เชียงรายปลดแอก” จะจัดขึ้นในวันที่ 14 ส.ค. 2563 เวลา 17.00 น. ที่ลานรำวงสวนตุงและโคมเชียงราย ซึ่งในวันนั้นมีการปราศรัยของนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน อดีตผู้ต้องหาในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ, นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง รวมทั้งตัวแทนนักศึกษา และวงดนตรีเพื่อประชาชนอีกด้วย