“แก้วสรร” ตัวแทนศิษย์เก่า มธ.หอบ 2,966 รายชื่อ หนุนปิด “ธรรมศาสตร์” หวั่นม็อบ 19 ก.ย ซ่องสุมบุกทำเนียบ เพื่อกดดัน จนท.ใช้ความรุนแรง
วันนี้ (15 ก.ย.) นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ในฐานะศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หรือ มธ.รุ่นที่ 12 นำศิษย์เก่า มธ. ในนามกลุ่ม “ปิด..มธ.พอกันที..วีรชน” เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่ออธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สนับสนุนมติผู้บริหาร มธ.ไม่อนุญาตให้แนวร่วมกลุ่มธรรมศาสตร์และม็อบปลดแอก จัดชุมนุมใน มธ.ท่าพระจันทร์ วันที่ 19 กันยายนนี้
นายแก้วสรร กล่าวว่า มาให้กำลังใจอธิการบดี ในฐานะศิษย์เก่า รุ่นพี่ รุ่นน้อง และทางกลุ่มได้นำรายชื่อศิษย์เก่า 2,966 คน เข้ายื่น อธิบดี มธ. ซึ่งทางกลุ่มมีมติไม่ยินยอมให้ใช้สถานที่ภายใน มธ.เป็นพื้นที่ชุมนุม แต่ยอมรับหาก มธ.เปิดพื้นที่สถานศึกษาให้สามารถเข้าไปชุมนุมได้ กลุ่มพวกตนก็จะไม่เข้าไปก้าวล่วงคำสั่งนั้น เตือนผู้ชุมนุมหากสั่งไม่ให้ใช้พื้นที่ แต่บุกเข้ามาหากเกิดอะไรขึ้นจะไม่มีใครรับผิดชอบ
สำหรับหนังสือของศิษย์ มธ.ประกอบคำขอปิดมหาวิทยาลัย ที่นายแก้วสรรยื่นต่ออธิการบดี มธ.มีทั้งหมด 6 ข้อ มีรายละเอียดดังนี้
1.คำขอนี้เป็นของศิษย์เก่าธรรมศาสตร์ กลุ่มหนึ่ง เท่าที่รวบรวมรายชื่อได้ทางไลน์เป็นเวลา 3 วัน จำนวน 2,924 คน
2.คำขอนี้มีกรอบอยู่ที่สนับสนุนการออกคำสั่ง ไม่อนุญาตให้ชุมนุมของอธิการบดีเท่านั้น ส่วนการบังคับตามคำสั่งไม่อนุญาตว่า ท่านอธิการบดีจะปิดมหาวิทยาลัยจริงๆอย่างไรนั้น เป็นข้อที่เราไม่ขอคำก้าวล่วง หรือบีบคั้นด้วยประการใดๆเพราะจะเป็นการเข้าไปมีอำนาจโดยไม่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งไม่สมควรอย่างยิ่ง
3. กิจกรรมการรวมตัวนี้ยุติลงเมื่อยื่นบันทึกแล้ว ส่วนไลน์ "ปิด มธ..พอกันทีวีรชน'นั้น จะปิดตามมาในวันที่ 20 กันยายน หลังจากเก็บข้อมูลรายงานกลุ่มศิษย์เก่าเรียบร้อยแล้วว่า เกิดอะไรขึ้นกับมหาวิทยาลัย ในวันที่ 19-20 กันยายน
4. ขอชี้แจงย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า เราไม่ได้ปฏิเสธซึ่งเสรีภาพทางความคิดของนักศึกษากลุ่มนี้ หรือของผู้ใด แต่เราเห็นว่าการใช้เสรีภาพในการชุมนุมของเขาในครั้งนี้ เป็นการใช้สิทธิที่ยอมรับไม่ได้ จนธรรมศาสตร์ไม่ควรเกี่ยวข้องด้วย ส่วนเขาจะคิดจะพูดอย่างไร ไม่ใช่เรื่องที่เราคัดค้าน ในหมู่เราเองก็มีผู้เห็นตรงกับนักศึกษาในเรื่องนั้นเรื่องนี้เช่นกัน แต่พอมาถึงวิธีการแสดงออกด้วยการชุมนุมในครั้งนี้ เราทุกคนกลับเห็นตรงกันว่ายอมรับให้ใช้ธรรมศาสตร์ไม่ได้
5. คำปฏิเสธนี้เป็นไปตามเหตุผลตามบันทึกที่จ่ายแจกไปแล้วว่า การใช้ชื่อของคนในธรรมศาสตร์ และใช้สถานที่ธรรมศาสตร์เพื่อความเคลื่อนไหวที่สุ่มเสี่ยงสูงสุด แต่หาคนรับผิดขอบแท้จริไม่ได้เช่นนี้ ผิดมาตรฐานประชาธิปไตย และมาตรฐานธรรมศาสตร์โดยสิ้นเชิง
6.เฉพาะในส่วน นายแก้วสรร อติโพธิ ผู้รวบรวมรายชื่อนี้ ขอใช้สิทธิส่วนตัวปฏิเสธการให้ร้ายบิดเบือนจากรุ่นพี่ธรรมศาสตร์ที่เคยเคารพว่า ในทางความคิดแล้วขอยืนยันว่า ตนเองก็ไม่เห็นด้วยกับการสืบทอดอำนาจของ คสช.เช่นกัน และไม่เคยใช้เวที กปปส. กวักมือเรียกให้ทหารออกมาปฏิวัติ ดังที่พี่ได้ใส่ร้ายผมด้วยโมหะและโทสะ อันฝังลึกอยู่ในตัวตนเลย
สิ่งที่ผมและพี่น้องในกลุ่มศิษย์เ่กาเห็นตรงกัน ปฏิเสธร่วมกันจริงๆ ก็คือ การเคลื่อนไหวสร้างความเปลี่ยนแปลงในบ้านเมืองตามทัศนะของตนด้วยความไม่รับผิดชอบ ไม่เคารพสิทธิ์ของคนอื่น รวมทั้งสร้างกำลังทางการเมืองด้วยความจงเกลียดจงชังปลุกปั่นคนไทยไปจนถึงลูกเด็กเล็กแดงแตกเป็นฝักฝ่ายเช่นปัจจุบัน
นี่คือความคับแค้นแท้จริง ในคำขอ" ปิด มธ. พอกันทีวีรชน "ฉบับนี้
นายแก้วสรร กล่าวว่า ธรรมศาสตร์ไม่ควรต้องรับผิดชอบการใช้พื้นที่ตรงนี้ และกลุ่มตนในฐานะศิษย์เก่าไม่เห็นด้วยที่จะให้ธรรมศาสตร์ใช้ในการชุมนุมที่สุ่มเสี่ยงต่ำกว่ามาตรฐานประชาธิปไตย ไม่มีความรับผิดชอบและไม่โปร่งใส ที่ควรเป็นไปตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ ว่า การชุมนุมต้องเป็นไปอย่างเปิดเผยและโปรงใส ทั้งจำนวนผู้ปราศรัย มีเนื้อหาอย่างไร รวมถึงระยะเวลาการชุมนุม แต่ในกฎหมายนี้ก็ระบุว่าไม่ให้ใช้กฎหมายนี้กับการชุมนุมในสถานศึกษา ดังนั้น ธรรมศาสตร์จึงเป็นพื้นที่ได้รับการยกเว้น แต่คนกลุ่มหนึ่งเห็นเป็นช่องที่ทางเลี่ยงกฎหมาย ที่จะใช้ประวัติศาสตร์ของธรรมศาสตร์ เด็กและพื้นที่ ทำร้ายบ้านเมือง แล้วคนรับผิดชอบคือธรรมศาสตร์ ตนจึงสนับสนุนให้ปิดกั้นพื้นที่ในการชุมนุมดังกล่าว
ส่วนหากสุดท้ายแล้วผู้ชุมนุมยังคงใช้ธรรมศาสตร์เป็นพื้นที่ชุมนุม หากมีความเสี่ยงเกิดขึ้นนั้น นายแก้วสรร ระบุว่า การประกาศการชุมนุมดังกล่าวไม่เชื่อว่ากลุ่มแกนนำจะสามารถดูแลความปลอดภัยของผู้ชุมนุมได้ ยิ่งหากมีการปลุกปั่นกันมาจากโซเชียลมีเดีย ที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่ไม่ใช่แค่ความหวาดวิตก แต่มีเป็นความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้น ส่วนตนเป็นห่วงและคาดหวังว่าจะเป็นม็อบที่เคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง และผู้ใหญ่ก็ใช้ความละมุนละม่อม แต่ตามหลักการแล้วไม่เกี่ยวว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่
นอกจากนี้ นายแก้วสรร ระบุอีกว่า ตนเองก็ไม่เห็นด้วยกับการสืบทอดอำนาจของ คสช.เช่นกัน และไม่เห็นด้วยที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป และไม่เคยใช้วิธี กปปส. เรียกให้ทหารออกมาปฏิวัติอย่างที่มีคนเคยใส่ร้ายตนก่อนหน้านี้ ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าทางกลุ่มจะปักหลักนอนเฝ้าที่ธรรมศาสตร์นั้นเป็นเรื่องเท็จ
อย่างไรก็ตาม นายแก้วสรรยืนยันว่า ความคิดหรือข้อเรียกร้องที่ผ่านมาบางอย่างตนเห็นด้วย แต่ยอมรับว่า บ้านเมืองในปัจจุบันมีสองพวก หนึ่งคือพวกใช้สิทธิ์อำนาจตามอำเภอใจ กับอีกพวกหนึ่งคืออยากให้บ้านเมืองใช้สิทธิ์กันโดยสงบ ตามกฎหมายชุมนุมสาธารณะ พร้อมกล่าวถึงในสภาว่าให้รีบเร่งทำงาน หมดยุคสมัยที่ต้องนั่งลุ้นว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งตนต้องการเปลี่ยนวิธีเคลื่อนไหวทางการเมือง ขออย่าเลี่ยงกฎหมายและเปิดเผยตัวตน แนะทำตัวให้มีมาตรฐาน
ภายหลังนายแก้วสรร เตรียมที่จะเข้าพบอธิการบดี มธ.ปรากฏว่า อธิการบดี มธ.ได้ส่งตัวแทนลงออกมารับหนังสือ ซึ่งนายแก้วสรร ยืนยันว่า จะพบอธิการบดีตามที่ได้นัดหมายกันมาแล้วก่อนหน้านี้ ก่อนที่ นายแก้วสรร จะเข้าไปพบกับอธิการบดีแล้วออกมาบอกว่า หากอธิการบดียอมรับหนังสือด้วยตนเองไม่ใช่เรื่องที่ไม่เป็นกลาง เนื่องจากได้มีการนัดหมายไว้เรียบร้อยแล้ว
จนสุดท้าย รองศาสตราจารย์ ดร.ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์ รองอธิการบดี ฝ่ายบริหารทรัพยากรมนุษย์ และท่าพระจันทร์ ได้ออกมาชี้แจงกับสื่อมวลชน โดยระบุว่า มีการนัดหมายจริง แต่วันนี้มีคนหลายกลุ่มมาขอยื่นหนังสือทางอธิการฯจึงต้องการที่จะรักษาความเป็นกลาง และที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยมีจุดยืนที่ชัดเจน วันนี้จึงยอมรับหนังสือกับนายแก้วสรรในฐานะที่เป็นศิษย์เก่า ยืนยันไม่ได้เป็นการแบ่งฝ่าย