เจ้าของฉายา “ทนายเทวดา” ตั้งโต๊ะแถลง หนุน “เนตร นาคสุข” สั่งไม่ฟ้อง “บอส วรยุทธ” ขับรถชนตำรวจตาย ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว เพราะตามหลักฐานในสำนวนขับเร็วไม่เกิน 80 อ้างโครงรถบางเบา ชนนิดเดียวก็บุบ ยันรื้อคดีไม่ได้ หลักฐานใหม่เป็นแค่กระแสสังคมอย่าเอาเสียงของประชาชนมาทำลายกระบวนการยุติธรรม โวย “บอส” ถูกถอนพาสปอร์ตเหมือนโดนแกล้งไม่ให้กลับเข้าประเทศ
วันนี้ (24 ส.ค.) เมื่อเวลา 16.00 น. นายสุกิจ พูนศรีเกษม ทนายความชื่อดัง แถลงข่าวคดี บอส วรยุทธ ที่ขับรถเฟอร์รารี ชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่งานปราบปราม สน.ทองหล่อ เสียชีวิต เมื่อปี พ.ศ. 2555 มีความเห็นว่า ตนมาในฐานะของนักวิชาการ มองว่า กรณี นายเนตร นาคสุข รอง อสส. สั่งไม่ฟ้องเป็นตามอำนาจหน้าที่และชอบด้วยกฎหมาย โดยคดีถือว่าสิ้นสุดเด็ดขาดและคณะกรรมการมีคำวินิจฉัยเป็นเอกฉันท์ว่า นายเนตร สั่งคดีโดยชอบ ซึ่งการรื้อคดีใหม่ในชั้นสอบสวนก็ไม่มีแต่อาศัยตาม ป.วิอาญา 47 มาใช้เทียบเคียงกันว่าหากมีพยานหลักฐานใหม่สามารถทำได้ เพื่อนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษ โดยให้พนักงานสอบสวนเป็นผู้ดำเนินการแต่ต้องเป็นข้อเท็จจริงที่ไม่ได้อยู่ในสำนวนมาก่อน แต่การรื้อคดีใหม่ก็ยังไม่เห็นว่ามีพยานหลักฐานใหม่แต่อย่างใด
นายสุกิจ เผยว่า ส่วนข้อหาขับรถด้วยความเร็วเกินกฎหมายกำหนดที่ไม่อยู่ในสำนวนมองว่าเป็นหลักฐานใหม่นั้นอันที่จริงปรากฏในสำนวน โดยหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ และ การเปรียบเทียบร่องรอยการชน จากเจ้าหน้าที่ พฐ. มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งสรุปความเห็นว่าความเร็วที่ขับมานั้น ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนที่สังคมตั้งข้อสังเกต ความเร็วรถเกินกว่า 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นที่ทราบกันดีว่าโครงรถเบาบางและฉีกง่าย ซึ่งชนไปแค่นิดเดียว รถก็บุบได้
นายสุกิจ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีดังกล่าวที่มีรื้อคดีขึ้นมาใหม่ ส่วนตัวมองว่ามันไม่สามารถรื้อได้อยู่แล้ว แต่การตั้งคณะทำงาน และตั้งคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ ขึ้นมา เป็นเพียงการตั้งขึ้นมาเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเท่านั้น แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ โดยเหตุที่รื้อมาก็เพราะว่าความเห็นของประชาชน จึงอยากฝากบอกว่า อย่าเอาเสียงของประชาชน มาทำลายกระบวนการยุติธรรม
นายสุกิจ กล่าวต่ออีกว่า คดีนี้เป็นคดีการเมือง เพราะมีคนสั่งให้พูดหรือไม่พูดบ้าง สั่งไม่ฟ้องแล้วแต่มารื้อคดีกลับใหม่ ตนมองว่าการรื้อฟื้นคดีใหม่ทำไม่ได้ ส่วนใครอยู่เบื้องหลังนั้นก็ทราบกันอยู่ ส่วนการถอนพาสปอร์ตทำให้ บอส เหมือนถูกกลั่นแกล้งไม่ให้สามารถกลับมาประเทศไทยได้ แต่เขาอยากกลับมาประเทศไทย โดยหลักฐานใหม่เป็นกระแสสังคมแต่ไม่สามารถรื้อฟื้นคดีใหม่ทำไม่ได้ ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ จึงอยากขอความเป็นธรรมให้บอส อย่ารังแกกัน นอกจากนี้ ได้เยียวยาญาติผู้เสียหาย ทำบุญสร้างโบสถ์และการบริจาคมูลนิธิต่างๆ จำนวนเงิน 3 ล้านบาท จนเป็นที่พอใจของญาติผู้เสียชีวิต
“มองว่า คดีนี้ ตั้งแต่ต้น มาจนถึงตอนที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง มันเป็นการทำงานแบบโปร่งใสหรือไม่ ผมก็ไม่รู้ แต่ที่ผ่านมา ทำตามพยานหลักฐานตลอด ศาลทำตามขั้นตอน ศาลไม่สามารถจะออกหมายจับใครได้ง่ายๆ ต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ส่วนการพยายามรื้อสำนวนเพื่อส่งฟ้องใหม่ โดยใช้พยานหลักฐานเก่าในประเด็นสารเสพติดนั้น หากเป็นการเสพต้องนำตัวไปบำบัดและมีอยู่ในหลักฐานเก่าจึงไม่ฟ้อง การรื้อคดีใหม่ในชั้นคดีสอบสวน ไม่สามารถทำได้” นายสุกิจกล่าว