“วิชา” เผยตำรวจที่ประสานอินเตอร์โพลออกหมายแดงจับ “บอส” โดนกลั่นแกล้ง ถูกย้ายแบบไม่รู้ตัว ส่วนคนถอนหมายแดงยังไม่ชัดเจน เตรียมเรียกผู้เกี่ยวข้องสอบถามเพิ่ม
วันนี้ (20 ส.ค. 63) ที่สำนักงานกฤษฎีกา นายวิชา มหาคุณ ประธานประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้เชิญ พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา รอง ผบ.สำนักงานส่งกำลังบำรุง ซึ่งในขณะนั้นปฏิบัติหน้าที่อยู่ในกองงานต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นผู้ติดต่อกับอินเตอร์โพลในการออกหมายแดง เพื่อจับ นายวรยุทธ อยู่วิทยา ท่านบอกว่าตัวเองถูกกดดันอย่างหนัก เพราะหลังจากที่ประสานเรื่องออกหมายแดงแล้ว ก็ถูกโยกย้ายแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ถูกเอาแขวนที่กองบังคับการ ประจำ จ.นครราชสีมา และนับตั้งแต่วันนั้นก็ต้องไปช่วยทำงานที่กระทรวงแรงงาน
โดย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ที่ดำรงตำแหน่ง รมว.แรงงาน ในขณะนั้น ที่ได้ช่วยให้มีงานทำ และท่านก็ได้มาช่วยงานกองบังคับการกฎหมายและคดี อยู่ได้ 1 ปี ก็ถูกโยกย้าย มาเป็นรองผู้บัญชาการส่งกำลังบำรุง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสายงานที่เจ้าตัวไม่คุ้นทั้งนั้น จนกระทั่งบัดนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะถูกกระเด็นไปไหนอีก เขาได้ร้องขอความเป็นธรรมด้วยว่าเดือดร้อนมาก กับคดีนายวรยุทธ และฝากสื่อมวลชนช่วยจับตาดูเรื่องการโยกย้ายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในสัปดาห์หน้า
“ขอให้คอยดูด้วยว่า ท่านจะได้รับความเป็นธรรมกลับคืนมาหรือไม่ เพราะท่านไม่เคยทำอะไรที่ไม่ถูกต้องเลย เราก็เห็นข้อนี้อยู่ว่า ท่านเป็นคนตั้งใจทำงานและจริงจัง โดยเฉพาะเรื่องการออกหมายแดง ที่ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็เป็นคนมอบหมายให้ทำ ท่านก็ไม่รู้ว่า ทำไมถึงตกเป็นผู้ที่ไม่พึงปรารถนา เพราะฉะนั้นผมขอแจ้งให้ประชาชนทั้งหลายทราบเลยว่า คดีนี้ไม่ปกติ ขอให้ทุกคนไปวิเคราะห์เอาเอง” นายวิชา กล่าว
นายวิชา กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่ อสส. มาชี้แจง ได้ยืนยันว่า การสั่งการของ นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด เป็นการสั่งการโดยที่ได้รับมอบอำนาจ เป็นไปตามคำสั่งในเรื่องร้องขอความเป็นธรรม และท่านยังบอกด้วยว่า รองอัยการสูงสุดอีกท่านหนึ่ง (สมศักดิ์ ติยะวานิช) จะได้รับมอบอำนาจ เรื่องการดำเนินการในคดีอาญาในเขตของศาลอาญากรุงเทพใต้ก็ตาม แต่การสั่งโดยนายเนตร กระทบไปถึงการสั่งไม่ฟ้อง ซึ่งเป็นเรื่องการสั่งในคดี เราก็ถามว่าไม่ทับอำนาจกับนายสมศักดิ์ เพราะเขาได้รับมอบอำนาจในการสั่งคดีนี้ อสส.ชี้แจงว่า เป็นคนละเรื่องกันเรื่องนี้ก็สำคัญเหมือนกัน เพราะกระบวนการในการสั่งร้องขอความเป็นธรรม แม้ว่าจะเป็นการสั่งอันเนื่องจากมีผู้ร้องมา แต่ปัญหาก็คือ สิ่งที่ร้องมาจะต้องสั่งไปเกี่ยวพันกับคดีอย่างนี้ เป็นอำนาจของนายเนตร อย่างสมบูรณ์หรือไม่ คณะกรรมการจึงขอร้องว่า หากเคยมีคดีลักษณะแบบนี้ ขอให้ช่วยส่งรายละเอียดคดีนั้นมาให้พิจารณาหน่อย เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่า อสส.เคยสั่งคดีในลักษณะนี้มาแล้ว ขอให้คัดคำสั่งเดิมของอธิบดีอัยการศาลอาญากรุงเทพใต้มาให้พิจารณา
นายวิชา กล่าวต่อไปว่า ส่วนกรณี พล.ต.อ.สมยศ ได้มาชี้แจงว่า ในวันที่ พ.ต.อ ธนสิทธิ์ กล่าวอ้างว่า ได้พา นายสายประสิทธิ์ มาพบในวันที่ 26 ก.พ. 2559 นั้น เขาไม่ได้อยู่ประเทศไทย แต่ไปประชุมที่สวิตเซอร์แลนด์ และได้มอบเอกสารหลักฐานให้คณะกรรมการด้วย และยอมรับว่า เขาอยู่ในคณะกรรมาธิการที่มีการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา ก็แสดงว่า ท่านปฏิเสธไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ แต่ยอมรับว่า เป็น สนช.ใน กมธ.กฎหมายฯ จริง และยอมรับว่าได้มีการส่งรายงานไปที่ อสส.จริง
นายวิชา กล่าวด้วยว่า ส่วนวันนี้ครบรอบ 20 วัน ซึ่งจะมีการส่งรายงานฉบับที่ 2 ให้กับนายกรัฐมนตรีรับทราบผลการดำเนินการ และครั้งหน้าจะพิจารณาข้อเท็จจริงในประเด็นทางกฎหมายที่กรรมการจะต้องพิจารณาว่าใครผิดใครถูกอย่างไร
เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรต่อไปที่แต่ละฝ่ายให้ข้อมูลไม่ตรงกัน ทั้ง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น นักวิทยาศาสตร์สำนักงานตำรวจพิสูจน์หลักฐานกลาง (พฐ.) นายวิชา กล่าวว่า เราจะไม่พูดว่าใครผิดใครถูก จะต้องมีการตรวจสอบกันต่อไป แต่เมื่อเป็นเช่นนี้กระบวนการรับฟังข้อเท็จจริงยังไม่สิ้นสุด เนื่องจาก พล.ต.อ.สมยศไม่ยอมรับตาม พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ และ พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี ผู้กำกับ (สอบสวน) สน.ทองหล่อ ให้ข้อมูลไว้ จากนี้คณะกรรมการจะปรึกษาหารือกันเพื่อพิสูจน์ความจริงต่อไป แต่ขณะนี้เราพบประเด็นใหม่ขึ้นมาเท่านั้น
เมื่อถามถึงความชัดเจนว่า ใครเป็นผู้ถอนหมายแดงออกจากอินเตอร์โพล นายวิชา กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่า ใครเป็นผู้ถอน แต่ในวันจันทร์นี้ได้เชิญตำรวจกองงานต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คนปัจจุบันมาชี้แจง รวมถึงจะเชิญตำรวจที่เชียงใหม่ มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเสียชีวิตของ นายจารุชาติ มาดทอง รวมถึงการชันสูตรพลิกศพและพยานในส่วนของตำรวจอีกหลายปากมาชี้แจงข้อมูลด้วย
ทั้งนี้ นายวิชา กล่าวว่า ไม่รู้สึกหนักใจกับการทำหน้าที่ เราแค่ดูว่าอะไรคือข้อเท็จอะไรคือข้อเท็จจริง ต้องว่ากันไปตามพยานหลักฐาน
เมื่อถามว่า สิ่งที่ พล.ต.อ.สมยศ ชี้แจงมีน้ำหนักหรือไม่ ว่า เพิ่งมายื่นวันนี้ยังไม่มีการตรวจสอบ ต้องนำไปเทียบเคียงกับข้อมูลอื่นๆที่คณะกรรมการฯได้รับมาตรวจสอบเพิ่มเติม
เมื่อถามว่า การที่ พล.ต.อ.สมยศ ให้การตรงกันกับ พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พ.ต.อ.วิรดล จะเป็นการชี้ว่าข้อมูลของ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ไม่ถูกต้องใช่หรือไม่ นายวิชา ระบุว่า ยังไม่สามารถสรุปเช่นนั้นได้ เพราะเป็นเพียงการเริ่มนับฟังข้อมูลจากแต่ละบุคคล จะผิดหรือถูกยังไม่รู้ อย่าเพิ่งตัดสิน เพราะยังมีเวลาในช่วง 10 วันสุดท้าย