ทนายความร่างทรง 4G โวยพยานคดี “บอส อยู่วิทยา” กลับคำให้การความเร็วรถ ตามกระแสสังคม อ้างผลคำนวณ 177 กม./ชม.เป็นแค่ “พยานบอกเล่า” แนะควรดูข้อเท็จจริงในคดีให้รอบด้าน พร้อมยกการยืนยันข้อมูลความเร็วของ ดร.สายประสิทธิ์ น่าเชื่อถือกว่า หลังเคยแย้งความเห็น พฐ.พลิกคดีเสี่ยชูวงษ์ จนเป็นที่ยอมรับมาแล้ว
วันนี้ (15 ส.ค.) ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม ทนายความชื่อดัง ได้ให้ความเห็นผ่านทางเฟซบุ๊ก สุกิจ พูนศรีเกษม เกี่ยวกับคดีของนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ในประเด็นที่สังคมถกเถียงกันอยู่ว่า พยานผู้เชี่ยวชาญที่ให้ความเห็นต่อสื่อนั้นเกี่ยวข้องกับคดีอย่างไร
พยานที่เกี่ยวกับคดีนั้นหมายถึงพยานที่ปรากฏในสำนวนการสอบสวน ชึ่งศาลฎีกาได้ให้แนวทางไว้ตามหลักกฎหมาย ป.วิ.พ. มาตรา 95 บัญญัติว่า ห้ามมิให้ยอมรับฟังพยานบุคคลใดเว้นแต่พยานประเภทแรก คือ เป็นผู้ที่ได้เห็นได้ยิน หรือทราบข้อความเกี่ยวในเรื่องที่จะให้การเป็นพยานนั้นมาด้วยตนเองโดยตรงหรือที่เรียกกันว่า ประจักษ์ พยาน ศาลฎีกาที่ 12498/2558
หากพยานผู้เชี่ยวชาญไม่ได้ให้การจากองค์ความรู้ของตนเอง หรือไม่ใช่องค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการยอมรับ..ต้องถือว่า พยานผู้เชี่ยวชาญนั้น ไม่น่าเชื่อถือ.. เป็นพยานบอกเล่าที่ไม่มีน้ำหนักให้เชื่อว่า สิ่งที่เขาพูดนั้น เป็นความรู้จริง
ผมขอยกคดีตัวอย่างให้เห็นว่า สิ่งเหล่านี้ได้ปรากฏไว้เป็นบรรทัดฐาน ในคดี “ผู้พันตึ๊ง” ที่สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ กับสถาบันนิติวิทยาศาลสตร์ กระทาวงยุติธรรม ซึ่งมี คุณหญิงพรทิพย์ เป็นผู้อำนวยการ ต่างวินิจฉัยผลเลือดและความเห็นต่างกัน แต่ศาลไม่เชื่อคุณหมอพรทิพย์ เนื่องจากเป็นแพทย์ทาง “พยาธิ” ความเห็นของคุณหมอพรทิพย์จึงไม่ความน่าเชื่อถือในคดีนั้น
คดีนาย “บอส” ก็เช่นกัน พนักงานสอบสวนก็ดี พยานผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความเร็วก็ดี ไม่ได้เป็นอยู่ในเหตุการณ์ ขณะเกิดเหตุ พยานผู้เชี่ยวชาญจึงเป็นเพียงพยานที่ให้ความเห็นไปตามหลักวิชาการของตน ซึ่งปกติศาลก็รับฟัง “แต่มิใช่ว่าจะต้องเชื่อพยานผู้เชี่ยวชาญเสมอไป” ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4299/2534
ปัญหาที่ถกเถียงกันอย่างไม่รู้จบ คือ การตรวจสอบความเร็วของรถยนต์นายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา
ตามข่าว มี พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น ลงพื้นที่เกิดเหตุพร้อมกับ ดร.สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่มาเป็นที่ปรึกษาให้ “กองพิสูจน์หลักฐาน” และกำลังเตรียมมาเป็นพยานหลักฐานใหม่ในคดี บอส อยู่วิทยา นั้น
การที่ ดร.สธน เคยให้ความเห็นว่า “นายบอส” ขับรถด้วยความเร็สูง 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยไม่ได้ตรวจสอบความเสียหายของรถทั้งสองคันในคดี และไม่เคยคำนวณความเร็วรถจักรยานยนต์มาก่อน จนเป็นที่มาของรายงานการคำนวณความเร็วของ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ในสำนวนที่อัยการเคยหยิบนำมาเป็นเหตุในการสั่งฟ้อง บอส อยู่วิทยา
ขัดแย้งกับ ความเห็นของ ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม หัวหน้าศูนย์วิจัยเฉพาะทางวิศวกรรมการประเมินและความปลอดภัยยานยนต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ซึ่งถือเป็นผู้เชี่ยวชาญทางนิติวิทยาศาสตร์ ท่านหนึ่งที่เคยร่วมพิสูจน์ข้อเท็จจริงในคดี “เสี่ยชูวงษ์” แย้งความเห็นของกองพิสูจน์หลักฐาน ว่าเป็นการจัดฉากฆาตกรรม ไม่ใช่อุบัติเหตุตามที่กองพิสูจน์หลักฐาน ให้ความเห็นไว้แต่แรก ซึ่งครั้งนั้นสังคมให้การยอมรับอย่างมาก ส่วนกรณีที่ ดร.สายประสิทธิ์ ให้การคำนวณความเร็วได้ 76 กิโลเมตร/ชั่วโมง เขามีการทำรายงานอย่างละเอียด ทั้งหน้ากล้องและหลังกล้องมันน่าเชื่อถือที่ควรให้น้ำหนักในการรับฟังมากกว่า ต่างกับ “พยานบอกเล่า” ที่ใช้แค่ความเข้าใจของตัวเอง “ว่าน่าจะเกิดจากความเร็วของ” กับกระแสสังคมมาชี้นำ ดังนั้น พอเราย้อนมาดูนักวิชาการท่านอื่นเขาไม่ได้จบมาทางนี้โดยตรงการแค่คำนวณหน้ากล้องวงจรปิดจะเชื่อถือได้หรือไม่ เราต้องมาดูที่เกิดเหตุต้องดูรอยชนเอามาประกอบอาชญาวิทยา
ส่วนประจักษ์พยานอื่น ที่ได้ทำการตรวจสภาพความเสียหายของรถ ทําให้ทราบลักษณะทิศทางการชนของรถ ความแรงของการชน สีของรถคันที่ชนติดอยู่ ระดับความสูงต่ำหรือตําแหน่งที่ชนกัน ร่องรอยความเสียหายของรถแต่ละคันที่ชนกัน ซึ่งสามารถบอกทิศ ทางการชนกันของรถที่เกิดเหตุหลังกล้องวงจรปิด ที่สามารถนำมาเป็นหลักฐานประกอบในการคำนวณหาความเร็วรถเฟอร์รารี่ของ นายวรยุทธ หรือ “บอส” ว่ามีความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม.เป็นพยานหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้จากวัตุพยาน ในสำนวนที่ควรหยิบขึ้นมาประกอบการพิจารณาเช่นกัน
การที่พนักงานอัยการมีคำสั่งให้สอบ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ เป็นพยาน เพราะสำนวนมีข้อสงสัยที่ยังไม่สิ้นกระแสความเกี่ยวกับความเร็ว โดยให้คำนวณความเร็วโดยคำนึงถึงความเสียหายของรถทั้งสองคัน หลังการชน ซึ่ง พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ให้การหลังการคำนวณด้วยวิธีใหม่ ได้ความเร็ว 79 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่ล่าสุด พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น ชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการฝ่ายกฎหมาย มี นายสิระ เจนจาคะ เป็นประธานกรรมาธิการ ว่า ความเร็วของรถที่นายวรยุทธ หรือ “บอส อยู่วิทยา” ขับขี่นั้น แท้จริงความเร็ว 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สาเหตุที่ให้การครั้งที่สอง ว่า ใช้ความเร็ว 79 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้น อ้างว่าเพิ่งคิดได้ว่าวิธีการที่ใช้คำนวณแบบเดียวกับ ดร.สายประสิทธิ์ นั้น เป็นวิธีการคำนวณที่ผิด
“ถ้าผมเป็นทนายนะ เสร็จผม พยานกลับไปกลับมาพิสูจน์หลักฐานแค่นี้ ถ้าขึ้นศาลผมซักแค่สองประโยค ก็จับโกหกได้แล้ว” ดร.สุกิจ กล่าว
การที่พยานยังอ้างต่อไปอีกว่าจะขอให้การใหม่ ว่า ความเร็วนั้นแท้จริง 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่พนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนไปยังอัยการนั้น “ยิ่งไม่น่าเชื่อถือ หากข้องอ้างของ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ เป็นความจริง ก็น่าจะทำหนังสือถึงพนักงานอัยการเป็นหนังสือขอถอนคำให้การได้ ทำให้พยานปากนี้ไม่น่าเชื่อถือ เป็นแค่พยานบอกเล่าให้การปรักปร่ำผู้ต้องหาไปตามกระแสสังคมเท่านั้น ส่วนพยานปาก ดร.สธน ได้ร่วมกันตรวจที่เกิดเหตุพร้อมกับ พ.ต.อ.ธนะสิทธิ์ เกี่ยวกับเรื่องความเร็วของรถนั้น จึงไม่ใช่พยานหลักฐานใหม่ที่อัยการสูงสุด จะสั่งให้พนักงานสอบดำเนินคดีได้
ในส่วนของคดี บอส อยู่วิทยา นอกจากพยานผู้เชี่ยวชาญที่ยังมีความเห็นขัดแย้งกันในประเด็นการคำนวณความเร็ว ยังมีประจักษ์พยานหลักฐานอื่นที่ควรหยิบขึ้นมาพิจารณาประกอบ เช่น การขี่รถจักรยานยนต์เปลี่ยนเลนจากซ้ายสุดไปชนกับรถยนต์ที่ขับมาในช่องทางขวาสุด ความเสียหายของรถทั้งสองคัน เป็นต้น “หากคุณขับรถมาดีๆ อย่างวิญญูชนทั่วไป แล้วมีคนอื่นขับรถมาตัดหน้าคุณ ผมขอถามว่า คุณผิดเหรอ มันต้องดูรายละเอียดทุกอย่างมาประกอบไม่ใช่เอาความเข้าใจของตัวเองมาตัดสิน” ดร.สุกิจ ได้กล่าวทิ้งท้าย
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ดร.สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยอธิบายวิธีการคำนวณเร็วรถของนายวรยุทธ ก่อนชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผ่านทางรายการโหนกระแส ช่อง 33 โดยใช้สูตรความเร็วเท่ากับระยะทางหารด้วยเวลา โดยระยะทางนั้นวัดจากสถานที่เกิดเหตุจริง ส่วนเวลาคำนวณจากจำนวนเฟรมของภาพวงจรปิดที่บันทึกภาพก่อนเกิดเหตุ ส่วน ดร.สายประสิทธิ์ นั้น เคยแสดงวิธีการคำนวณผ่านรายการตอบโจทย์ ไทยพีบีเอส โดยใช้สูตรเดียวกัน แต่ระยะทางนั้นวัดเอาจากเส้นทะแยงมุมของรถยนต์เฟอร์รารี่ของนายวรยุทธ ส่วนเวลาคำนวณจากจำนวนเฟรมของภาพวิดีโอที่ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพหน้าจอของภาพวงจรปิดอีกต่อหนึ่ง ซึ่งนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบจราจรเมืองใหญ่ได้ให้ความเห็นไว้ว่าเป็นวิธีการที่มีความคลาดเคลื่อนสูง เพราะเป็นการถ่ายจากภาพสโลว์โมชันถึง 4 เท่า (ดร.สามารถ ไขข้อสงสัย ทำไมนักวิชาการ 2 คน คำนวณความเร็วรถ “บอส กระทิงแดง” ต่างกัน 100 กม./ชม.)
สำหรับ นายสุกิจ เคยเป็นทนายความให้ น.ส.สุริยะเทพ พระมหาสุริยา หรือร่างทรง 4G ที่ถูก นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยบเหลือเหยื่ออาชญากรรม แจ้งความดำเนินคดีฐานแอบอ้างเบื้องสูง กรณีที่อ้างว่าเป็นร่างทรงของอดีตพระมหากษัตริย์ และเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2561 ขณะที่ นายสุกิจ พร้อมด้วย น.ส.สุริยะเทพ ไปแจ้งความที่ สน.พหลโยธิน เพื่อดำเนินคดีนายอัจฉริยะ ในข้อหาหมิ่นประมาท นายสุกิจ ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามเข้าจับกุมในคดีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งขณะที่ควบคุมตัวเพื่อนำมาลงบันทึกประจำวันนั้น ทนายสุกิจ ได้แสดงท่าทีขัดขืน เจ้าหน้าที่จึงได้รุมจับตัวพร้อมใส่กุญแจมือมือทนายสุกิจทันที (ดักจับ “ทนายสุกิจ” บน สน.พหลโยธิน ฐานรุกป่า ขณะพาร่างทรง 4G แจ้งความ หัวหมอขัดขืนถูกล็อกจับกดพื้นใส่กุญแจมือ)
นอกจากนี้ นายสุกิจ ยังเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายให้กับ น.ส.กนกพรรณ หมวกไสว หรือ ฟ้า และ นายฐนุกร เหลืองใหม่เอี่ยม หรือ แผน พยานฝ่าย นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือ ครูปรีชา ในคดีหวย 30 ล้านที่ จ.กาญจนบุรี รวมทั้งเข้าไปช่วยเหลือ นางเรวดี หาแก้ว หรือ ป้าติ้น ที่ถูกดำเนินคดีฐานแจ้งความเท็จ กรณีที่อ้างว่าถูกเพื่อนสนิทยักยอกสลากกินแบ่งที่ถูกรางวัล 30 ล้าน