xs
xsm
sm
md
lg

กฎหมายไม่เปิดช่อง “ทนายสุกิจ” แฉ พฐ.กลับคำคดี “บอส อยู่วิทยา” เชื่อถือไม่ได้

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผลของพยานกลับคำให้การต่อสื่อในคดี “นายบอสหลังจากอัยการสั่งไม่ฟ้องไปแล้วเป็นพยานหลักฐานที่จะใช้เป็นการดำเนินคดีใหม่นั้น กฎหมายไม่เปิดช่องให้ทำได้ ต้องดำเนินคดีต่อพยานให้รับโทษเสียก่อน

เมื่อวันที่ 9 ส.ค. ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม ทนายความชื่อดัง เจ้าของฉายา “ทนายมาเฟีย” และ “ทนายเทวดา” ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีประเด็นสำคัญทางคดี กรณี “บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา” ที่น่าสนใจและกำลังเป็นที่จับตามองของสังคมในเวลานี้ว่า “หลังจากที่สำนักงานอัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้องเด็ดขาด สังคมได้เคลือบแคลงสงสัยว่าคุกมีไว้ขังคนจน ข่าวนี้ดังไปทั่วโลกเป็นเหตุให้ต่างประเทศนั่งหัวเราะ ข้าราชการไทยมีแต่ที่จะจ้องจับผิดกันเอง เพื่อความดังและต้องการออกสื่อ โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายในระบบของกฎหมายบ้านเรา

อย่างกรณี พ.ต.อ.ธนสิทธิ แตงจั่น นักวิทยาศาสตร์ สบ.4 กลุ่มงานตรวจเคมีฟิสิกส์ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ผู้ตรวจสอบความเร็วของรถยนต์ให้การยืนยันว่าความเร็วของรถยนต์นายบอส ขณะขับเป็นเหตุให้ตำรวจชึ่งเป็นผู้ตายถึงแก่ความตายนั้น ให้การตามหลักวิชาการว่าความเร็วนั้น คำนวณได้ 177 กิโลเมตรต่อหนึ่งชั่วโมง

หลังจากนั้นได้ให้การใหม่ว่า คำนวณผิดแท้จริงแล้วความเร็วไม่เกินกว่ากฎหมายกำหนด อันนี้ตำรวจไม่ได้เชื่อถือพยานปากนี้เท่าที่ควร ก็พยายามหาพยานหลักฐานคนกลางซึ่งสอดคล้องต้องกัน จึงทำให้พยานปาก พ.ต.อ.ธนสิทธิ แตงจั่น มีน้ำหนักรับฟ้องประกอบเท่านั้น แต่ก็ยังชื่อถือไม่ได้

ทั้งนี้ หลังจากคดีนายบอสตกเป็นข่าว พยานปากนี้ไปออกสื่อ และไปให้การต่อหน่วยงานต่างๆ ว่าความเร็วคดี นายบอสนั้นแท้จริงแล้วความเร็ว 177 กิโลเมตรต่อหนึ่งชั่วโมง ที่ให้การเพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวนไปว่า ความเร็วที่รถยนต์นายบอสขับขี่นั้น ไม่เกินกว่ากฎหมายกำหนดนั้นเพราะเกิดจากความสับสน

พยานให้การเช่นนี้มีแนวคำพิพากษาศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เชื่อถือไม่ได้ ให้การกลับไปกลับมาไม่อยู่กับร่องกับรอย และยังให้การแตกต่างจากพยานอื่นเป็นข้อพิรุธ นายบอสที่ตกเป็นข่าวก็ให้การปฏิเสธตลอดมา ย่อมมีเหตุสงสัยตามสมควร ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลย ตาม ป.วิอาญา มาตรา 227 วรรคสอง คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 238/2536

แม้ตำรวจจะไม่ได้แจ้งข้อหา ตำรวจและอัยการสูงสุดมีอำนาจตามกฎหมายใดที่จะสั่งให้ดำเนินคดีต่อนายบอส ตามกระแสสังคมและความรู้สึกของประชาชนที่บริโภคข่าวอันนี้เป็นอันตรายต่อกระบวนการยุติธรรม ถ้ากฎหมายไม่เป็นกฎหมาย ความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายตกอยู่ในความรู้สึกของของมวลชน ในการกดดันผู้รักษากฎหมายให้ทำตามความรู้สึกของประชาชนนั้นย่อมทำไม่ได้

ตำรวจและอัยการย่อมไม่มีอำนาจดำเนินคดีต่อนายบอส ตามแนวคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ให้เป็นแนวทางไว้ตอนหนึ่งว่า แม้พนักงานสอบสวนจะเคยมีความเห็นว่าไม่ควรดำเนินคดีแก่จำเลยในข้อหาใดข้อหาหนึ่ง และควรสั่งฟ้องอีกข้อหาหนึ่ง แต่ความเห็นของพนักงานสอบสวนยังไม่มีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดี เมื่อสำนักงานอัยการสูงสุด มีความเห็นเด็ดขาดไม่ฟ้องทุกข้อหา ห้ามมิให้มีการสอบสวนเกี่ยวกับบุคคลนั้นในเรื่องเดียวกันนั้นอีก และก็ไม่ใช่พยานหลักฐานใหม่ด้วย ไปตามนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8481/2544

หากพยานที่กลับคำให้การต่อสื่อนั้น ในขณะเกิดเหตุท่านเป็นตำรวจ และในขณะกลับคำให้การครั้งสุดท่านเป็นผู้แทนราษฎร หากเห็นตำรวจและอัยการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ ทำไม่ถึงไม่ดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องต่อศาล เพื่อเอาผลคำพิพากษามารื้อฟื้นคดีใหม่ ที่ท่านให้สัมภาษต่อสื่อมวลชนนั้น ต้องมีกฎหมายรองรับหากไม่มีกฎหมายรองรับก็ไม่ตัดสิทธิ ซึ่งสิทธิพลเมืองที่จะกล่าวโทษท่านได้”


กำลังโหลดความคิดเห็น