อัยการตั้งคณะทำงานใหม่อีก คดี “บอส วรยุทธ” พร้อมสั่งให้พนักงานสอบสวนสอบพยานหลักฐานเพิ่ม เรื่อง “ความเร็วรถ-สารโคเคนในร่างกาย”
เมื่อเวลา 11.15 น. วันนี้ (10 ส.ค.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ นายอิทธิพร แก้วทิพย์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา, นายชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา และนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงความคืบหน้าการดำเนินคดีต่อนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง กรณีขับรถเฟอร์รารีพุ่งชนตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิต
นายประยุทธเปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดมีคำสั่งที่ พิเศษ/2563 ลงวันที่ 26 ก.ค. 2563 ตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบการพิจารณาสั่งคดี สำนวน ส.1 เลขรับที่ 107/2556 ของสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 คดีระหว่าง พ.ต.ท.วิรดล ทับทิมดี ผู้กล่าวหา นายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ผู้ต้องหาที่ 1 และ ด.ต. วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผู้ต้องหาที่ 2 ต่อมาเมื่อคณะทำงานได้ตรวจพิจารณาการสั่งสำนวนดังกล่าวเสร็จสิ้น และได้แถลงข่าวให้สื่อมวลชนทราบแล้วเมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2563
ทั้งนี้ คณะทำงานได้ตรวจพบว่าข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายที่มีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องไปแล้วนั้น ได้ปรากฏพยานหลักฐานใหม่ซึ่งเป็นพยานสำคัญสามารถทำให้ศาลลงโทษนายวรยุทธได้ จึงเข้าหลักเกณฑ์ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 147 ที่สามารถแจ้งให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนต่อไป และคณะทำงานยังตรวจสำนวนพบว่ามีหลักฐานการตรวจพบยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 (โคเคน) ในร่างกายนายวรยุทธ แต่พนักงานสอบสวนยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาและสอบสวนผู้ต้องหา ในข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) โดยคณะทำงานได้ทำบันทึกรายงานและเรียนอัยการสูงสุดให้ดำเนินคดีนายวรยุทธต่อไป
ต่อมาอัยการสูงสุดได้พิจารณารายงานของคณะทำงานดังกล่าวแล้ว เห็นชอบด้วยกับข้อเสนอของคณะทำงาน ซึ่งอัยการสูงสุดได้อาศัยอำนาจ ตามมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ.2553 มีคำสั่งสำนักงานอัยการสูงสุดที่ 1400/2563 ลงวันที่ 4 ส.ค. 2563 แต่งตั้งพนักงานอัยการเป็นคณะทำงานพิจารณามีคำสั่งคดีอาญาสำนวน ส.1 เลขรับที่ 107/2556 ของสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 ดังนี้ นายอิทธิพร แก้วทิพย์ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน, นายชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์ เป็นรองหัวหน้าคณะทำงาน, นายอุทัย สังขจร เป็นคณะทำงาน, นายประยุทธ เพชรคุณ เป็นคณะทำงานและเลขานุการ, นายนรา เขมอุดลวิทย์ เป็นคณะทำงานและผู้ช่วยเลขานุการ โดยมีนายสมใจ โตศุกลวรรณ์ เป็นที่ปรึกษาคณะทำงาน
ให้คณะทำงานมีอำนาจหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ให้ดำเนินการเรียกสำนวนคดีดังกล่าวเพื่อพิจารณา สั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมหรือส่งพยานคนใดมาให้ซักถาม และหากปรากฏว่ามีพยานหลักฐานใหม่ ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายเพื่อพิจารณาสั่งคดีต่อไป
ด้านนายอิทธิพรกล่าวว่า ล่าสุดในวันนี้ (10 ส.ค.) คณะทำงานตามคำสั่งสำนักงานอัยการสูงสุดที่ 1400/2563 ดังกล่าว ได้ประชุมพิจารณาสำนวนคดี ส.1 เลขรับที่ 107/2556 ของสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 แล้ว คณะทำงานได้มีคำสั่งทางคดี คือ พนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ ผู้ต้องหาที่ 1 ฐานกระทำโดยประมาทและการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26 ) พ.ศ. 2560 มาตรา 4 และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้มีคำสั่งไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการแล้วเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 2563 อันเป็นผลให้คดีต้องห้ามมิให้ทำการสอบสวนเกี่ยวกับการกระทำของนายวรยุทธในเรื่องเดียวกันนั้นอีก เว้นแต่จะได้พยานหลักฐานใหม่อันสำคัญแก่คดี ซึ่งน่าจะทำให้ศาลลงโทษผู้ต้องหานั้นได้ ทั้งนี้ ตามนัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 147
ภายหลังจากพนักงานอัยการได้มีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องนายวรยุทธดังกล่าวแล้ว ได้ปรากฏข้อเท็จจริงทางสื่อมวลชนอย่างแพร่หลายว่ามีผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นเกี่ยวกับอัตราความเร็วในการขับรถของนายวรยุทธ แตกต่างจากอัตราความเร็วที่ใช้เป็นข้อเท็จจริงในการพิจารณาความเห็นสั่งไม่ฟ้อง
โดยจากคำให้สัมภาษณ์ทางสื่อมวลชนของ ดร.สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์ว่าเป็นผู้คำนวณความเร็วรถยนต์ที่นายวรยุทธขับได้ความเร็ว 177 กม./ชม. ส่วน ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้คำนวณความเร็วรถยนต์ของนายวรยุทธขับได้ความเร็ว 126 กม./ชม.
คณะทำงานได้ร่วมกันพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงที่ได้จากการให้สัมภาษณ์และการคำนวณของ ดร.สธน และดร.สามารถ เป็นพยานหลักฐานใหม่ตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 147 หมายถึง พยานหลักฐานที่ไม่เคยปรากฏอยู่ในสำนวนการสอบสวนและเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญ ซึ่งอาจมีผลให้การพิจารณาความเห็นเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมได้ ดังนั้น ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความเร็วของรถยนต์ที่นายวรยุทธขับในขณะเกิดเหตุจึงเป็นพยานหลักฐานที่สำคัญ และสามารถทำให้ศาลลงโทษผู้ต้องหาที่ 1 ได้ ถือเป็นพยานหลักฐานใหม่ที่ควรสั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณาสั่งคดีต่อไป ตามนัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 147
คณะทำงานจึงมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการ ดังนี้ 1. ให้สอบสวน ดร.สธน และ ดร.สามารถ เป็นพยานตามรูปคดี ที่คณะทำงานได้กำหนดเป็นประเด็นในหนังสือสั่งสอบสวนเพิ่มเติม 2. ให้สอบสวนนายกสภาวิศวกรหรือผู้ได้รับมอบหมายเป็นพยานในประเด็นว่า ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรของ รศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม ขาดต่อใบอนุญาตจริงหรือไม่ การขาดต่อใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรจะมีผลต่อการทำเอกสารรับรองการคำนวณความเร็วของรถยนต์ที่นายวรยุทธขับ มากน้อยเพียงใด การคำนวณความเร็วของรถยนต์มีความถูกต้องมากน้อยเพียงใด
นอกจากนี้ยังปรากฏว่า ผลการตรวจร่างกายของนายวรยุทธพบสารโคเคน ซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 คดีจึงมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่ 1 ในความผิดฐานเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 (โคเคน) เข้าสู่ร่างกาย โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 แต่พนักงานยังไม่ได้ดำเนินคดีข้อหานี้กับนายวรยุทธ คณะทำงานจึงมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับนายวรยุทธ เป็นคดีใหม่ต่อไปตามกฎหมาย โดยคณะทำงานได้มีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมดังกล่าวโดยด่วน และให้จัดส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมภายในวันที่ 20 ส.ค. 2563 นี้
ส่วนนายชาญชัยกล่าวว่า ความเห็นเกี่ยวกับความเร็วที่เพิ่มเติมขึ้นมา การที่ความเห็นเรื่องความเร็วเปลี่ยนแปลง ไม่ได้แปลว่าความเห็นเดิมจะเป็นเท็จ สิ่งที่แสวงหาเวลานี้คือการสอบสวนต่อไป เราดำเนินการต่อไปในลักษณะการให้สอบสวนเพิ่มเติมจากผู้ให้ความเห็นทั้งสอง ใช้หลักการคำนวณอย่างไร สามารถให้ความเห็นโดยอิสระบนหลักการคำนวณที่น่าเชื่อถือที่สุด สามารถรับฟังยุติได้ รวมถึงประเด็นใบอนุญาตประกอบอาชีพวิศวกรขาดต่อของ ดร.สายประสิทธิ์ มีผลหรือไม่ ในคดีอาญาข้อเท็จจริงต้องเป็นที่ยุติจนสิ้นกระแสความ และอาจมีประเด็นมากกว่าที่ได้สั่ง ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงอะไร ส่วนประเด็นยาเสพติด พนักงานสอบสวนต้องไปสอบให้ได้ความจริงว่าผู้ต้องหาที่ 1 กระทำผิดหรือไม่ การพบสารโคเคนเกิดจากความตั้งใจเสพหรือเหตุอื่น ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขับรถประมาท คณะทำงานรอพนักงานสอบสวนดำเนินการ และมีหน้าที่พิจารณาสั่งคดีเรื่องนี้ แสวงหาข้อเท็จจริงให้ยุติ
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่พนักงานสอบสวนไม่แจ้งข้อกล่าวหาการเสพยาเสพติดกับนายวรยุทธ จะเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ นายชาญชัยกล่าวว่า พนักงานสอบสวนมีดุลพินิจของท่าน ในสำนวนเดิมมีความเห็นของหมอผู้เชี่ยวชาญ การพบสาร 2 ตัว ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าคนนั้นเสพโคเคนมาหรือไม่ เพียงแต่ยืนยันว่าได้รับสารโคเคน ซึ่งสารนี้อาจจะเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย เช่นการได้รับยาบางตัว ในสำนวนเดิมบอกได้รับการจ่ายยา ทำให้พนักงานสอบสวนเข้าใจว่าความผิดยังไม่ชัดเจน อาจจะผิดหรือไม่ผิดแล้วแต่พยานที่จะสอบกัน ไม่ผูกมัดต้องสอบพยานผู้เชี่ยวชาญที่เคยให้การไว้แล้ว
นายประยุทธกล่าวว่า การตรวจร่างกายผู้ต้องหาพบสารโคเคนตั้งแต่วันแรก แต่นักวิชาการสอบไว้หลายคราว่าอาจจะมีผลข้างเคียง เมื่อมีข่าวปรากฏนักวิชาการหลายท่าน สิ่งที่พนักงานสอบสวนสอบไว้ในสำนวนไม่เป็นบทสรุปทางวิชาการ เช่น การใช้แอมม็อกซีรักษาฟันแล้วทำให้ค่ารวมเหมือนโคเคน ก็มีทันตแพทย์บอกว่าความเชื่อเช่นนั้นเป็นเรื่องร้อยปีมาแล้ว เราก็ใช้ดุลพินิจ ต้องไปสู้กันในศาล คณะทำงานเห็นพ้องกันว่าเพียงพอที่จะดำเนินคดีจึงมีคำสั่งออกไป
เมื่อถามถึงหลักวิชาการ จะต้องวัดความเร็วของรถใหม่อีกหรือไม่ นายอิทธิพรกล่าวว่า ดูจากหลักฐานเดิมตามคลิปวิดีโอที่ปรากฏในสื่อ นำไปคำนวณความเร็วตามหลักวิชาการ เพื่อข้อเท็จจริงที่ฟังโดยยุติ โดยนายชาญชัย กล่าวเสริมว่า ถ้ามีคนพบคลิปใหม่ที่แสดงจุดชนได้ยิ่งดีใหญ่ เรากำลังหาความเร็วที่เป็นที่ยุติว่า ความเร็วที่เฉี่ยวชนกันขณะเกิดเหตุความเร็วเท่าไหร่ มีผลต่อการพิจารณาสั่งคดีว่าผู้ขับรถปราศจากความระมัดระวังหรือไม่ ต้องหาความเห็นที่น่าเชื่อถือที่สุด โดย ดร.สามารถให้ความเห็นว่าเร็ว 126 กม./ชม. กับ ดร.สธน ให้ความเห็นว่าเร็ว 177 กม./ชม. ยังไม่ชัดเจนพอสมควร หากมีผู้เชี่ยวชาญปรากฏตัวขึ้นอีก ถือเป็นข้อเท็จจริงใหม่ทั้งสิ้น เรากำลังแสวงหาข้อเท็จจริงเพื่อพิสูจน์ความจริงให้ได้
เมื่อถามว่าพนักงานสอบสวนจะดำเนินการเสร็จภายใน 10 วันหรือไม่ นายประยุทธชี้แจงว่า คณะทำงานสั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป รายละเอียดอยู่ที่พนักงานสอบสวนมีหน้าที่ไปรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่ง ดร.สธน เป็นพยานที่ปรึกษาของกองพิสูจน์หลักฐานกลาง ที่ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุและทำความเห็นทางวิชาการ ว่ารถใช้ความเร็ว 177 กม./ชม. สิ่งเหล่านี้มันหายไปจากสำนวน ซึ่งพนักงานสอบสวนสามารถแสวงหาเพิ่มมากกว่านี้ก็ได้ตามอำนาจหน้าที่ และอาจจะเสร็จเร็วก็ได้