พญ.ศศิธร คุณูปการ อายุรแพทย์โรคไต โพสต์ข้อความอธิบายกรณีพบสารโคเคนจากยาอะม็อกซี่ในตัว “บอส อยู่วิทยา” ยืนยัน สารประกอบในยาไม่มีส่วนผสมของ “โคเคน” แต่อย่างใด
จากกรณีที่สื่อต่างประเทศ ระบุว่า อัยการของไทยสั่งไม่ฟ้อง นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ทายาทเจ้าของธุรกิจเครื่องดื่มกระทิงแดง ในคดีขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต เมื่อปี 2555 หลังมีการสอบปากคำพยานใหม่ 2 ราย ช่วงเดือน ธ.ค. 62 หลังจากเหตุการณ์ผ่านไปนาน 7 ปี ระบุว่า เป็นเหตุสุดวิสัย มิใช่เกิดจากความประมาทปราศจากความระมัดระวังของนายวรยุทธ แต่เกิดจากความประมาทปราศจากความระมัดระวังของผู้เสียชีวิต นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบสารโคเคนจากยาอะม็อกซี่ ซึ่งเป็นยาปฏิชีวนะ ในตัว “บอส อยู่วิทยา” แต่ตำรวจอ้างคำให้การของทันตแพทย์บอกเป็นแค่ยาชาที่ใช้ในการทำฟัน
ต่อมา เมื่อวันที่ 1 ส.ค. เพจ “Doctor Kidney-ด็อกเตอร์คิดนี่ ตอบคำถามสุขภาพโรคไต” หรือ พญ.ศศิธร คุณูปการ อายุรแพทย์โรคไต ได้ออกมาโพสต์อธิบายถึงยาอะม็อกซี่ ที่มีการแจ้งผลว่าพบ “โคเคน” จากตัวยาปฏิชีวนะชนิดนี้ โดยระบุว่า “วันนี้หมอจะมาว่าด้วยประเด็นร้อนเรื่องยา “อะม็อกซี่ (Amoxy)” หรือชื่อเต็มก็คือ “อะม็อกซีซิลลิน (Amoxycillin)” กันค่ะ ตั้งแต่เมื่อวานเราคงได้ยินชื่อยาตัวนี้ผ่านสื่อต่างๆ ว่ามีการใช้ยาในการรักษาหลังจากทำฟัน แล้วมีการแจ้งผลว่า พบ “โคเคน” จากยาปฏิชีวนะตัวนี้
ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรวันนี้หมอจะมาเล่าให้ฟังค่ะ
ยาอะม็อกซีซิลลิน เป็นยาปฏิชีวนะในกลุ่มเพนนิซิลิน (Penicillin) มีลักษณะเป็นเม็ดแคปซูลสีเขียวฟ้า (บางยี่ห้อสีเหลืองแดง) โดยทั่วไปใช้ในการรักษาโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนต้น โรคติดเชื้อในช่องปาก หรือโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
ความเข้าใจผิดที่พบได้บ่อยเกี่ยวกับยาชนิดนี้ คือ คิดว่าเป็น “ยาแก้อักเสบ” หรือ “ยาแก้เจ็บคอ” เพราะมีร้านยาจำนวนมาก เมื่อคนไข้ไปหาด้วยอาการเจ็บคอก็มักจะจ่ายยาตัวนี้ให้ โดยไม่ได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง ทั้งที่จริง “อาการเจ็บคอ” โดยส่วนใหญ่เกิดจาก “เชื้อไวรัส” ไม่จำเป็นต้องได้รับยาปฏิชีวนะที่ใช้สำหรับ “ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย”
หลังจากได้รับการวินิจฉัยว่ามีการติดเชื้อแล้ว โดยทั่วไปต้องกินยาต่อเนื่องนาน 7-10 วัน เพื่อประสิทธิภาพที่ดีในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย หรืออาจจะพิจารณาใช้เป็นยาฉีดในกรณีที่ไม่สามารถกินยาได้ ตัวยาจะขจัดออกจากร่างกายผ่านการ “กรองของไต” โดยสารประกอบที่ขับออกมาไม่มีส่วนผสมของ “โคเคน” แต่อย่างใด
จึง “เป็นไปไม่ได้” ที่จะเจอสาร “โคเคน” หลังจากทานยาตัวนี้ ในฐานะที่ได้สั่งยาตัวนี้เป็นประจำ “ไม่เคย” เลยสักครั้งที่พบรายงานว่าผู้ป่วยตรวจเจอ “โคเคน” หลังทานยา ดังนั้น หยุด!! สร้างความเข้าใจผิดให้กับสังคมไทยเสียที อย่ามาอ้างนู่นอ้างนี่ “โคเคนก็คือโคเคน” ไม่ใช่ยาชา ไม่ใช่ยาอะม็อกซีซิลลิน”