ศูนย์วิจัยโรคปรสิต มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เผยเคสคนไข้ป่วย ถูกหนูที่เลี้ยงไว้กัด พบมีอาการไข้กับผื่นจากติดเชื้อปวดตามข้อ กล้ามเนื้อ และศีรษะ ร่างกายพบผื่นแดงที่เท้า และมือ ลักษณะตุ่มเป็นรอยนูน ข้อเท้าขวา เข่าซ้าย และข้อมือซ้ายบวมและอ่อนนุ่ม วอนผู้เลี้ยงหนูระมัดระวังเวลาเลี้ยง และสังเกตอาการที่เกิดขึ้นหากโดนกัดแล้ว
วันนี้ (25 มิ.ย.) เพจ “PDRC ศูนย์วิจัยโรคปรสิต สำนักวิชาแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี” ได้เผยเคสคนไข้ถูก Rat Bite Fever หนูที่เลี้ยงไว้กัดมือ เลยได้ไข้กับผื่นจากเชื้อโรค เป็นหญิงอายุ 36 ปี มีอาการไข้ ปวดตามข้อ กล้ามเนื้อ และศีรษะ มีอาการมาแล้ว 3 วัน โดยมีประวัติถูกหนูที่เลี้ยงเลี้ยงไว้ กัดที่มือซ้ายเมื่อ 10 วันก่อนมาโรงพยาบาล และผลการตรวจร่างกายพบผื่นแดงที่เท้า และมือ ลักษณะตุ่มเป็นรอยนูน ข้อเท้าขวา เข่าซ้าย และข้อมือซ้ายบวมและอ่อนนุ่ม
โดยผู้ป่วยได้รับการรักษาได้รับยา Ceftriaxone ทางหลอดเลือดดำ พบผลการเพาะเชื้อพบติดเชื้อ Streptobacillus moniliformis เป็นบาซิลลัสแกรมลบ ผู้ป่วยรายนี้ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคไข้หนูกัด
โดยการรักษาอย่างต่อเนื่อง ทำให้อาการไข้และปวดข้อดีขึ้น ผู้ป่วยได้กลับบ้านในวันที่ 7 โดยได้รับยา Amoxicillin ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งทางศูนย์วิจัยพบว่าเป็นเคสที่น่าสนใจ เลยอยากนำมาฝากสมาชิก เป็นเคสที่รายงานโดยหมอ Stephane Giorgiutti และ Nicolas Lefebvre (2019) ตีพิมพ์ในวารสาร N Engl J Med ความจริงผู้ป่วยรายนี้ติดเชื้อทางจุลชีวิทยา ไม่ใช่ปรสิต แต่น่าจะเกิดประโยชน์สำหรับเป็นข้อเตือนใจระมัดระวังเวลาเลี้ยงหนู และสังเกตอาการที่เกิดขึ้นหากโดนกัดปกติแล้ว
ส่วน โรคไข้หนูกัด เกิดจาการติดเชื้อจุลชีพที่พบได้บ่อยมีอยู่ 2 ชนิด คือ S. moniliformis พบทางฝั่งอเมริกาเหนือ อีกตัวคือ Spirillum minus มีรายงานทางเอเชีย เชื้อโรคจะเข้าสู่ร่างกายคนได้โดยผ่านทางแผล รวมถึงทางตา จมูก หรือปาก โรคนี้ไม่ติดต่อจากคนหนึ่งสู่อีกคน คนติดต่อจากการสัมผัสกับสัตว์กลุ่มกัดแทะที่มีแบคทีเรียเหล่านี้ อาจจะจากการโดนกัด หรือการกินอาหารหรือน้ำที่มีการปนเปื้อนเชื้อจากน้ำลาย ฉี่หรือมูลสัตว์กลุ่มนี้ เป็นต้น
ทั้งนี้ อยากฝากถึงผู้ที่เลี้ยงหนู และสัตว์กัดแทะอื่นๆ ท่านต้องระมัดระวังอย่าให้โดนกัดมือเป็นโดยเด็ดขาด และรวมถึงเวลาเลี้ยง ก็เลี่ยงการสัมผัสน้ำลาย ฉี่ และมูลโดยมือ ควรสวมถุงมือ ล้างกรง เปลี่ยนน้ำบ่อย ดูแลรักษาหนูโดยปรึกษาสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นประจำ มิฉะนั้น ท่านอาจจะเสี่ยงต่อเชื้อนี้ได้