“ธีระชัย” ชี้แบงก์ชาติสั่งธนาคารพาณิชย์งดจ่ายปันผล-ซื้อหุ้นคืน ส่งสัญญาณฟองสบู่จ่อแตกครั้งใหญ่

“ธีระชัย” ชี้แบงก์ชาติสั่งธนาคารพาณิชย์งดจ่ายปันผล-งดซื้อหุ้นคืน ส่งสัญญาณฟองสบู่จ่อแตกครั้งใหญ่ จากพิษโควิด-19 ที่เข้ามาซ้ำเติม เชื่อหนักไม่แพ้วิกฤตต้มยำกุ้ง

วันที่ 23 มิถุนายน 2563 นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่อง “นิวส์วัน” ในหัวข้อ “คำสั่งของแบงก์ชาติส่งสัญญาณอะไร? “รัฐบาลนิวนอร์มัล” จะรับมือได้หรือไม่?”

นายธีระชัย กล่าวถึงกรณีที่ แบงก์ชาติออกประกาศสั่งให้ธนาคารพาณิชย์งดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สําหรับงวดครึ่งปีแรกของปี 2563 และงดซื้อหุ้นคืน ว่า แบงก์ชาติออกมาชี้แจงว่าเป็นขั้นตอนปกติ กันไว้ก่อน แต่คนมีประสบการณ์ก็จะมองออก แสดงว่า แบงก์ชาติเห็นข้อมูลอะไรที่เป็นทางลบมากกว่าเดิม

มาตรการนี้ ต่างประเทศประกาศก่อนหลายเดือนแล้ว ตนก็นึกอยู่ว่าควรเลียนแบบเช่นเดียวกัน ก็รออยู่ว่าจะประกาศเมื่อไหร่ แต่เริ่มแรกกลับไปเลียนแบบคิวอีในการซื้อตราสารหนี้เอกชน เลียนแบบในสิ่งที่ไม่ควรเลียนแบบ

แล้วมาตรการงดจ่ายเงินปันผล งดซื้อหุ้นคืน ควรทำไปพร้อมกับการออก พ.ร.ก. 2 ฉบับ จะไม่ทำให้คนกังวลใจเท่าไหร่ เพราะเป็นมาตรการชุด แต่บังเอิญมันออกมาสาย พ.ร.ก.ออกไปก่อน ทำให้คนสงสัยว่ามีอะไรที่แย่กว่าที่แบงก์ชาติแสดงอาการออกมาในช่วงแรก

นายธีระชัย กล่าวอีกว่า ตนเชื่อและเตือนหลายครั้งแล้ว ว่า ครั้งนี้เศรษฐกิจไทยหนักกว่าต้มยำกุ้งแน่นอน และอาจหนักถึงขั้นวิกฤตเศรษฐกิจปี 1930 (The Great Depression) แล้ววิกฤตใหญ่ มักส่งผลให้ขัดแย้งทางการเมืองได้ง่าย เที่ยวนี้ไม่ใช่แค่โรคไปแล้วเศรษฐกิจฟื้นทันที

ตนติดตามหนี้เอกชนทั่วโลก เทียบกับสัดส่วนต่อรายได้ประชาชาติ หนี้ขึ้นสูง เป็นภาวะฟองสบู่ระดับขนาดใหญ่มาก มันเป่าสะสมกันมาหลายสิบปี เท่าที่ดู ฟองสบู่กำลังจะแตกที่สหรัฐฯ เขาก็ใช้วิธีอัดเงินไม่ให้ฟองสบู่แตก ไทยเองสัดส่วนหนี้ภาคเอกชนก็ไต่ขึ้นไปไม่แพ้กับเขา เราฟองสบู่แตกไปตอนปี 40 ตอนนี้มันใหญ่ขึ้นไปไม่แพ้ต้มยำกุ้งเหมือนกัน

โควิด-19 มันมาทับซ้อนฟองสบู่เดิมที่มีอยู่แล้ว แล้วโควิดจะทำให้เอาไม่อยู่ เวลาบริษัทหรือประเทศมีหนี้มากกว่ารายได้ ก็ใช้วิธีกดดอกให้ต่ำ แต่ลองนึกถึงจำนวนที่ต้องจ่ายดอกในแต่ละปี ในสภาพที่ธุรกิจลดลงครึ่งหนึ่ง จะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายดอก

นายธีระชัย กล่าวต่ออีกว่า มันใหญ่และกระทบทั่วโลก สิ่งที่เกิดขึ้น ธุรกิจการค้า กระแสเงินหมุนเวียนก็จะติดขัด สักพักก็เกิดปัญหาเป็น NPL (หนี้เสีย) แล้วไปตกที่แบงก์ นอกจากนี้เวลาบริษัทไปไม่รอด ก็ต้องเอาคนออก ช่วงแรกคนชั้นล่างที่ได้รับผลกระทบ แต่หลังจากนี้ คลายล็อกดาวน์ แต่ยังไม่เปิดเต็มที่ แล้วถ้าธุรกิจยื้อต่อไม่ได้ ต้องลดคนลงอีก ก็จะเขยิบมาที่คนชั้นกลางได้รับผลกระทบ รวมถึงคนเพิ่งจบการศึกษา

นายธีระชัย กล่าวว่า ขณะนี้ NPL ที่แท้จริง ยังไม่ปรากฏ เพราะให้ค้างชำระดอกเบี้ยได้ ตัวเลขจะปรากฏชัดปลายเดือนตุลาคม ในขณะนี้ แบงก์พาณิชย์เริ่มจับความรู้สึกได้ว่าลูกค้ารู้สึกอย่างไร ตัวเลขหลังตุลาคมจะเป็นอย่างไร แบงก์พาณิชย์รู้ แบงก์ชาติรู้ อันนี้หรือเปล่าจึงต้องออกกฎระเบียบออกมา

เมื่อถามว่าทำไมต้องออกเป็นคำสั่ง นายธีระชัย กล่าวว่า ถ้ามีแค่ 1-2 แบงก์ไม่จ่าย แล้วแบงก์อื่นจ่าย ก็จะไม่เกิดข้อกังวลอะไร แต่ถ้าแบงก์ส่วนใหญ่จ่ายไม่ได้ จะสร้างความกังวลมาก แบงก์ชาติเลยประกาศให้ครอบไปเลย จะได้ไม่รู้ว่าส่่วนน้อยหรือส่วนใหญ่ที่จ่ายไม่ได้