นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องออกคำชี้แจงด่วน หลังเย็นวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้ คำสั่งงดจ่ายเงินปันผล น่าจะเป็นผลดีต่อธนาคารพาณิชย์ เพราะแทบทุกธนาคารที่เคยจ่ายปันผลระหว่างกาล ปีนี้อาจจ่ายไม่ได้ เนื่องจากผลกำไรทรุดฮวบ เนื่องจากผลกระทบจากไวรัส “โควิด-19” โดยเฉพาะผลประกอบการไตรมาส 2 ซึ่งคาดว่ากำไรจะทรุดหนักกว่าไตรมาสแรก จนบางธนาคารไม่มีกำไรมากพอที่จะจ่ายปันผลอยู่แล้ว
คำสั่งของผู้ว่าการแบงก์ชาติ จึงช่วยทุุ่นแรงธนาคารพาณิชย์ เพราะไม่ต้องออกมาชี้แจงหรืออธิบายเหตุผลใดๆ กรณีที่ไม่จ่ายเงินปันผลหรือจ่ายเงินปันผลในอัตราที่ต่ำลง
อย่างไรก็ตาม คำชี้แจงเพิ่มเติมของนายวิรไท คงไม่ช่วยให้นักลงทุนหมดความกังวลกับฐานะของธนาคารพาณิชย์ เพราะก่อนหน้านี้ จับตาปัญหาหนี้เสียของธนาคารมาตลอด และคงจะเกิดความหวั่นไหวมากขึ้น เมื่อแบงก์ชาติออกมาตอกย้ำความเป็นห่วงการดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์
ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารทรุดลงมาหลายปีติดต่อ ซึ่งเป็นผลพวงจากปัญหาหนี้เสีย ทำให้ต้องตั้งสำรองเพิ่มขึ้น ฉุดผลกำไรลดลง จนนำสู่การเทขายหุ้นของนักลงทุน โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ของโบรกเกอร์หลายสำนักออกมาปรับคำแนะนำการลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคาร โดยให้หลีกเลี่ยงการลงทุน หลังจากแบงก์ชาติออกคำสั่งงดจ่ายเงินปันผลและห้ามซื้อหุ้นคืน เพราะจะทำให้นักลงทุนที่ลงทุนหุ้นธนาคารเพราะต้องการเงินปันผล จะไม่ได้รับเงินปันผล
รวมทั้ง แนวโน้มผลประกอบการอาจชะลอตัวต่อไป เนื่องจากผลกระทบจากหนี้เสียที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
หุ้นธนาคารถูกจัดเป็นหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีมาตลอดระยะเวลาหลายสิบปี เหมาะสำหรับถือเพื่อการลงทุนระยะยาว และนักลงทุนต่างชาติ กองทุนรวม นักลงทุนสถาบันจะต้องซื้อไว้ติดพอร์ต แต่ปัจจุบัน ถูกจัดเป็นหุ้นที่มีความเสี่ยงสูง โดยอยู่ในช่วงขาลงเต็มตัวตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนระยะยาวบาดเจ็บกันถ้วนหน้า
ข่าวร้ายโถมเข้าใส่หุ้นแบงก์ไม่หยุดหย่อน และนอกจากคำสั่งงดปันผล ห้ามซื้อคืนหุ้น จนทำให้ราคาหุ้นทรุดหนักอีกรอบแล้ว ไม่รู้ว่าจะมีข่าวร้ายอะไรซ้ำเติมหุ้นกลุ่มแบงก์อีก