เกิดน้ำเสียรอบโรงงานรีไซเคิล อ.บ้านค่าย จ.ระยอง สวนยางยืนต้นตาย พืชผลเสียหายจำนวนมาก อุตสาหกรรมจังหวัดสั่งสั่งห้ามประกอบกิจการโรงงานรีไซเคิล หล่อและหลอมโลหะ พร้อมทั้งจัดทำแผนขนย้ายสารเคมี
รายงานพิเศษ
ภาพถ่ายทางอากาศที่ถูกถ่ายไว้เมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นพื้นที่ใน ต.หนองพะวา อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ซึ่งเป็นพื้นที่เกษตรกรรมรอบๆ โรงงานรีไซเคิลได้รับความเสียหายจากปัญหาน้ำเน่าเสีย โดยเฉพาะสวนยางพาราถึงกับยืนต้นตาย
ต.หนองพะวา ถูกตั้งชื่อตามลักษณะของพื้นที่ซึ่งมีแหล่งน้ำสาธารณะชื่อ “หนองพะวา” เป็นแหล่งน้ำที่ใช้เพื่อการเกษตรในพื้นที่ตลอดทั้งปี และก่อนหน้าที่จะมีโรงงานรีไซเคิลมาตั้ง ชาวบ้านไม่เคยมีปัญหาเรื่องน้ำเสีย และไม่เคยมีปัญหาน้ำไม่พอใช้
ในปี 2554 บริษัท วิน โพรเสส จำกัด ได้ยื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานคัดแยกขยะ ประเภท 105 แต่กรมโรงงานอุตสาหกรรมไม่ออกใบอนุญาตให้ เพราะถูกชาวบ้านในพื้นที่คัดค้าน
ต่อมาในปี 2560 พบว่าโรงงานแห่งนี้ได้ใบอนุญาตแล้ว 3 ใบ คือ 8 มีนาคม 2560 โรงงานได้รับใบอนุญาต 2 ใบ ประกอบกิจการ อัดเศษกระดาษ เศษโลหะ พลาสติก คัดแยกของใช้แล้วทั่วไป และประกอบกิจการหล่อและหลอมโลหะ
วันที่ 5 กันยายน 2560 ทางโรงงาน ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานรีไซเคิล ประเภท 106 คืนสภาพกรดหรือด่าง ทำเชื้อเพลิงผสม และล้างภาชนะบรรจุภัณฑ์ด้วยตัวทำละลาย
แต่พบว่ายังเป็นเพียงใบอนุญาตจัดตั้งโรงงาน ยังไม่ได้ขออนุญาตประกอบกิจการรีไซเคิล ยังไม่มีเครื่องจักรสำหรับการรีไซเคิล แต่วัตถุดิบและสารเคมีต่างๆ ถูกนำเข้ามาในโรงงานแล้ว
จากปัญหาน้ำเสียโดยรอบพื้นที่โรงงาน ทำให้ชาว ต.หนองพะวา โดยเฉพาะกลุ่มชาวสวนยางพาราและพื้นที่เกษตรกรรมอื่นๆ ที่เสียหายซึ่งอาศัยอยู่ติดโรงงาน พบการปนเปื้อนสารพิษหลายจุด และต้องพบสภาพน้ำเน่าเสีย มีกลิ่นเหม็นสารเคมี แม้จะพยายามยื่นหนังสือร้องเรียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน แต่ไม่ได้รับการแก้ไข
จนปัญหาเริ่มหนักขึ้น มีน้ำท่วมขังพื้นที่เกษตรหลายสิบไร่ ต้นยางพารายืนต้นตายเป็นจำนวนมาก จนเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา นายอำเภอบ้านค่าย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงลงพื้นที่ตรวจสอบ
5 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา จึงมีการประชุมคณะทำงานไตรภาคีเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำเสียหนองพะวา มีผลสรุปว่า อุตสาหกรรมจังหวัดระยอง ได้ออกหนังสือวันที่ 28 พฤษภาคม 2563 ถึงกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิน โพรเสส จำกัด 3 ฉบับ ให้ปรับปรุงขอบเขตและพื้นที่บริเวณโรงงานให้ถูกต้องชัดเจน โดยแยกเป็นส่วนประกอบกิจการอัดเศษกระดาษ เศษโลหะ เศษพลาสติก คัดแยกของใช้แล้วทั่วไป สามารถประกอบกิจการได้
แต่โรงงานที่ประกอบกิจการหล่อและหลอมโลหะ สั่งห้ามประกอบกิจการโรงงาน
ส่วนโรงงานรีไซเคิล ซึ่งประกอบกิจการคืนสภาพกรดหรือด่าง ทำเชื้อเพลิงผสม และล้างภาชนะบรรจุภัณฑ์ด้วยตัวทำละลาย ซึ่งยังไม่ได้แจ้งประกอบกิจการโรงงาน แต่มีวัตถุดิบถูกนำเข้ามาแล้ว สั่งห้ามมิให้เริ่มประกอบกิจการโรงงาน พร้อมมีมติห้ามไม่ให้มีรถบรรทุกเข้าออกภายในโรงงาน และสั่งให้โรงงานจัดทำแผนในการขนย้ายสารเคมีเพื่อนำไปกำจัด
หากฝ่าฝืน กรมโรงงานอุตสาหกรรมจะดำเนินคดีตามกฎหมาย และพิจารณาสั่งปิดโรงงาน โดยปลัดอำเภอบ้านค่าย ยังสั่งให้รวบรวมรายชื่อผู้ได้รับกระทบ เพื่อมาเจรจากับบริษัทเรื่องการเยียวยาความเสียหายที่ได้รับต่อไป