หมอทวีศิลป์ รายงานผู้ป่วยใหม่ 9 ราย มาจาก State Quarantine แนะคนกลับผ่านด่านมาเลเซียรีบรายงานตัว แย้มเตรียมโหลดแอปฯ ไทยชนะ แก้ปัญหาลืมล็อกเอาต์ บ่ายวันนี้นัดถกเตรียมคลายล็อกระยะที่ 3-4 อีกเพียบ แจงเจตนาขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ได้ต้องการเข้ม แต่อยากให้ผ่อนคลาย รักษาสมดุลระหว่างสุขภาพกับเศรษฐกิจ
วันนี้ (27 พ.ค.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงข่าวสถานการณ์ประจำวัน ระบุว่า ผู้ป่วยรายใหม่ในวันนี้ 9 ราย อยู่ใน State Quarantine ผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,054 ราย ในจังหวัดหายป่วยแล้ว 2 ราย หายป่วยสะสม 2,931 ราย รักษาอยู่ 66 ราย เสียชีวิต 0 ราย สะสมรวม 57 ราย ผู้ป่วยใหม่แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ชายไทยอายุ 18 และ 27 ปี กลับจากสหรัฐอเมริกา เข้าพัก State Quarantine ที่ จ.ชลบุรี มาพบเชื้อวันที่จะกลับ แต่ไม่แสดงอาการ / ชายไทย อายุ 34 ปี พนักงานนวด กลับจากประเทศกาตาร์ เข้าพัก State Quarantine ที่ จ.สมุทรปราการ / อีก 6 ราย นักศึกษาชาย อายุ 23-33 ปี กลับจากประเทศซาอุดีอาระเบีย เข้ามาไทยผ่านทางด่านปาดังเบซาร์
กรณีที่พบผู้ติดเชื้อในวันสุดท้ายของการกักตัว อาจจะต้องศึกษา แต่ยังไม่ขยายการกักตัวเป็น 21 และ 28 วัน ส่วนพนักงานนวดกลับจากต่างประเทศ มีอาการไข้ จมูกไม่ได้กลิ่น จึงพิจารณาโดยไม่ได้ย้อนแย้งกับมาตรการผ่อนคลาย ถ้าจะต้องผ่อนคลายอาชีพปานกลางถึงสูงจะต้องมีมาตรการอย่างไร ผู้ประกอบวิชาชีพนวดต้องระมัดระวังตัวเอง จะต้องมีสุขลักษณะส่วนตัวในระดับที่สูง และต้องทำตั้งแต่วันนี้ ส่วนนักศึกษา 6 ราย เป็นความร่วมมือระหว่างไทยกับมาเลเซีย ให้กลับมาในเที่ยวบินที่นำคนมาเลเซียกลับมา ไปลงเครื่องที่กัวลาลัมเปอร์ ถูกดูแลโดยนั่งรถมายังด่านปาดังเบซาร์โดยไม่แวะพัก พบติดเชื้ออีก 6 ราย ทางด่านปาดังเบซาร์อาจจะต้องปิดด่านเพื่อทำความสะอาด เพราะก่อนหน้านี้ ก็ปิดด่านสะเดา ไทยก็ต้องได้รับผลกระทบ โดยพบว่า 4 ราย มีไข้ อีก 2 ราย ไม่มีอาการ ขอให้คนไทยที่อยู่มาเลเซีย รีบกลับมาก่อนที่จะมีมาตรการผ่อนคลายและเปิดเทอมจะมีความขลุกขลัก หากพบปัญหาให้ประสานสถานทูตไทยที่กัวลาลัมเปอร์ หรือสถานกงสุลที่รัฐปีนัง ทั้งนี้ ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่มเสี่ยงคือ ผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ 15 ราย สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยก่อนหน้า 8 ราย และไปสถานที่ชุมชน 4 ราย ส่วนยอดสะสมสนามมวย 284 ราย สถานบันเทิง 226 ราย แต่มากที่สุดคือสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยก่อนหน้า 1,190 ราย
สถานการณ์โลก ผู้ป่วยยืนยันสะสม 5,684,795 ราย รักษาตัว 53,100 ราย รักษาหายแล้ว 2,429,999 ราย เสียชีวิต 352,225 ราย สหรัฐอเมริกายังเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 77 สิงคโปร์ผู้ติดเชื้อ 383 ราย อินโดนีเซีย 415 ราย ญี่ปุ่น 42 ราย ฟิลิปปินส์ 350 ราย เกาหลีใต้ 40 ราย ในกลุ่มเอเชีย อินเดียยังอันดับหนึ่ง ประเด็นที่น่าสนใจในต่างประเทศ รัฐบาลอังกฤษจะอนุญาตให้มีการเปิดร้านค้า ห้างสรรพสินค้า และศูนย์การค้า ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. เป็นต้นไป, ญี่ปุ่น ห้าม 11 ประเทศเข้า พร้อมประกาศยกเลิกภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศ โดยจะประเมินสถานการณ์ทุก 3 สัปดาห์, อินโดนีเซียมีคำสั่งให้ประชาชนต้องสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง โดยใช้ทหารและตำรวจเกือบ 340,000 นาย ใน 4 จังหวัด ออกปฏิบัติการเพื่อควบคุมการใช้ข้อบังคับ, เกาหลีใต้พบกลุ่มแพร่ระบาดโควิดใหม่จากศูนย์กระจายสินค้าออนไลน์คูปัง ที่เมืองบูชอน ทางตะวันตกของกรุงโซล ต้องตรวจพนักงานกว่า 3,600 คน ย้ำว่าไม่ได้เป็นการข่มขู่ แต่ให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน
การใช้งานไทยชนะด็อทคอม จำนวนกิจการ / กิจกรรมที่ลงทะเบียน 116,175 ราย จำนวนผู้ใช้งาน 13,769,194 คน เช็กอิน 34,827,852 ครั้ง เช็กเอาต์ 23,563,704 ครั้ง ประเมินร้าน 13,567,825 ครั้ง เห็นปัญหาของการใช้แพลตฟอร์มนี้ พบเช็กอินแล้วลืมเช็กเอาต์ ทางกระทรวงดีอีเอสจะแก้ไขข้อจำกัด ทำแอปพลิเคชันให้ดาวน์โหลดและลงทะเบียน ถ้ากลับบ้านแล้วลืมสามารถเช็กเอาต์ได้ จากการทำแบบประเมิน พบคะแนนประเมินมากที่สุด คือ การถ่ายทำรายการโทรทัศน์ ร่วมกับ คลินิกเสริมความงาม ร้านเสริมสวย ได้ 4.98 รองลงมาคือ บริการทางการแพทย์ ร่วมกับ พิพิธภัณฑ์และห้องสมุด ได้ 4.97 และสถานที่บริการเด็กหรือผู้สูงอายุ ได้ 4.96 ส่วนการผ่านแดนทางบก มาเลเซียเหลือ 195 คน ถ้าจะกลับขอให้รีบรายงานตัว เพราะจะมีด่านปิดอีกด่าน คือ ปาดังเบซาร์
ในช่วงตอบคำถาม เมื่อถามว่า การคลายล็อกในประเทศ มีการนำเสนอการคลายล็อกในระยะที่ 3 ยกตัวอย่างเช่น สนามมวย ร้านนวด การท่องเที่ยว ผับบาร์ ข้อมูลที่นำเสนอถูกต้องขนาดไหน เพราะจะเกิดความสับสน และมีประชาชนไปจับจองที่พัก อีกทั้ง ศบค. มีการจัดลำดับกิจการต่างๆ อย่างไร เพราะมีความใกล้เคียง ชี้แจงว่า บ่ายวันนี้ คณะกรรมการเฉพาะกิจฯ ชุดที่จะพิจารณากิจกรรมระยะที่ 3 และ 4 ประชุม จะมีการผ่อนคลายมากขึ้น จากนโยบายของ ผอ.ศบค. อยากจะให้เปิดกิจการได้มากที่สุด เพราะรับทราบความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อยที่ต้องฟื้นกิจการ ซึ่งมีจำนวนมาก แต่จะต้องสมดุลกัน 2 ส่วน คือ ผู้ที่จะต้องผ่อนคลาย และผู้ที่จะต้องดูแลสุขภาพ
แต่ชุดข้อมูลทางวิชาการ จะตัดสินใจระหว่างสุขภาพและเศรษฐกิจ ต้องวางให้เหมาะสม และต้องยอมรับความเสี่ยงแต่ไม่อยากให้แพร่ระบาดจำนวนมาก ขณะนี้แม้จะยืด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่อยู่ในช่วงของการผ่อนคลาย ถ้ามีข่าวอะไรออกมา ยังไม่ยืนยันจนกว่าจะนำเข้าประชุมในสัปดาห์นี้ เพื่อให้เกิดขึ้นในสุดสัปดาห์นี้ หวังว่า ทุกคนจะให้ความร่วมมือ ช่วงเวลา 1 เดือนที่จะต้องดูแลกันและกันได้อย่างดี หวังว่า หลังผ่านพ้นช่วง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะกลับมาเป็นปกติ แต่เป็นไปวิถีใหม่ ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม จะมีการเดินทาง ยกเว้นระมัดระวังผู้ที่เดินทางเข้ามาจากต่างประเทศ เจ้าของกิจการขอความร่วมมือ ต้องช่วยหามาตรการนวัตกรรมใหม่ๆ มั่นใจว่า เปิดแล้วไม่เกิดโรค เสนอเข้ามาได้ ประชาชนที่เกี่ยวข้องต้องปรับตัวและทำให้เคยชิน และภาครัฐเข้าไปกำกับดูแล เรียนรู้เพื่อให้ผ่านไปด้วยกัน
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวทิ้งท้ายว่า พูดถึงเรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน การใช้คำที่รับฟังแล้วไม่สบายใจ ยืนยันไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้บรรยากาศการขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นความเข้ม แต่อยากจะให้เป็นการผ่อนคลาย แต่ทำให้เชื่อมั่นว่า สิ่งที่ดีเพราะมาตรการเหล่านี้ยังต่อเนื่องและสืบเนื่องกันไป หน้าที่ของเรา คือ ต้องรักษาสมดุลระหว่างสุขภาพและเศรษฐกิจ แต่ไม่ได้ใช้เพื่อประโยชน์อื่นนอกจากป้องกันและควบคุมโรค ระยะนี้แค่ 1 เดือนข้างหน้าจะเป็นการปรับตัวของภาครัฐที่ต้องกำกับดูแล ขอโอกาสทางศูนย์ ศบค. ทำงาน ส่งมอบทุกอย่างเป็นปกติให้ดีที่สุดในอีก 1 เดือน อยากจะทำให้ดีที่สุดส่งมอบให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดี