xs
xsm
sm
md
lg

เปิดปูม “อาทิตย์” แกนนำ “พลเมืองเน็ต” ยื่นฟ้อง “ประยุทธ์” เพิกถอน “Fit To Fly” คุมโควิด-19

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ : ไทยพีบีเอส
เปิดประวัติ “แบค-อาทิตย์ สุริยะวงศ์กุล” ผู้ยื่นฟ้อง “ประยุทธ์-กพท.” ให้เพิกถอนข้อกำหนดบังคับใช้ใบรับรองแพทย์ “Fit To Fly” เข้าประเทศ อ้างคนไทยต้องได้กลับบ้าน พบเป็นแกนนำ “เครือข่ายพลเมืองเน็ต” เคลื่อนไหวค้าน “ซิงเกิล เกตเวย์” และกฎหมายเศรษฐกิจดิจิทัลในรัฐบาลประยุทธ์

กรณีที่ นายอาทิตย์ สุริยะวงศ์กุล อายุ 40 ปี คนไทยซึ่งพำนักอาศัยอยู่เมืองดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ ที่ประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทย ได้มอบอำนาจให้ นายพศินทัศน์ สินโสภณเกษม ทนายความ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในความผิดเรื่องละเมิดต่อโจทก์ ทำให้ได้รับความเสียหายที่ไม่สามารถกลับเข้าประเทศได้

โดยขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนข้อกำหนด ตามพระราชบัญญัติการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ให้สามารถเข้ามาในราชอาณาจักรไทยได้โดยไม่ต้องมีใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่ามีสุขภาพเหมาะสมต่อการเดินทางทางอากาศ (Fit To Fly Health Certificate) และห้ามออกกฎหมายหรือแนวทางปฏิบัตินอกเหนือไปจากการดำเนินการตามปกติ

แต่ศาลแพ่งมีคำสั่งเมื่อวันที่ 3 มี.ค. มีคำสั่งไม่รับคำฟ้อง เพราะเห็นว่าข้อกำหนดดังกล่าวออกตาม มาตรา 9 และ 11 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ให้อำนาจจำเลยในฐานะนายกรัฐมนตรี ออกข้อกำหนดห้ามการใช้เส้นทางคมนาคม หรือการใช้ยานพาหนะ หรือกำหนดเงื่อนไขการใช้เส้นทางคมนาคม หรือการใช้ยานพาหนะ

นอกจากนี้ นายอาทิตย์ เคยยื่นฟ้องผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้มีคำสั่งเพิกถอนประกาศ กพท. ที่กำหนดให้ผู้โดยสารที่มีสัญชาติไทย จะต้องมีใบรับรองแพทย์ยืนยันว่ามีสุขภาพเหมาะสมการเดินทาง (Fit to Fly) โดยอ้างว่าจำกัดเสรีภาพและสร้างภาระเกินสมควรในการเดินทางกลับมายังประเทศไทย

ภายหลัง ศาลปกครองกลางมีคำสั่งไม่รับฟ้อง เนื่องจากข้อกำหนด ประกาศ คำสั่ง การกระทำตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง ข้อพิพาทนี้จึงไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ศาลจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ

สำหรับ นายอาทิตย์ สุริยะวงศ์กุล หรือ แบค เป็นนักวิจัยด้านวัฒนธรรมดิจิทัลและนโยบายอินเทอร์เน็ต ปัจจุบันกำลังศึกษาปริญญาเอก วิทยาลัยทรีนิตี้ เมืองดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ เป็นผู้ร่วมก่อตั้งและเลขานุการกรรมการ มูลนิธิอินเทอร์เน็ตและวัฒนธรรมพลเมือง หรือเครือข่ายพลเมืองเน็ต (Thai Netizen)

จบการศึกษาวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ต่อด้วยปริญญาโท สังคมวิทยาและมานุษยวิทยามหาบัณฑิต สาขามานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิทยาการปัญญาและภาษาธรรมชาติ (Cognitive Science & Natural Language) มหาวิทยาลัยเอดินบะระ ประเทศสกอตแลนด์

ที่ผ่านมา เคยเป็นอาจารย์พิเศษ ให้กับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และยังเคยเป็นอนุกรรมการ คณะอนุกรรมการสถาบันการมองอนาคตนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

ก่อนหน้านี้ นายอาทิตย์ เข้าร่วมเคลื่อนไหวกับคณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ (คปส.) ที่มี น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ เป็นแกนนำ ร่วมกับ น.ส.สฤณี อาชวานันทกุล นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์ นักเขียน นักแปลชื่อดัง ทำโครงการที่จะติดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ปี 2550

ในอดีต เครือข่ายพลเมืองเน็ต เคยออกแถลงการณ์คัดค้านการควบคุมสื่ออินเทอร์เน็ต กว่า 60 เว็บไซต์ ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อปี 2552 ช่วงที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ผู้สนับสนุน นายทักษิณ ชินวัตร ชุมนุมและล้มการประชุมอาเซียน ภายหลังเว็บไซต์ดังกล่าวกลับมาเปิดให้บริการตามปกติ

ปี 2558 นายอาทิตย์ ในฐานะผู้ประสานงานเครือข่ายพลเมืองเน็ต และเครือข่ายภาคประชาสังคม 6 องค์กร คัดค้านร่างกฎหมายเศรษฐกิจดิจิทัลจำนวน 10 ฉบับ ในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เนื่องจากใช้ข้ออ้างเรื่องเศรษฐกิจดิจิทัลเพื่อวัตถุประสงค์ด้านความมั่นคงของรัฐ โดยให้อำนาจภาครัฐมากขึ้น และตั้งกรรมการจากฝ่ายความมั่นคง

และเมื่อรัฐบาลผลักดันนโยบายซิงเกิล เกตเวย์ (Single Gateway) ก็ออกมาแสดงความเห็นคัดค้าน เนื่องจากขัดต่อสิทธิเสรีภาพ การเซ็นเซอร์ ดักข้อมูลทำได้ง่ายขึ้น และกระทบกับการรักษาความลับ, ความถูกต้องครบถ้วน และความพร้อมใช้งานของข้อมูลและระบบอินเทอร์เน็ต จะเสียหายทั้งระบบ

ต่อมา นายอาทิตย์ ในฐานะผู้ประสานงานเครือข่ายพลเมืองเน็ต เป็นวิทยากรให้กับกลุ่มประชาธิปไตยศึกษา และขบวนการประชาธิปไตยใหม่ จัดเสวนาในหัวข้อ “รู้ทันเผด็จการ” ร่วมกับ นายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ภายหลังทหารและตำรวจสันติบาลเฝ้าสังเกตการณ์จึงเปลี่ยนหัวข้อ

นอกจากนี้ เครือข่ายพลเมืองเน็ต ยังแถลงข่าวเสรีภาพบนอินเทอร์เน็ต ประจำปี 2558 ระบุว่า ประเทศไทยจัดอยู่ในสถานะไม่มีเสรีภาพ 63 จาก 100 คะแนน อ้างว่า รัฐประหารปี 2557 มีการใช้ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ควบคู่กับ การดำเนินคดีตามกฎหมายอาญา มาตรา 116 หรือยุยงปลุกปั่น รวมถึงการดำเนินคดีฐานดูหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาตรา 112 จำนวนมาก

ปี 2559 เครือข่ายพลเมืองเน็ต ร่วมกับ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เรียกร้องให้แก้ไขเนื้อหาร่าง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ชี้คำว่า “ก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน” มีความหมายกว้าง และเปิดช่องให้ผู้มีอำนาจ สั่งระงับการเผยแพร่หรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์ได้ หากผู้ให้บริการไม่ให้ความร่วมมือก็ต้องรับโทษ

กระทั่ง นายอาทิตย์ ตั้งแคมเปญ “หยุด Single Gateway หยุดกฎหมายล้วงข้อมูลส่วนบุคคล” ในเว็บไซต์ CHANGE.ORG เข้ายื่นรายชื่อจำนวน 40,000 รายชื่อต่อ สนช. เรียกร้องให้ชะลอการพิจารณาร่างแก้ไข พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพราะจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน การแสดงออกและการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ทำให้การใช้งานอินเทอร์เน็ตไม่ปลอดภัย

ครั้งหนึ่ง นายเทพชัย หย่อง สื่อมวลชนอาวุโส ออกมาเปิดเผยว่า เว็บไซต์ New Atlas รายงานว่า เว็บไซต์ข่าวประชาไท ยอมรับว่า รับเงินสนุนจากมูลนิธิ Open Society Foundation ของ จอร์จ โซรอส พ่อมดการเงินผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีค่าเงินบาทในปี 2540 ซึ่งเครือข่ายพลเมืองเน็ต (Thai Netizen) ก็รับเงินจากมูลนิธิของโซรอสเช่นกัน ซึ่ง นายอาทิตย์ ยอมรับว่า รับเงินจากมูลนิธินี้เพียงครั้งเดียวในปี 2555

ล่าสุด ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) นายอาทิตย์ ได้สร้างแคมเปญรณรงค์ตามความถนัดจากเว็บไซต์ CHANGE.ORG หัวข้อ “#คนไทยต้องได้กลับบ้าน รัฐบาลต้องยกเลิกประกาศ Fit To Fly #BringThaiHome” เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกมาตรการที่เสมือนเป็นการกีดกันไม่ให้คนไทยกลับบ้านได้

โดยให้เหตุผลว่า ใบรับรองดังกล่าวไม่ใช่สิ่งที่ใช้คัดกรองโรคโควิด-19 ได้ แต่รัฐบาลไทยกำลังกีดกันทางอ้อมไม่ให้พลเมืองของตัวเองเดินทางกลับเข้าประเทศ ต้องขอจากคลินิกเอกชนซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง สร้างภาระงานที่ไม่จำเป็นให้กับเจ้าหน้าที่สถานทูตและสถานกงสุล ที่สำคัญ จำกัดสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน

“ผู้มีสัญชาติไทยและครอบครัวทุกคนต้องได้กลับบ้าน กลับไปอยู่ในที่ที่พวกเขาคิดว่าจะสามารถรักษาสุขภาพของตัวเองได้อย่างเต็มที่ที่สุด ในที่ที่พึ่งพาตัวเองได้มากที่สุด เพื่อตัวของเขาเองและครอบครัว และเพื่อลดการรบกวนระบบสาธารณสุขทั้งในประเทศไทยและในประเทศใดก็ตาม ในภาวะวิกฤตทั่วโลกนี้” ข้อความในแคมเปญรณรงค์ ระบุ
กำลังโหลดความคิดเห็น