วันนี้ (10 มี.ค.) นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีเพจชื่อดังได้โพสต์เรื่องราวของบุคคลที่ติดตามรัฐมนตรีคนหนึ่ง พร้อมกับ นายศรสุวีร์ ภู่รวีรัศวัชรี หรือ “บอย ไนท์มาร์เก็ต” ว่า สามารถหาหน้ากากอนามัยมาจำหน่ายได้ ราคาชิ้นละ 14 บาท และต้องซื้อเป็น 1 ล้านชิ้นขึ้นไป โดยต้องมีการโชว์สเตทเมนต์ หรือเอกสารการเงินก่อนจะเข้ามาติดต่อทางธุรกิจ เรื่องนี้สังคมกำลังให้ความสนใจ เพราะหน้ากากอนามัยในประเทศไทย หายากยิ่งกว่าทองคำ ซึ่งไม่มีใครหาซื้อได้ในราคาถูกตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บอกไว้ว่า ราคาเพียง 2.50 บาทต่อชิ้น โดย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.พาณิชย์ ก็ได้มีการลงนามคำสั่งและบทลงโทษในการกักตุนหรือขายเกินราคากว่าที่กฎหมายไว้แล้ว
นายสามารถ กล่าวอีกว่า การนำเข้าหน้ากากอนามัยจากต่างประเทศ หรือผลิตในประเทศต้องขายไม่เกิน 2.50 บาทต่อชิ้น โดยการนำเข้าจากต่างประเทศราคาขายปลีกไม่ควรเกินร้อยละ 60 ของต้นทุนราคานำเข้า เช่น นำเข้ามา 1 บาท บวกส่วนต่าง 60 สตางค์ จะขายได้ไม่เกิน 1.60 บาทต่อชิ้น ส่วนในประเทศสามารถผลิตได้ 1.2 ล้านชิ้นต่อวัน แบ่งจัดสรรให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) 7 แสนชิ้น เพื่อกระจายให้สถานพยาบาลทั่วประเทศ เหลืออีก 5 แสนชิ้น กระจายไปยังประชาชน หรือบุคคลกลุ่มเสี่ยงอื่นๆ ทั้ง 60 ล้านคน วางจำหน่ายร้านขายยา สายการบิน ร้านค้าปลีก ร้านธงฟ้า เป็นต้น โดยรัฐบาลจะควบคุมราคาเอาไว้ที่ 2.50 บาทต่อชิ้น
นายสามารถ กล่าวต่อว่า สำหรับหน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุม ผู้ที่มีพฤติการณ์ต่อไปนี้จะถูกดำเนินคดี 1. เก็บสินค้าที่อื่นนอกเหนือจากการแจ้งเจ้าหน้าที่ 2. ไม่นำสินค้าออกมาจำหน่าย 3. ปฏิเสธการจำหน่าย 4. ประวิงเวลาการจำหน่าย 5. ส่งมอบหน้ากากอนามัยโดยที่ไม่มีเหตุผลอันสมควร ผู้กักตุน หรือขายเกินในราคาอันมีเจตนาสร้างความปั่นป่วน มีความผิดตามมาตรา 29 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 มีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนการครอบครองปริมาณมากนั้น ยังไม่มีบทลงโทษ เพราะอาจกระทบต่อคนทั่วไปที่จำเป็นต้องใช้หน้ากากอนามัยในการปฏิบัติหน้าที่ เช่น สถานพยาบาล
“ทั้งนี้ นายศรสุวีร์ หรือ บอย ได้ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นคลิปเก่าก่อนมีการออกกฎหมายควบคุมฯ จึงอยากให้ตรวจสอบบัญชีการเงินของนายบอย ว่า มีเงินหมุนเวียนจำนวนเท่าไหร่ จะสามารถรู้ถึงธุรกรรมต่างๆ ว่า ใครเกี่ยวข้องบ้าง มีการซื้อหน้ากากจริงหรือไม่ และซื้อเมื่อไหร่ จะช่วยตอบคำถามของสังคมได้ รวมถึงอ้างว่า ถ่ายคลิปเพราะทำงานเป็นนายหน้า ซึ่งผมเคยพูดมาก่อนแล้วว่าระวังหน้ากากอนามัยจะกลายเป็นแชร์ลูกโซ่ ปั่นจากราคา 2.50 บาท สูงถึง 14 บาท เนื่องจากบางรายต้องโอนเงินก่อนเพื่อมาดูสินค้า บางรายโอนเงินแล้วก็ไม่ได้สินค้า”
นายสามารถ กล่าวเพิ่มเติมว่า สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ทำให้เกิดผลกระทบในประเทศไทย สะท้อนเห็นถึงจิตสำนึกของส่วนรวม การออกมาปกป้องช่วยเหลือประชาชน แต่บางส่วนถูกหลอกเรื่องปั่นราคาหน้ากากอนามัย หรือเป็นนายหน้าเพื่อกินส่วนต่าง ทำกำไรระยะสั้น สุดท้ายตกเป็นเหยื่อ โดยตนมองว่า ปัญหาแชร์ลูกโซ่คล้ายกับไวรัสโควิด-19 เพราะทุกวันนี้เหยื่อแชร์ลูกโซ่ยังไม่ได้รับการเยียวยา เนื่องจากติดข้อกฎหมายและเงินที่ถูกอายัดก็ยังไม่สามารถนำมาคืนผู้เสียหาย บางคนจึงต้องหันไปหลอกลวงเกิดปัญหาอาชญากรรมประเภทอื่น โดยตนพร้อมเพื่อน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งผลักดันกฎหมายอยู่ในขณะนี้
นายสามารถ กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนควักเงินส่วนตัวบินไปดูงานประเทศอังกฤษ เพื่อศึกษาวิธีการทำงานกลับมาช่วยเหลือประชาชน พร้อมขอให้คนไทยจับมือในการแก้ปัญหาโควิด-19 และปัญหาแชร์ลูกโซ่ สุดท้ายขออนุญาตหยิบยกคำพูดของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี ว่า “เกิดมาต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน ถ้าวันนี้ทุกคนมีอุดมการณ์เดียวกัน มีแนวความคิดเดียวกัน ช่วยเหลือประเทศชาติบ้านเมือง ทุกอย่างจะเดินไปข้างหน้าได้ อย่างดีเยี่ยม”