MGR Online - “บิ๊กอู๊ด” ฮึ่ม! กำชับ ผกก.ลงควบคุมการสอบสวนคดีหน้ากากด้วยตัวเอง “กักตุน-ขายเกินราคา-ด้อยคุณภาพ-หลอกขายฉ้อโกง” แนะวิธีสั่งซื้อทางออนไลน์ เปิดรับแจ้งเบาะแสจับ “ผีน้อย” ไม่กักตัว 14 วัน
จากกรณีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบ จากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 ในประเทศไทย ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน และเกิดความเสียหายอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจโดยรวม จึงเป็นช่องทางให้บุคคล กลุ่มบุคคล รวมถึงผู้ประกอบการบางราย ได้อาศัยโอกาสดังกล่าว แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน เช่น การกักตุนสินค้าป้องกันโรค (หน้ากากอนามัยและเจลล้างมือ) การจำหน่ายสินค้าในราคาสูงเกินควร จำหน่ายสินค้าไม่มีคุณภาพ หรือนำสินค้าใช้แล้วมาหลอกขายว่าเป็นสินค้าใหม่ รวมถึงหลอกลวงขายสินค้า ซึ่งไม่มีอยู่จริงให้แก่ประชาชน
วันนี้ (10 มี.ค.) กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้มีหนังสือระบุว่า พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. ได้กำชับให้ สน. และหน่วยงานในสังกัด เฝ้าติดตามตรวจสอบสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด หากพบการกระทำผิดให้รวบรวมพยานหลักฐาน ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างเคร่งครัดทุกราย โดยให้ ผกก.ควบคุมกำกับการสอบสวนคดีด้วยตนเอง โดยการกระทำผิดดังกล่าวข้างต้นมีอัตราโทษดังต่อไปนี้ 1. การกักตุนสินค้าควบคุมโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 มาตรา 30 ประกอบมาตรา 41 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2. การจำหน่ายสินค้าและบริการที่ควบคุมเกินราคา เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 มาตรา 39 ประกอบมาตรา 26 วรรคสอง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่ 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 3. การจำหน่ายสินค้าด้อยคุณภาพเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 271 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 4. การหลอกลวงขายสินค้าซึ่งไม่มีอยู่จริงให้แก่ประชาชน อาจเป็นความผิดฐานฉ้อโกง ตามมาตรา 341 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ หากฉ้อโกงประชาชน ตามมาตรา 343 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับแล้วแต่กรณี
สำหรับประชาชนที่สั่งซื้อสินค้าออนไลน์ ขอให้ใช้ความระมัดระวังในการสั่งซื้อสินค้า โดยตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้ขาย ดังนี้ 1. ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้ขายจากกลุ่มที่ทำการซื้อขาย 2. ตรวจสอบชื่อบัญชีและเลขบัญชีของผู้ขายจากสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ว่า มีการขึ้นบัญชีโกงหรือไม่ 3. ตรวจสอบคำวิจารณ์ (review) การซื้อขายสินค้าของผู้ขาย 4. อย่าเห็นแก่สินค้าราคาถูกซึ่งอาจด้อยคุณภาพ 5. หากเป็นไปได้ให้นัดรับสินค้าจากผู้ขายโดยตรง 6. อย่าสั่งซื้อสินค้าจากผู้ขายครั้งละปริมาณมากๆ 7. สังเกตวิธีการมัดจำราคาสินค้า
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่มีการซื้อสินค้าออนไลน์ในกรุงเทพมหานครแล้ว ไม่ได้รับสินค้า ขอให้ผู้ซื้อเตรียมหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อซื้อขาย เช่น ภาพเว็บไซต์ เพจ หรือหน้าที่ประกาศขายสินค้า ข้อความสนทนาระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายรายละเอียดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้ขาย เช่น ชื่อ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล เลขบัญชีธนาคารของผู้ขาย และหลักฐานการโอนเงินชำระค่าสินค้า และนำหลักฐานดังกล่าวเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนที่ สน.ในพื้นที่ที่มีการตกลงซื้อขายสินค้า หรือโอนเงินชำระค่าสินค้า
ทั้งนี้ สำหรับความผิดที่เป็นการฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ผู้ซื้อซึ่งเป็นผู้เสียหายจะต้องเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิด หากประชาชนพบเบาะแสการกระทำผิดดังกล่าว หรือพบบุคคลที่เพิ่งเดินทางกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยงตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โรคโควิด-19 ที่ไม่กักตัวอยู่ในบ้านพัก 14 วัน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำ สามารถแจ้งมายัง บช.น.ผ่าน สน.ในพื้นที่ หรือศูนย์วิทยุ 191 เพื่อตรวจสอบและดำเนินการต่อไป