xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” แจงอังกฤษ-ฝรั่งเศสเห็นศักยภาพไทยจึงเชิญ ปัดจับใครลงโทษ รับเบื่อใช้อำนาจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ประยุทธ์” ระบุอังกฤษ-ฝรั่งเศสเชิญมาเพราะเห็นศักยภาพไทย ย้ำไม่เคยจับใครลงโทษ บอกเบื่อใช้อำนาจเพราะเป็นทหารมา 60 ปี

วันนี้ (24 มิ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวระหว่างพบปะคนไทยในฝรั่งเศสตอนหนึ่งว่า วันนี้ที่ตนเลือกมายุโรปไม่ใช่ว่าเขาเกลียดตนแล้วต้องมา แต่เพราะเห็นศักยภาพไทยในการที่เป็นศูนย์กลางอาเซียน หากไม่เชิญตนก็คงไม่มาเพราะมาไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้น เราต้องนำศักยภาพมาทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ถ้าเราไม่ทำอะไรใหม่ๆหากินแบบเดิมจากเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ที่เรามีการปฏิวัติทางเศรษฐกิจ และการผลักดันการลงทุนในพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออกของไทย (อีสเทิร์นซีบอร์ด) เกิดขึ้นในสมัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี หากมองว่าเรากำลังกินบุญเก่าอยู่ก็ใช่ ขณะเดียวกัน ต้องสร้างความเข้มแข็งให้แต่ละหมู่บ้านในชุมชน รัฐบาลจึงมีนโยบายไทยนิยม หมู่บ้านละ 2-3 แสนบาท ตำบลละ 3-5 ล้านบาท เพื่อสร้างความเข้มแข็งไม่ใช่การแจกเงินเหมือนที่ผ่านมาให้ไปแล้วไปปล่อยกู้แล้วหลายคนชอบ แต่พอมาทำแบบนี้แล้วคนไม่รักตน แต่วันหน้าคนต้องนึกถึงว่าสิ่งที่ตนทำคืออะไร เพราะได้ทำในสิ่งที่เป็นส่วนรวม

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องยากที่จะทำให้ทุกคนพอใจ จะเห็นต่างได้แม้ใครๆ จะไม่ชอบตนก็ไม่ว่า และขอฝากความคิดถึงไปถึงแม้จะไม่รักตนก็ตาม แต่ในเมื่อเป็นคนไทยเหมือนกัน ตนต้องทำให้ประเทศไทยและครอบครัวทุกคนที่อยู่ในไทย ทั้งนี้บางประเทศเป็นประเทศเล็กๆ แต่เก่งในเรื่องของการค้าขาย ใช้สติปัญญา ซึ่งของเราก็มีแต่ใช้ในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง บางทีว่างๆก็ทะเลาะกัน แหย่ซ้ายทีขวาทีก็ตีกันตาย ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ลองเปิดดูสื่อในหนังสือพิมพ์หรือในโซเชียลมีเดียที่มีสาระน้อย ไร้สาระเยอะกว่า มีการแชร์ต่อทั้งที่ไม่ใช่เรื่องจริง เกิดคนสองข้างเสมอ วันนี้เรื่องเหล่านี้ต้องลดลงไป มันห้ามไม่ได้ โลกเป็นแบบนี้เพราะทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นได้

“วันนี้ทุกประเทศในโลกมีการวิเคราะห์มาแล้วว่า มันจะมีปัญหาการบริหารราชการแผ่นดิน ในการปกครองรัฐจะอำนาจน้อยลง เพราะประชาชนเข้าถึงโซเชียลมีเดียการสื่อสารด้วยตนเอง นี่คือเสียงของประชาชน ที่บางครั้งเราตรวจสอบไม่ได้ว่าจริงหรือไม่ จะไปก้าวล่วงเรื่องสิทธิมนุษยชน จะไปตรวจจับไม่ได้ยกเว้นคนที่จงใจ ประเภทด่าทุกวันไม่มีข้อเท็จจริงบิดเบือนจะต้องโดนลงโทษ ทุกประเทศทำอย่างนี้หมด ไม่ใช่นายกฯ ตู่จับคนมาลงโทษ มันเขียนทุกวัน ผมจับใครมาลงโทษสักคนไหม ยังไม่เคยต้องไปสั่ง เจ้าหน้าที่เขาทำ มีกฎหมายอยู่หากใครทำเกินเลยก็ต้องจับปรับสอบสวนเท่านั้น กลายเป็นว่าผมไปปิดกั้นคน ถ้าผมทำหน้าที่ขนาดนั้นก็ไม่ต้องมาเป็นนายกฯ หรอก มีข้าราชการทำงาน 2-3 ล้านคน ส่วนหน้าที่ผมคือเล่นงานคนไม่ทำงาน นายกฯมีหน้าที่วางแผน ขับเคลื่อนนโยบาย ติดตามการปฏิบัติ ให้คุณให้โทษเจ้าหน้าที่ และคิดแต่อะไรที่เป็นประโยชน์ไม่ได้คิดจะขี้โกง ได้ตังค์ ได้เงิน ผมไม่มีความต้องการอะไรอีกแล้ว ชีวิตผมจบไปตั้งนานแล้วในเรื่องรับราชการ เป็นทหาร 60 ปีแล้วเบื่อจะตายอยู่แล้ว คำว่าเบื่อคือเบื่อที่จะลงโทษคน เบื่อที่จะต้องใช้อำนาจ หลายคนไม่เคยมีอำนาจก็อยากจะมีอำนาจ คนที่มีอำนาจแล้วก็ไม่อยากมีอำนาจ เพราะเขารู้ว่าการมีมีอำนาจมันยาก เพราะอำนาจมีไว้ใช้ทำความดีให้คุณ แต่อีกด้านหนึ่งอำนาจก็มีไว้ให้โทษคนอื่น ในฐานะผู้บังคับบัญชา ซึ่งไม่มีใครอยากให้ร้ายใคร แต่มันจำเป็นโดยเฉพาะทหาร ราชการก็มีระเบียบวินัยของเขา ดังนั้นสิ่งที่เป็นปัญหามากที่สุดคือการบริหารจัดการแผ่นดิน จำเป็นต้องปรับใหม่ ฉะนั้นจะอยู่ในหัวข้อหนึ่งของยุทธศาสตร์ชาติ แล้วถามว่ายุทธศาสตร์ชาติของผมมีปัญหากับการเมืองตรงไหน ไม่มี และข้อสุดท้ายของยุทธศาสตร์ชาติ การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ผมจึงต้องมาต่างประเทศ ซึ่งไทยมีงบประมาณรายจ่ายปีละ 3 ล้านล้าน ยังไม่พอใช้เลย ซึ่งเรามีกฎระเบียบการควบคุมการเงินการคลัง รัฐบาลนี้ยังไม่เคยทำอะไรผิดตรงนี้เลยยังอยู่ในกรอบวงเงินใช้ทั้งหมด” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น