รัฐบาลประยุทธ์ เปลี่ยน"รับ"เป็น"รุก" โชว์สภาวะผู้นำ-ดับฝ่ายค้านอรุณร่วง

อภิปรายผ่านสองวัน นอกจากฝ่ายรัฐบาลยังไม่มีอะไรเพลี่ยงพล้ำจากเนื้อหาของฝ่ายค้านแล้ว กลับกันยังเป็นฝ่ายรัฐบาลที่ทุ่มความกดดันไปยังฝ่ายค้านแทน

เนื้อหาตลอดสองวันที่ผ่านมา ไม่มีอะไรที่อยู่นอกเหนือความหมายของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีเรื่องการซื้อขายที่ดินของบิดา พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม การขุดเรื่องเก่าสมัยยังเป็นคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประเด็นเรื่องการบริหารเศรษฐกิจ

อาจจะกล่าวได้ว่า รัฐบาลสามารถถอดรหัสจากญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีจำนวน 6 คนออกมาได้หมดว่า จะซักฟอกในประเด็นใดได้บ้าง แม้เนื้อหาในญัตติที่เสนอต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร จะค่อนข้างเขียนเอาไว้แบบกว้างพอสมควรก็ตาม

ขณะเดียวกัน รายละเอียดเนื้อหาที่ฝ่านค้านซุกซ่อนเอาไว้โดยพยายามไม่แพร่งพรายออกมาให้ฝ่ายรัฐบาลรู้โจทย์ล่วงหน้าก่อน เนื่องจากต้องการเก็บเอาไว้ในสร้างเซอร์ไพร์สในสภาฯนั้น แต่เมื่อถึงเวลากลับเซอร์ไพร์สในลักษณะที่แตกต่างออกไปจากที่หลายคนคิด

เซอร์ไพร์สที่รัฐบาลประเมินฝ่ายค้านสูงเกินไป เพราะสุดท้ายแล้ว ข้อมูลและเนื้อหาที่ปรากฎวกวนอยู่กับไม่กี่เรื่อง มีเพียงบุคคลที่อภิปรายที่เวียนกันไปวนกันมาเท่านั้นที่เป็นสิ่งใหม่

ไม่มีอะไรต่างจากเรื่องที่เคยปรากฎเป็นข่าว ในขณะที่บางเรื่องมีการชี้แจงข้อเท็จจริงกันไปแล้วจนสิ้นกระแสความ

นอกจากฝ่ายรัฐบาลจะเก็งข้อสอบของฝ่ายค้านถูกทั้งหมด ในหลายจังหวะยังอาศัยอธิบายรายละเอียดเพื่อเพิ่มความเข้าใจให้กับผู้ที่ติดตามชมการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้อีกด้วย

อีกจุดที่ฝ่ายรัฐบาลสามารถตั้งรับการอภิปรายได้ดีคือ การตามเก็บทุกประเด็นที่ฝ่ายค้าน ไม่ว่าจะเป็น ส.ส.ระดับแกนนำ หรือสมาชิกอภิปรายพาดพิงเรื่องใด ทุกเรื่องจะได้รับการชี้แจงทันที ทันควัน โดยไม่ปล่อยผ่านแม้แต่เรื่องเดียว

จะเห็นว่า หาก ส.ส.ฝ่ายค้านคนใดอภิปรายแบบตีขลุม กระทบชิ่งหลายเรื่องหลายโครงการของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จะมอบหมายให้รัฐมนตรีทุกคนที่รับผิดชอบสิ่งที่ฝ่ายค้านกำลังกล่าวถึง ลุกขึ้นชี้แจงทุกคน

ขณะเดียวกัน การอภิปรายของรัฐมนตรีแต่ละคน จะกระทำขึ้นอย่างมีแบบแผน มีแผ่นชาร์ต ตัวเลข ข้อมูล สถิติ ไม่ใช่การบอกปัด หรือปฏิเสธด้วยวาจา เพียงเพื่อเอาตัวรอดเฉพาะหน้า แต่ต้องการหักล้างข้อมูลของฝ่ายค้านแบบมีเหตุผล

ถือว่าพล.อ.ประยุทธ์ มีความละเอียดรอบคอบ เป็นอย่างมาก สั่งการให้รัฐมนตรีแต่ละคนถูกมอบหมายให้เตรียมข้อมูลของหน่วยงานตัวเองให้ครอบคลุมและพร้อมที่สุด เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ แม้ที่สุดจะได้ใช้เพียง 20 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม เพื่อไม่ต้องการให้เกิดความผิดพลาดใดๆ

ขณะที่ตัว พล.อ.ประยุทธ์ ที่หลายฝ่ายปรามาสว่า จะไม่สามารถอดทนอดกลั้นกับสิ่งที่ฝ่ายค้านซักฟอกได้ จนอาจหลุดคำหรือพฤติกรรมบางอย่างออกมา แต่ถึงเวลานี้กลับกระทำได้อย่างเหนือความคาดหมายพร้อมแสดงสภาวะผู้นำได้ออกมาอย่างชัดเจน

ถือว่าสุขุมและเยือกเย็นขึ้น ก้มหน้าก้มตาลุกขึ้นชี้แจงประเด็นต่างๆ ในทุกมิติด้วยตัวเองหากมีจังหวะ จนเหมือนจะสามารถปรับตัวเข้าได้กับวัฒนธรรมทางการเมืองไทย และเวทีสภาฯแล้ว

จากเวทีแถลงนโยบายต่อรัฐสภาก่อนเข้าบริหารประเทศ จนถึงการรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ มีพัฒนาการการรับมือนักการเมืองในสภาฯ อย่างเห็นได้ชัด

รัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นคนที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือคนที่ไม่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต่างกระตือรือร้นที่จะตอบคำถามของฝ่ายค้าน ผิดแปลกจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจในอดีต ที่มักจะเกร็งและกังวลกัน

โดยเฉพาะรัฐมนตรีที่มีชื่อถูกอภิปราย ที่แม้ยังไม่ถึงคิวตัวเอง แต่ทันทีที่มีการพาดพิงหรือกล่าวอ้างถึง จะลุกขึ้นชี้แจงทันที ไม่ปล่อยให้ฝ่ายค้านตีกิน หรือรอตอบเมื่อถึงเวลาตัวเอง

การอภิปรายสองวันที่ผ่านมา วอร์รูมของฝ่ายรัฐบาลแทบไม่ต้องออกแรงอะไรมาก จากเดิมเตรียมการที่จะชี้แจงหรือตอบโต้หากรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่สามารถตอบคำถามหรือตอบได้ไม่ชัดเจน แต่ถึงบัดนี้นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี รวม 6 คน สามารถประคองเอาตัวรอดไปได้แบบสบาย

การใส่ใจตอบคำถามทุกอย่างที่ฝ่ายค้านระดมยิงใส่รัฐบาล ชนิดว่า ไม่ปล่อยให้มีเรื่องใดคลางแคลงสัยครั้งนี้ กลับเป็นฝ่ายค้านที่ต้องตกอยู่ในสภาวะอึดอัดเอง เพราะไม่คิดว่า ฝ่ายรัฐบาลจะวิ่งเข้าใส่ มากกว่าวิ่งหนีแบบในอดีตที่ผ่านมา

บรรทัดฐานการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ยังลบภาพเดิมๆ ในอดีต ที่ฝ่ายค้านจะต้องเดินหน้ารุกไล่แบบฮึกเหิม มาเป็นฝ่ายรัฐมนตรีวิ่งเข้าชนข้อกล่าวหาแทน เพื่อต้องการแสดงความบริสุทธิ์

จากที่หลายฝ่ายคอยจับจ้องว่า รัฐบาลจะประคองตัวรอดพ้นการซักฟอกครั้งนี้ได้หรือไม่ กลับกลายมาเป็นว่า ช่วงเวลาที่เหลือฝ่ายค้านจะทำอะไรได้หรือไม่

หลังการอภิปรายในอดีตมักจะมีการให้คะแนนกันว่า ฝ่ายรัฐบาลสอบตกในการชี้แจงหรือไม่ โดยวัดจากความสามารถในการรับมือและตอบข้อกล่าวหาได้มากและชัดเจนเพียงใด

แต่ตอนนี้มาถึงยุคที่รัฐบาล "สอบผ่าน" ตั้งแต่ยังไม่ลงมติไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจ กลับกันกลายเป็นต้องมานั่งลุ้นว่า ฝ่ายค้านจะ "สอบตก" หรือไม่ในช่วงวันเวลาที่เหลือจากนี้

ตามคิวที่รัฐบาลชิง "ดับสุริยา" แล้วยังเปลี่ยนให้ "อรุณรุ่ง" เป็น "อรุณร่วง" ตั้งแต่ศึกยังไม่จบ.