เพจ "หมอแล็บแพนด้า" โพสต์ข้อความเตือนเมนู "ค้างคาว" อาหารเปิบพิสดาร มีความเสี่ยงเกิดโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 เพราะค้างคาวมีเชื้อไวรัสสะสมอยู่ทั้งในเลือด น้ำลาย และเครื่องใน และมีโอกาสติดเชื้อไวรัสได้ตั้งแต่การจับถึงการชำแหละ
จากกรณี เกิดโรคปอดอักเสบรุนแรงจากปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ขณะที่องค์การอนามัยโลกยังไม่ประกาศภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ ซึ่งในไทยพบผู้ป่วยจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 รักษาตัวในห้องผู้ป่วย โรงพยาบาลนครปฐม ขณะนี้ผู้ป่วยอาการดีขึ้น และได้มีการดำเนินการตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข โดยจัดระบบเฝ้าระวัง คัดกรองผู้ป่วย การดูแลติดตามรักษาอย่างเป็นระบบ
ล่าสุด วันนี้ (23 ม.ค.) เพจ "หมอแล็บแพนด้า" โพสต์ข้อความเตือนถึงโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 โดยเผยว่า "มีงานวิจัยยืนยันว่าตรวจเจอไวรัสมากกว่า 60 ชนิด จากค้างคาวทั่วโลก ซึ่งหลายชนิดทำให้เกิดโรคในคนได้ด้วยครับ เช่น ไวรัสตระกูลโรคพิษสุนัขบ้า ไวรัสอีโบล่า ( Ebola ) ไวรัสซาร์ ( SARS ) ไวรัสนิปาห์ ( Nipah) และล่าสุด ไวรัสสายพันธุ์ใหม่อู่ฮั่นก็น่าสงสัยว่ามาจากค้างคาว
เพราะเมื่อค้างคาวติดเชื้อไวรัส มันอาจจะไม่แสดงอาการอะไรเลย ไวรัสบางชนิดทำให้ค้างคาวป่วยหนักจนตาย แต่บางตัวก็หายเอง และยังคงแพร่เชื้อต่อไปได้ การปรุงสุกอาจจะช่วยฆ่าเชื้อไวรัสได้ แต่อย่าลืมนะครับ เรามีโอกาสติดเชื้อไวรัสได้ตั้งแต่การจับค้างคาวและการชำแหละ เพราะเชื้อไวรัสจะมีการสะสมอยู่ทั้งในเลือด น้ำลาย และเครื่องใน เหมือนเราไปคลุกคลีกับคนเป็นหวัดนั่นแหละ มีโอกาสติดเชื้อโดยที่ยังไม่ทันได้กินเลย
ตอนนี้ค้างคาวมีการนิยมเอามากินแถวๆในภาคใต้ของจีน นอกจากชาวจีนก็มีคนบางกลุ่มในอาเซียนเราที่ยังนิยมกินเนื้อค้างคาวในฐานะอาหารเปิบพิสดาร ชาวจีนหลายคนเชื้อว่าการกินเนื้อคางคาวช่วยรักษาอาการโรคหืด โรคไต และอาการเจ็บป่วยทั่วไป แต่ที่ไหนได้ มันกลับกลายเป็นตัวการของโรคทางเดินทางใจเฉียบพลันรุนแรง นอกจากนั้นยังเอาขี้ค้างคาวมาทำยาแผนโบราณอีกต่างหาก
บางคนก็เชื่อว่าเลือดของค้างคาวช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศ และไขมันที่สะสมอยู่ในตัวค้างคาวจะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นแก้หนาวได้ แต่สุดท้าย นอกจากจะไม่ช่วยรักษาโรค ยังกลายเป็นติดเชื้อไวรัสกันทั่วโลก ติดต่อจากคนสู่คน แถมเชื้อยังกลายพันธุ์ไปเรื่อยๆ ดังนั้นใครที่เคยกินค้างคาว ถ้าป่วย เป็นไข้ ควรแจ้งแพทย์ด้วยว่า “ผมกินค้างคาวมาครับ” เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการวินิจฉัยโรค และก็อย่าไปกินอะไรแปลกๆอีกล่ะครับ ขอร้อง"