“ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์” ชี้สหรัฐฯ-จีนลงนาม “ข้อตกลงการค้าเฟส 1” สงครามการค้ายังไม่จบ แค่พักรบ หลังส่งผลให้เศรษฐกิจแย่ทั้งคู่ แต่ยังมีข้อเรียกร้องอีกหลายอย่างที่คงไม่ยอมกัน เชื่อช่วยดันเศรษฐกิจโลกรวมถึงไทยดีขึ้นเล็กน้อย เพราะปัจจัยลบยังมีอีกเยอะ
วันนี้ (21 ม.ค. 63) รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่อง “นิวส์วัน” ในประเด็น “สงครามการค้า จบหรือยัง?” ดำเนินรายการ นงวดี ถนิมมาลย์
จากกรณีที่สหรัฐอเมริกาและจีนได้ลงนามข้อตกลงการค้าฉบับแรก ที่เรียกว่า “ข้อตกลงการค้าเฟส 1” เมื่อวันที่ 15 ม.ค. เพื่อยุติข้อพิพาททางการค้าระหว่าง 2 มหาอำนาจ โดย ดร.สมชายกล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายถ้าสู้ต่อไปจะเกิดผลเสียทั้งคู่ แบบนี้ถือว่าวิน-วิน อย่างเศรษฐกิจอเมริกา สู้มา 2 ปี ปีที่แล้ว ไตรมาสแรกขยายตัว 3.2 ไตรมาส 2 โต 2.3 ส่วนไตรมาส 3 ลดเหลือ 1.9 ไตรมาส 4 จึงต้องพยายามหาข้อตกลง ส่วนจีนเอง 2 ปีนี้เศรษฐกิจจากขยายตัว 7.6 ลงมาถึง 6 เปอร์เซ็นต์ ต่ำสุดในรอบ 27 ปี พูดง่ายๆ ทั้งสองฝ่ายหลีกเลี่ยงเกมรบ
ส่วนข้อตกลงการค้าเฟส 2 อเมริกาอยากได้อะไรจากจีน ข้อแรกอเมริกาบอกคุณเป็นรัฐวิสาหกิจ คุณมีการอุดหนุนทางการค้า มีการบิดเบือนทางการค้า ทำให้อเมริกาเสียเปรีย ต้องการให้แก้ไข แต่จีนจะยอมหรือ อีกทั้งจีนยังไม่ยกเลิกกำแพงภาษี แต่ก็ยังน้อยกว่าอเมริกา กำแพงภาษีที่อเมริกาค้างอยู่ทั้งหัวเว่ย หรือออกกฎหมายห้ามอเมริกาขายของให้จีน สิ่งต่างๆ ยังอยู่ เรียกง่ายๆ สงครามยังอยู่เพียงแต่พักรบเท่านั้นเอง เพราะทำให้เศรษฐกิจแย่ทั้งคู่ และเรื่องเลือกตั้งด้วย ทรัมป์สามารถเอาไปใช้หาเสียงได้ว่ามีประธานาธิบดีคนไหนสามารถบีบจีนได้ขนาดนี้ ส่วนสีจิ้นผิง ก็บอกได้ว่าแม้ถูกอเมริกาบีบแค่ไหนเราก็ไม่ยอม
ดร.สมชายกล่าวอีกว่า ตนเชื่อว่าข้อตกลงการค้าเฟส 2 โอกาสสำเร็จค่อนข้างยาก แม้สนามนี้พักรบ แต่ยังมีอีกหลายสนาม หลายคนวิเคราะห์ว่าถ้าสำเร็จน่าจะหลังเลือกตั้งสหรัฐฯ
ดร.สมชายกล่าวด้วยว่า ถ้าทุกอย่างปกติตามข้อตกลงเฟส 1 จะทำให้เศรษฐกิจโลกดีขึ้นนิดหน่อย ไอเอ็มเอฟปรับตัวเลขเศรษฐกิจโลก จาก 2.9 จะเป็น 3.3 แล้วปีต่อไปเป็น 3.4 ส่วนจีนปีนี้ 5.8 แต่ตอนนี้บอกว่าอาจะเป็น 6 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็มีความไม่แน่นอนหลายเรื่อง ทั้งเรื่องเบรกซิต ปัญหาตะวันออกกลาง เรื่องไวรัสอู่ฮั่น ส่วนภาพเศรษฐกิจไทย ปัจจัยลบก็ลดลง ดีขึ้นบ้างจากปีที่แล้ว เพราะเราเจอปัญหาเงินบาทแข็ง การท่องเที่ยวลดลง