เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์--สำนักสถิติแห่งรัฐจีนแถลงวันนี้(17 ม.ค.) อัตราขยายตัวเศรษฐกิจจีนในปี 2019 โต 6.1 เปอร์เซ็นต์ นับเป็นอัตราต่ำที่สุดในรอบ 29 ปี
ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี)นี้สรุปในช่วงปีที่เศรษฐกิจจีนเผชิญกับสงครามการค้ากับสหรัฐอเมริกาอย่างหนักหน่วงโดยทั้งสองฝ่ายได้ขึ้นอัตราภาษีการค้าโต้ตอบกันอย่างดุเดือด
อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้เกิดสัญญาณที่ดีในการคลี่คลายข้อพิพาทการค้าระหว่างสองมหาอำนาจเศรษฐกิจโลกและเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อเศรษฐกิจหลังจากที่จีนและสหรัฐฯได้ลงนามข้อตกลงทางเศรษฐกิจและการค้าเฟสที่ 1 เมื่อวันพุธ(15 ม.ค.) ณ ทำเนียบข่าว กรุงวอชิงตัน โดยข้อตกลงที่โลกรอคอยมานานนี้เป็นสัญญาการพักรบศึกพิพาทการค้า
แม้ตัวเลขจีดีพีจีนทำสถิติต่ำที่สุดนับจากปี 1990 ซึ่งในปีนั้นวิกฤตวุ่นวายทางการเมืองในปักกิ่งได้ฉุดอัตราเติบโตเศรษฐกิจลดลงมาอยู่ที่ระดับ 3.9 เปอร์เซ็นต์ การขยายตัวเศรษฐกิจปีที่แล้วที่ระดับ 6.1 เปอร์เซ็นต์ ก็ยังอยู่ในเป้าหมาย 6.0 เปอร์เซ็นต์ และ 6.5 เปอร์เซ็นต์ ที่รัฐบาลจีนกะเก็งไว้ตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว แต่ยังต่ำกว่าระดับ 6.2 เปอร์เซนต์ ที่ตลาดคาดการณ์
นอกจากนี้ตัวเลขดังกล่าวยังสอดคล้องกับชุดคาดการณ์ของกองทุนการเงินโลก (ไอเอ็มเอฟ) และธนาคารโลก หรือเวิร์ลด์แบงค์ ที่ประเมินอัตราเติบโตเศรษฐกิจจีนในปีนี้
สำหรับการขยายตัวเศรษฐกิจระหว่างไตรมาสที่สี่ของปีที่แล้ว จีดีพีจีนโตที่ระดับ 6.0 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับตัวเลขของช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย.
ส่วนดัชนีหลักตัวอื่นๆ ได้แก่
การผลิตอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นมาตรวัดผลผลิตในภาคการผลิต เหมืองแร่ และสาธารณูปโภค โต 5.7 เปอร์เซ็นต์เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับที่กระเตื้องขึ้นมาหน่อยจากการประเมินของกลุ่มวิเคราะห์ที่ 5.6 เปอร์เซ็นต์ แต่ลดลงจากระดับ 6.2 เปอร์เซ็นต์ในปี 2018
ยอดค้าปลีก ดัชนีหลักของการใช้จ่ายผู้บริโภคในประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก ขยายตัว 8.0 เปอร์เซ็นต์เมื่อปีที่แล้ว ตกจากระดับ 9 เปอร์เซ็นต์ในปี 2018 ซึ่งถือว่าอยู่ในความคาดหมายของตลาด
การลงทุนสินทรัพย์ถาวรขยายตัว 5.4 เปอร์เซ็นต์ในช่วงปี 2019 กระเตื้องขึ้นจาก 5.2 เปอร์เซ็นต์ที่รายงานในเดือนพ.ย.ในแง่การขยายตัวปีต่อปี ถือเป็นระดับต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์
ในเดือนธ.ค.ซึ่งเป็นช่วงที่จีนและสหรัฐฯใกล้บรรลุข้อตกลงการค้า สภาพการณ์เศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมดูสดใสขึ้น กล่าวคือการผลิตอุตสาหกรรมขยับขึ้น 6.9 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเหนือการคาดการณ์ของกลุ่มวิเคราะห์ที่เก็งไว้ที่ 5.9 เปอร์เซ็นต์และถือเป็นการขยายตัวที่เร็วที่สุดนับจากเดือนมี.ค.
นอกจากนี้ข้อมูลสถิติที่ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เผยตัวเลขการส่งออกและนำเข้าช่วงเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ได้แก่ การส่งออกจีนขยายตัว 7.6 เปอร์เซ็นต์ สูงจากตัวเลข ติดลบ1.3 เปอร์เซ็นต์ ในเดือนธ.ค. ส่วนการนำเข้าดีดตัวขึ้น 16.3 เปอร์เซ็นต์ในเดือนธ.ค. สูงขึ้นจาก 0.3 เปอร์เซ็นต์ ในเดือนพ.ย.
ขณะที่ยอดค้าปลีกในเดือนที่แล้ว(ธ.ค.) โต 8.0 เปอร์เซ็นต์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ 7.9 เปอร์เซ็นต์ซึ่งเป็นระดับที่ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนพ.ย.
รายงานข่าวของสื่อฮ่องกง เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ ระบุว่านักกำหนดนโยบายในปักกิ่งอาจจะโล่งใจที่ตัวเลขอัตราเติบโตของทางการยังอยู่เหนือเส้นจิตวิทยา (psychologically important) 6.0 เปอร์เซ็นต์ แต่พวกเขายังต้องเผชิญปัญหาท้าทายใหญ่ที่รออยู่ในปี 2020 นี้ เนื่องจากการลงนามข้อตกลงการค้าเมื่อวันพุธ(15 ม.ค.) อาจลดแรงกดดันลงไปบ้าง ในข้อตกลงฯจีนกำหนดโครงการซื้อสินค้าครั้งมโหฬารซึ่งจะกระตุ้นการนำเข้าจากสหรัฐฯมายังจีน แต่ปัญหาเชิงโครงสร้างยังคงอยู่
นอกจากนี้ยังมีหลายกลุ่มสงสัยและรอดูการรักษาสัญญาตามข้อตกลงในอนาคต
“การลงนามสัญญาเฟสที่ 1 นี้เป็นเพียงข้อตกลงเฉพาะกาลระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่จริงแล้วมันเป็นขั้นตอนผลักดันให้เกิดการเจรจาในขั้นต่อไป สหรัฐฯจะคงอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในอัตราที่เป็นอยู่หากทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถเข็นข้อตกลงเฟสที่ 2 ออกมา” Alicia Garcia Herrero หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิกประจำ Natixis กล่าว
จีนพยายามต้านภาวะชะลอตัวเศรษฐกิจเมื่อปีที่แล้วด้วยมาตรการตัดลดภาษีและมาตรการกระตุ้นทางการเงิน อย่างไรก็ตามหลังการบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสที่ 1 ธนาคารกลางแห่งจีนได้เปิดการประชุมข่าวในวันพฤหัสฯ(16 ม.ค.) แถลงว่าจีนยังนโยบายการเงินอย่าง “รอบคอบ” ในปีนี้