รวมภาพบรรยากาศแถลงข่าว “ส่งหมูป่ากลับบ้าน” เปิดใจประสบการณ์ขณะอยู่ในถ้ำ เผยทุกคนเสียใจต่อการจากไปของ “จ่าแซม” พร้อมใจเตรียมบวชเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ ลั่นขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รับปากจะไม่ประมาทอีก
วันที่ 18 ก.ค. นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย, นายแพทย์ไชยเวช ธนไพศาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์, พ.ท.นพ.ภาคย์ โลหารชุน หรือ หมอภาคย์ พร้อมด้วยทหารจากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ หรือหน่วยซีล 3 นาย และจิตแพทย์-นักจิตวิทยา นำทีมฟุตบอลหมูป่าอะคาเดมีแม่สาย ทั้ง 13 คน แถลงข่าว “ส่งหมูป่ากลับบ้าน” ที่อาคารคชสาร องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย ซึ่งมีการถ่ายทอดผ่านรายการเดินหน้าประเทศไทย โดยมี นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโสชื่อดังเป็นพิธีกรดำเนินรายการ
ส่วนเรื่องราวที่น่าสนใจในการแถลงข่าวครั้งนี้นั้น ส่วนใหญ่คือ ข้อสงสัยต่างๆ ที่สังคมอยากทราบเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวจากปาก 13 หมูป่า ซึ่งทาง นายสุทธิชัย ได้สอบถาม โดยน้องๆ นักเตะ และนายเอกพล จันทะวงษ์ หรือ โค้ชเอก อายุ 25 ปี ระบุว่า หลังจากได้ไปลงสนามเตะฟุตบอลอุ่นเครื่องกันระหว่างสายเหนือและสายใต้ภายในทีมเดียวกัน ก็ได้เข้าไปในถ้ำหลวงเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.
เพราะมีหลายคนในทีมที่ต้องการไปเที่ยวถ้ำหลวง ไม่เกี่ยวกับการฉลองวันเกิดน้องไตเติ้ล ตอนแรกจะออกมาทันให้น้องไตเติ้ล กลับไปฉลองวันเกิดที่้้บ้าน ซึ่งพ่อแม่เตรียมจัดให้ที่บ้าน และให้ทันส่งน้องตั๊น ไปเรียนพิเศษด้วย โดยพากันเข้าถ้ำไปจนถึงบริเวณสามแยก ลึกประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งโค้ชเอก เคยเข้าไปมาแล้ว และยังเคยเดินทะลุโพรงตรงสามแยก-หาดพัทยา-เนินนมสาว ไปจนถึงเมืองลับแลหรือเมืองบาดาล มาแล้ว
ซึ่งเมื่อทั้งหมดเดินเข้าไปถึงสามแยก โค้ชเอก ก็ได้สอบถามน้องๆ ว่า จะไปต่อหรือไม่ เมื่อมีคนขานรับ ก็พากันเดินผ่านสามแยกเข้าโพรง เมื่อไปถึงจุดที่เรียกว่าเมืองลับแล พบเป็นทางน้ำลึก จึงให้น้องตี๋ ซึ่งเก่งเรื่องการดำน้ำนำไปก่อน จากนั้นคนอื่นๆ ที่ว่ายน้ำเป็นกันหมด ว่ายตามไปถึงฝั่งแล้ว จึงว่ายน้ำกลับ เพื่อกลับออกจากถ้ำทางเดิม แต่เมื่อถึงบริเวณสามแยกปรากฎว่าน้ำท่วมหมดจนออกมาไม่ได้ ก็พากันขึ้นไปอยู่บนเนินหิน เพราะน้ำขึ้นสูงถึง 3 เมตร และติดอยู่ในถ้ำอาศัยน้ำหยด-ธารน้ำในถ้ำประทังหิว โดยที่ไม่มีข้าว หรือขนมกิน เพราะไม่ได้เตรียมไปด้วย รวมทั้งพยายามใช้หินผลัดกันขุดเจาะผนังถ้ำหาทางออก แต่ก็ไม่เป็นผล จนกระทั่งผ่านไป 10 วัน ทีมกู้ภัยค้นหาพบและเข้าไปช่วยเหลือ
ทั้งนี้ เด็กๆ ทั้งหมดต่างเล่าถึงประสบการณ์ภายในไปทำนองเดียวกัน คือ รู้สึกหิวข้าวเมื่อผ่านไปได้ 2-3 วัน เกิดอาการอ่อนเพลียกระทั่งได้รับการช่วยเหลือ เมื่อเจ้าหน้าที่ไปพบก็มีความผูกพันกับหมอภาคย์และหน่วยชีลทั้ง 3 นายที่อยู่ใกล้ชิด คอยช่วยเหลือพูดคุย พาเล่นเกมหมากฮอส ฯลฯ
กระทั่งถึงเวลาต้องออกจากถ้ำมีเกณฑ์ในการเลือกคนไปก่อนหลังโดยหมอภาคย์และหน่วยซีล ระบุว่าเนื่องจากทั้งหมดมีสุขภาพกายและใจดีเหมือนกันหมดแล้ว จึงให้โค้ชเอก เลือก ซึ่งก็ได้ตกลงกับเด็กๆ โดยใช้เกณฑ์คนบ้านไกล คือ บ้านเวียงหอม ต.แม่สาย จำนวน 4 คน ออกจากถ้ำก่อน เพราะหวังว่าเมื่อคนอยู่ไกลออกจากถ้ำ จะได้ถึงบ้านก่อน เนื่องจากต้องปั่นจักรยานไปอีกไกล และจะได้บอกข่าวญาติพี่น้องข้างนอกว่าทุกคนปลอดภัยดีแล้ว ให้เตรียมอาหารรอด้วย
นายเอกพล กล่าวว่า รู้สึกเสียใจต่อการจากไปของนาวาตรี สมาน กุนัน หรือ จ่าแซม ที่เข้าไปช่วยเหลือ ตอนที่ทุกคนทราบข่าวก็รู้สึกช็อก เสียใจ และคิดเหมือนกันว่าตัวเองเป็นต้นเหตุให้ครอบครัวของท่านต้องเสียใจ จึงขอให้พี่จ่าแซม ไปสู่สุคติและพวกตนทุกคนจะบวชพร้อมกัน จะกำหนดให้บวชกี่วันก็ได้ เพื่อจะได้อุทิศส่วนกุศลให้พี่่จ่าแซม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงท้ายโค้ชเอกและเด็กๆ ทุกคนได้แสดงความรู้สึกไปในทำนองเดียวกันว่าทุกคนขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และรับปากว่าจะเป็นคนดี ไม่ประมาท จะพิจารณาว่าสิ่งใดควรไม่ควร รวมทั้งขอโทษต่อครอบครัวของจ่าแซม ซึ่งมีการนำภาพวาดจ่าแซม ที่น้องๆนักเตะและโค้ชทีมหมูป่า เขียนข้อความไว้อาลัยถึงจ่าแซม มาโชว์บนเวทีด้วย
เมื่อถามว่าจะเข้าไปในถ้ำกันอีกหรือไม่ ส่วนใหญ่บอกไม่เอาแล้ว ยกเว้นโค้ชเอก ที่บอกว่าถ้ามีคนให้ไปส่งก็จะไป แต่จะไปส่งถึงแค่หน้าถ้ำเท่านั้น