xs
xsm
sm
md
lg

หนุ่มแม่สาย เผยประสบการณ์ระทึกติดถ้ำหลวงปี 45 โชคดีลอดรูปีนผาพัทยาบีช-โถงสามแยกได้(ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เชียงราย – เผยอีกหนึ่งประสบการณ์คนเคยติดถ้ำหลวง บอกขนาดเตรียมตัวเต็มพิกัดยังหลง หาทางออกแทบไม่เจอ แต่รอดได้เพราะโชคช่วย ปีนผาตามเสียงจากหาดพัทยา-โถงสามแยก เจอวัยรุ่นอีก 4 คนติดอยู่ จนพากันออกมาได้


กรณีสมาชิกทีมหมูป่าอะคาเดมี ทั้ง 13 คน ที่ติดถ้ำหลวง วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตั้งแต่ 23 มิ.ย.61 ก่อนจะได้รับการช่วยเหลือออกมาครบทั้งหมดเมื่อ 11 ก.ค. จนเป็นข่าวเกรียวกราวไปทั่วโลกนั้น พบว่าน้องๆทีมหมูป่า ไม่ได้เป็นรายแรกที่เคยเข้าไปหลงอยู่ภายในถ้ำหลวง

แต่เคยมีหลายคนที่เคยประสบเหตุในลักษณะเดียวกัน โดยหนึ่งในนั้นคือ นายอินทุ อินเจริญ อายุ 34 ปี เจ้าของร้าน “โม คอฟฟี่” ใกล้ปากทางขึ้นดอยตุง ต.ห้วยไคร้ อ.แม่สาย ซึ่งเป็นคนท้องถิ่น ที่เคยเข้าไปเที่ยวในถ้ำหลวง ช่วงเดือนมิถุนายนปี 2545 หรือกว่า 16 ปีก่อน จนหลงอยู่บริเวณหาดพัทยา-โถงทางโค้งที่สามแยกภายในถ้ำเช่นกัน และได้แจ้งข้อมูลจากความทรงจำให้กับทหาร-จนท.กรมอุทยานฯ ระหว่างการค้นหาช่วยเหลือ 13 ชีวิตทีมหมูป่า ด้วย

นายอินทุ กล่าวว่าตนและเพื่อนๆ ชอบไปเที่ยวถ้ำต่างๆ ในเชียงราย หลายแห่ง เช่น ถ้ำทรายทอง ฯลฯ เพราะความเป็นวัยรุ่นจึงอยากผจญภัย และตั้งเป็นทีมทั้งเด็ก-ผู้ใหญ่ วันหนึ่งตอนอายุ 18 ปี ช่วงฤดูน้ำหลากเดือนมิถุนายน ตนกับพวก 4-5 คน พากันนำรถจักรยานยนต์ไปเที่ยวถ้ำหลวง โดยนำรถไปซ่อนไว้ที่พงหญ้า ไม่ให้คนเห็น

จากนั้นได้พากันเข้าไปในถ้ำปรากฏว่าในโถงที่ 1 ยังมีแสงสว่างอยู่ และเมื่อผ่านเข้าไปราว 100 เมตร หรือโค้งที่ 1-2 เป็นต้นไปก็มืดสนิทต้องใช้ไฟฉายชนิดส่องสว่างได้ดี ที่เตรียมมาเต็มพิกัด แต่เมื่ออยู่ในถ้ำแบตเตอรี่ก็หมดเร็วมาก

นายอินทุ กล่าวอีกว่าช่วงที่เข้าไปใหม่ๆ มีป้ายบอกไปตลอดทางว่าจุดต่างๆ เรียกชื่อว่าอย่างไร เช่น โถงที่ 3 เรียกว่าท้องฟ้าจำลอง เพราะมีแสงระยิบระยับ รวมทั้งมีหินงอกหินย้อยสวยงามมาก ส่วนบริเวณสามแยก ที่ต้องลอดรูเข้าไปแล้วเป็นโพรงใหญ่มากเรียกว่าเมืองลับแล เพราะมีทางแยกคดเคี้ยวไปมาจำนวนมาก ขณะที่หาดพัทยา ตอนนั้นยังไม่มีชื่อ แต่ก็มีหาดทรายกว้าง และมีเนินสูงด้านบน

เมื่อพวกตนเดินเข้าไปถึงสามแยกระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตรแล้ว ก็ลอดรูทางด้านซ้ายเข้าสู่ห้องโถงใหญ่ ซึ่งพบว่าขณะนั้นมีน้ำไม่มากนัก มีเพียงแอ่งน้ำเป็นจุดๆ ก็ใช้ม้วนเทปแบบเก่าวางเป็นสัญลักษณ์เอาไว้ เพื่อไม่ให้หลงทาง เพราะจากโพรงใหญ่ตรงสามแยกเชื่อมไปยังโถงที่ 3 มีช่องทางให้ออกมาเพียงจุดเดียว

"จากนั้นพวกผมก็ใช้แสงไฟส่องเดินไปยังหาดพัทยา และตั้งจุดทานอาหารกัน จำได้ว่าเราเข้าไปตอน 9 โมงเช้า และช่วงนั้นก็ใกล้เที่ยงแล้ว เมื่อกินข้าวเสร็จแล้วจะไปต่อ ปรากฏว่าข้างหน้ามีน้ำท่วมไปไม่ได้ ก็ตัดสินใจกลับ แต่หาจุดที่วางม้วนเทปไว้ไม่เจอ ทุกคนยิ่งใจเสีย เพราะพื้นที่กว้างขวาง คดเคี้ยว มืด และมีหินงอกหินย้อยเต็ม จึงได้นำขวดน้ำวางตรงกลางโถง หากใครหลงให้กลับไปยังจุดนั้น เพื่อไม่ให้หลงกัน"

นายอินทุ กล่าวอีกว่าขณะนั้นหลายคนเริ่มใจเสีย ตนมองนาฬิกาปรากฏว่าผ่านไปได้กว่า 5-6 ชั่วโมง พวกเราก็หาทางออกที่เป็นรูเล็กๆพอคนลอดผ่านไปได้ 1 คนนั้นไม่เจอ จากนั้นได้มีเสียงผู้ใหญ่ร้องเสียงหลงมาว่า "ช่วยด้วยๆ" ทำให้หลายคนตกใจ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนส่งเสียงอยู่ในนั้น แต่พวกเราก็ข้ามหน้าผาสูงประมาณ 5 เมตรจากห้องโถงดังกล่าวไปตามเสียง จนข้ามมานอกสามแยกถ้ำได้อย่างน่าอัศจรรย์ และพบเจอกับวัยรุ่นอีก 4 คน เป็นชาย 2 และหญิง 2 คน ที่กำลังหลงอยู่นอกโพรงตรงสามแยกพอดี ทำให้พวกตนสามารถออกจากโพรงด้านในมาได้อย่างหวุดหวิด

เมื่อดูรูจากด้านนอกก็จำได้ว่า เป็นจุดที่พวกเราเคยเข้าไปนั่นเอง แสดงว่าจากสามแยกเข้าไปถึงโถงด้านใน ก่อนถึงหาดพัทยา มี 2 ทางคือ ทางรูลอดดังกล่าว และข้ามหน้าผาด้านบนไป

จากนั้นพวกเราทั้งหมด รวมทั้งวัยรุ่นอีก 4 คน ก็พากันออกมา เพราะเขาก็หลง และแสงไฟก็หมด โชคดีที่ตนเตรียมเทียนไขเอาไว้ 1 เล่ม จึงอาศัยแสงเทียนไขเล่มเดียวส่องทางไปถึงโถงที่ 3 และโถงที่ 2 ก่อนจะออกมาถึงหน้าถ้ำได้ในเวลากลางดึก

“เป็นเหตุการณ์ระทึกขวัญที่ตนไม่มีวันลืม และอยากเตือนให้น้องๆ รุ่นหลังที่จะเข้าถ้ำหลวง ให้เชื่อฟังคำผู้ใหญ่ที่มักจะบอกอยู่เสมอว่า อย่าเข้าไปในถ้ำหลวงลึกมากนัก เพราะมีเส้นทางคดเคี้ยวทำให้หลงง่าย หรือหากจะเข้าไป ก็ควรแจ้งเจ้าหน้าที่กรณีของพวกตนหากมีน้ำมาท่วม คงไม่โชคดีเท่าเหมือนน้องๆ ทีมหมูป่าทั้ง 13 คน เพราะจะไม่มีใครรู้ว่าพวกเราเข้าไป เนื่องจากเอารถไปซ่อนไว้หมดแล้ว”



กำลังโหลดความคิดเห็น