xs
xsm
sm
md
lg

ศิษย์หลวงตาบัวชี้ ตร.บุกวัดอ้อน้อย ต้องโทษนายสั่ง เผย “พุทธะอิสระ” มุ่งช่วยเหลือคนสร้างบารมีเป็นพระพุทธเจ้า ไม่สนภาพลักษณ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พระวิทยา กิจฺจวิชฺโช เจ้าอาวาสวัดป่าดอยแสงธรรมญาณสัมปันโน จ.เชียงใหม่ (ภาพจากเฟซบุ๊ก พระวิทยา กิจฺจวิชฺโช)
เจ้าอาวาสวัดป่าดอยแสงธรรมญาณสัมปันโน ชี้คอมมานโดบุกวัดอ้อน้อยเพราะได้รับคำสั่ง ต้องโทษผู้บังคับบัญชาไม่รอบคอบ เผยเคยคุยกับอดีตพระพุทธะอิสระ เจ้าตัวบอกจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยคนพ้นทุกข์ สร้างบารมีเป็นพระพุทธเจ้า ไม่สนภาพลักษณ์จะเสียหาย ขอให้ชาติ ศาสนา กษัตริย์ อยู่รอด ไม่ต่างจาก “สนธิ” และพันธมิตรฯ ยอมสู้ถวายหัว แม้ต้องถูกจับติดคุก ถูกฟ้องล้มละลาย แต่ก็ยอมรับอย่างลูกผู้ชายใจสิงห์

จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยคอมมานโดพร้อมอาวุธครบมือบุกเข้าจับกุมตัวอดีตพระพุทธะอิสระ ที่วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม เมื่อตอนเช้าตรู่ของวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา ตามคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียและมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเจ้าหน้าที่กระทำเกินกว่าเหตุนั้น พระวิทยา กิจฺจวิชฺโช เจ้าอาวาสวัดป่าดอยแสงธรรมญาณสัมปันโน จ.เชียงใหม่ หนึ่งในคณะศิษยานุศิษย์ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก พระวิทยา กิจฺจวิชฺโช เมื่อเวลา 19.17 น.ของวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า เรื่องนี้คงโทษเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานไม่ได้ เพราะเขาอาจได้รับคำสั่งเพียงว่าให้ไปจับพระที่วัด อาจไม่ทราบข้อมูลโดยละเอียด คิดไปเองว่าพระต้องมีคนคุ้มกันซึ่งอาจมีอาวุธ พระต้องทำผิดร้ายแรงจึงถูกออกหมายจับ เขาจึงระวังตัวกันอย่างเต็มที่ หากจะโทษก็คงต้องโทษผู้บังคับบัญชาที่อาจไม่ได้สั่งการด้วยความรอบคอบ ให้กองกำลังปฏิบัติการอย่างเหมาะสมในฐานะที่ท่านเป็นพระสงฆ์องค์เจ้า แต่ก็ช่างเถอะ เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว

แต่มีคำถามสอดเข้ามาว่า ข้อกล่าวหาอั้งยี่ซ่องโจรที่มอบแก่พุทธะอิสระ มันเป็นเรื่องนานมาแล้วตั้งแต่ก่อนการปฏิวัติ ทำไมจึงมาจับเอาตอนนี้ และทำไมต้องปฏิบัติการพร้อมๆ กับพวกที่โดนคดีเงินทอนวัด ซึ่งมันไม่เกี่ยวกันเลย และทำไมการข่าวจึงรั่วไหลให้พระสององค์หนีไปได้

พระอาจารย์วิทยาระบุอีกว่า สำหรับพุทธะอิสระนั้นไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่เคยเจอในห้องรับรองเมื่อครั้งไปออกรายการที่ ASTV ร่วมกับคณะศิษย์หลวงตา 4-5 รูปเพื่อไปพูดเรื่องที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนิมนต์พระป่าไปทำบุญประเทศที่สะพานมัฆวานฯ ได้คุยกับพุทธะอิสระ ซึ่งเขาบอกว่าเขาไม่ได้ปรารถนาจะเป็นสาวก เขาปรารถนาพุทธภูมิ การปฏิบัติของเขาจึงมิได้มุ่งแสวงหาความหลุดพ้น แต่เขาจะสร้างบารมีเป็นพระพุทธเจ้า เขาจะทำความดีทุกอย่างเพื่อช่วยคนให้พ้นทุกข์ เพื่อปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

แม้ตัวเองจะถูกมองว่าไม่ดี หรือจะถูกใครตราหน้าด่าว่าอย่างไร จะมีภาพลักษณ์เสียหายอย่างไร เขาก็ยอมรับได้ทุกอย่าง และพอใจที่จะรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ขอให้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อยู่รอดปลอดภัยเท่านั้นก็พอ

“แต่สำหรับพวกท่าน เป็นสัญลักษณ์ของพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ผมอยากให้พวกท่านรักษาภาพลักษณ์อันนี้ไว้เพื่อให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่พระลูกพระหลานต่อไปในวันข้างหน้า อย่าลงมาเกลือกกลั้วในแบบที่ผมเป็น ไม่ใช่หน้าที่ที่พวกท่านจะทำอย่างนั้น สำหรับผมไม่ได้สนใจว่าจะต้องมีภาพลักษณ์ที่ดีงาม แต่ผมจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ให้อยู่รอดปลอดภัยเท่านั้น

นี่เป็นคำพูดที่คุยกันในตอนนั้นก็ประมาณนี้ เท่าที่เรายังพอจำได้ เราบอกกับหมู่คณะว่า พุทธะอิสระพูดอย่างนี้ ถือว่าใจเขาใช้ได้ทีเดียวนะ ใจเขาสูงพอสมควร คนใจต่ำทรามคิดแบบนี้ไม่ได้หรอก”

พระอาจารย์วิทยาระบุอีกว่า พุทธะอิสระไม่ใช่พระปฏิบัติดีในแบบที่จะเป็นพระอริยเจ้า ไม่ใช่ผู้ทรงคุณธรรมอันล้ำเลิศถึงขั้นจะหลุดพ้น เพราะความปรารถนาที่จะเป็นพระพุทธเจ้าเสียเอง เพราะเหตุนั้นบางอย่างก็อาจประพฤติเกินเลยไปจากสมณวิสัย ซึ่งเขาเองก็รู้ตัวเขาดี ไม่ใช่ไม่รู้ แต่ความสำคัญมันอยู่ที่เจตนาแห่งการกระทำ ถ้าเขาแน่ใจว่าสิ่งที่เขาทำเป็นเจตนาดี และเป็นความดีจริง เขาทำไปใจเขาก็ไม่เดือดร้อน เพราะความปรารถนาจะสร้างบารมีเป็นพระพุทธเจ้านั้นยิ่งใหญ่นัก ใจต้องสงบนิ่งเยือกเย็นเหมือนน้ำ หนักแน่นยิ่งกว่าขุนเขา และเบายิ่งกว่าอากาศธาตุ

สิ่งหนึ่งที่ทุกคนควรรับทราบได้ด้วยกัน คือ สิ่งที่เขาทำมันเป็นคุณประโยชน์ต่อ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ หรือว่ามันเป็นโทษ อันไหนจะมีน้ำหนักมากกว่ากัน เมื่อผลแห่งกรรมจะบันดาลให้ติดคุกก็ต้องติดคุกไป ไม่มีใครจะอยู่เหนือกรรมได้ แต่ถึงเวลาหากกรรมดีให้ผลก็ออกจากคุกได้ โลกนี้มันก็ไม่มีอะไรแน่

ถ้าไม่มีคนชื่อ สนธิ ลิ้มทองกุล ไม่มีพระชื่อ พุทธะอิสระ ไม่มีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่มี กปปส. แล้วประเทศไทยขณะนี้จะเป็นอย่างไร?

ใครกันที่ทำประเทศชาติแทบล่มสลาย เวลานี้เขาไปเสพสุขอยู่ ณ ที่หนใด แล้วเพราะเหตุใด คสช.จึงได้ผุดได้เกิดมาเป็นผู้ยิ่งใหญ่อยู่ในบัดนี้ได้

สนธิ ลิ้มทองกุล เจ้าของวลี ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง ก็สู้แบบยอมถวายหัว ยอมหมดเนื้อหมดตัว แต่ผลตอบแทนที่ได้รับ สุดท้ายก็ได้เข้าไปอยู่ในคุก จะว่าเป็นกรรม ก็ยอมรับอย่างลูกผู้ชายใจสิงห์ ไม่ใช่อย่างลูกสุนัขหน้าตัวเมียที่หลบหนีอย่างหัวซุกหัวซุน

ส่วนแกนนำพันธมิตรแต่ละคน ก็สะบักสะบอมไปตามๆ กัน บ้างก็กำลังถูกฟ้องล้มละลาย หลายคนแทบหมดทางทำมาหากิน มีแต่หนี้แต่สินแทบสิ้นเนื้อประดาตัว ก็คงต้องต่อสู้ดิ้นรนกันไป บางคนก็อาจจะนึกท้อใจว่า นี่หรือคือผลพวงของการต่อสู้เพื่อปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มันทำไมจึงให้ผลตอบแทนที่ดูเหมือนจะโหดร้ายเกินไปหรือเปล่า?







กำลังโหลดความคิดเห็น