MGR Online - ผบช.ก. ระบุ “พระพรหมสิทธิ - พระพรหมเมธี” หลบอยู่ในประเทศ กำลังเจรจาให้มอบตัว จากการตรวจค้นวัดทั้ง 3 แห่ง พบหลักฐานอื่นๆ ที่ไม่เหมาะสมกับสมณเพศ แต่ไม่ขอเปิดเผย ยันจับ “พุทธะอิสระ” ถูกยุทธวิธีแต่อาจไม่ถูกใจ
วันนี้ (25 พ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีเงินทอนวัด ว่า ยังมีภารกิจบางส่วนที่ยังไม่เรียบร้อย อาทิ การติดตามเป้าหมายที่ยังไม่ได้ตัวอีก 2 ราย คือ พระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศ และ พระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม อยากให้ทั้ง 2 รูป มามอบตัวดีกว่า เพราะเคยมีคุณงามความดี แต่ไม่ขอกล่าวรายละเอียดคดี เพราะยังอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน ทั้งนี้ ในการตรวจค้นวัดทั้ง 3 แห่งเมื่อวานนี้ พบหลักฐานอื่นๆ ด้วย มีทั้งที่ไม่เหมาะสมกับสมณเพศ แต่ไม่ขอเปิดเผย อยู่ระหว่างพิจารณาว่าต้องนำไปสู่การแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมหรือไม่
“อยากบอกให้ทราบว่าสิ่งที่เจ้าหน้าที่ทำมีเพียงเรื่องเดียว คือ ต้องบังคับใช้กฎหมาย เพราะมีความไม่งดงามในสมณเพศ ทำให้พระพุทธศาสนาเสียหาย คนทำงานก็ตระหนักว่าขณะนี้กำลังดำเนินคดีกับพระ อะไรที่ไม่ถูกต้องไม่มีพยานหลักฐานชัดเจนเจ้าหน้าที่ก็ไม่ทำ แค่คิดก็ไม่ดีแล้ว มันบาป สิ่งเหล่านี้เจ้าหน้าที่ตระหนักอยู่ ยืนยันว่า ทั้งหมดเป็นการดำเนินการภายใต้ข้อมูลของตำรวจที่มี” ผบช.ก. กล่าว และว่า ตำรวจทำอะไรก็ตระหนักเสมอว่ายังมีลูกศิษย์ลูกหาของพระแต่ละรูปที่ยังมีความศรัทธาอยู่
พล.ต.ท.ฐิติราช กล่าวว่า ส่วนการติดตามจับกุมพระอีก 2 รูปที่หลบหนีนั้น ยืนยันว่า ทั้ง 2 ท่านยังอยู่ในประเทศไทย ตอนนี้ก็ใช้วิธีการเจรจาพูดคุยกับคนใกล้ชิด ซึ่งตำรวจก็ให้เกียรติท่าน ได้มีโอกาสมอบตัว เพราะน่าจะเป็นสิ่งที่งดงามมากกว่า ไม่ขอเปิดเผยว่ามีการประสานอย่างไร เอาเป็นว่ามีการเจรจาประสานระหว่างกัน แต่ยืนยันตนขอให้มามอบตัว ตอนนี้จากการพยายามหาตัวทั้ง 2 ท่าน และการเจรจาที่เกิดขึ้น มีแนวโน้มเป็นไปในทิศทางที่ดี อยากให้ท่านมาพิสูจน์ทราบตัวเอง จะได้เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม หากท่านยังหลบหนีอยู่ก็เสียความเป็นตัวท่านเอง เพราะคนหลายคนก็เคารพท่านอยู่ มาต่อสู้ความจริงไปดีกว่า
สำหรับการขยายผลนั้น พล.ต.ท.ฐิติราช กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ขอลงรายละเอียด แต่อยากให้มองว่าสิ่งที่ทำเป็นเรื่องระบบ เป็นเรื่องหลักการใหญ่ๆของประเทศ เพราะศาสนาเป็นสถาบัน เป็นเสาหนึ่ง ใน 3 เสาหลักของประเทศ คือ ชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตริย์ ถ้ามีผู้นำความไม่งดงามมาสู่ 3 เสาหลัก ก็ไม่ดี
“สิ่งที่ตำรวจสอบสวนกลางกำลังทำ คือ ทำสิ่งนี้ให้มั่นคง อยากให้เป็นที่พึ่งของประชาชนจริงๆ ยอมรับ พระมีหลายรูปแบบที่ตรวจสอบพบ บางรูปก็นอกลู่นอกทาง แสวงหาผลประโยชน์ในทางมิชอบ ในกลุ่มศิษยานุศิษย์ก็มีด้วย คนที่ติดตามข่าวก็ต้องติดตามอย่างมีสติ ย้ำว่า ตำรวจดำเนินการโดยเอาพยานหลักฐานเป็นตัวตั้ง ไม่ได้ทำอะไรนอกเหนือเหตุผล ไม่ได้เลือกปฏิบัติ ใครผิดก็ต้องถูกดำเนินคดี ขอให้แยกแยะ” ผบช.ก. กล่าว
พล.ต.ท.ฐิติราช กล่าวด้วยว่า วันนี้ได้ขออนุมัติหมายค้นเพิ่มเติมอีก 2 จุด คือ ในวัดสระเกศ และ วัดสัมพันธวงศ์ เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม เมื่อวานเป็นเพียงการเริ่มต้น แค่ขั้นตอนแรก หลังจากนี้ คงมีอะไรทำอีกเยอะ ใครก็ตามที่ไม่ดี หมายรวมถึงพระด้วยก็ต้องดำเนินการ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังไม่ขอเปิดเผยว่ายังมีใครเข้ามาเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดอีกบ้าง ต้องขยายผล ตอนนี้เพิ่งเริ่มต้น
เมื่อถามว่า นี่คือ ปฏิบัติการจัดระเบียบสงฆ์ หรือไม่ ผบช.ก. กล่าวว่า เป็นภารกิจของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และ กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ในส่วนของตำรวจ คือ การบังคับใช้กฎหมาย เป็นหน้าที่ของ ทั้ง พศ. และ มส. ในการเพิ่มศรัทธาให้กับประชาชน
พล.ต.ท.ฐิติราช กล่าวถึงปฏิบัติการจับกุมอดีตพระพุทธะอิสระ ที่ถูกวิจารณ์ว่า เจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุว่า ก็ว่ากันไป แต่ตำรวจก็ให้เกียรติในฐานะที่ครองจีวร บางทีการทำงานก็ต้องระมัดระวัง เจ้าหน้าที่ต้องระวังตัวด้วย ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของทุกฝ่าย อาจมีสถานการณ์แทรกซ้อน อาจมีใครทำอะไรในสถานที่นั้นก็ได้ ไม่มีใครอยากให้เกิดการเจ็บ การตาย จากการปฏิบัติหน้าที่ หากมีกระสุนสักลูกโผล่มาก็ต้องมานั่งไล่เรียงกันอีกว่ามาจากใคร จากเจ้าหน้าที่หรือเปล่า
“ที่ผ่านมา อดีตพระคนนี้ไปไหนมาไหน มีการ์ด มีคนคุ้มกันมากมาย เจ้าหน้าที่ก็ต้องระวัง ประกอบกับช่วงปฏิบัติการเป็นช่วงเช้ามืด สถานที่ก็กว้างและในทางยุทธวิธี จุดที่เข้าไปเป็นพื้นที่ที่สถาปนาโดยฝ่ายตรงข้าม เราหมายถึงเจ้าหน้าที่ไม่คุ้นชิน ไม่รู้ว่ามีใครอยู่ตรงไหน อย่างไร ก็ต้องยกกำลังไปเพื่อความปลอดภัย แต่สุดท้ายภารกิจก็ลุล่วงไม่มีการสูญเสียใดๆ อาจไม่ถูกใจใครบางคน แต่ก็ขอให้เข้าใจเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย หากมีการเจ็บการตายเกิดขึ้น เรื่องราวก็จะไม่ง่ายอย่างนี้ ยอมรับว่า ผมไม่สามารถอธิบายยุทธวิธีให้ทุกคนทราบได้ มันเป็นหลักของความปลอดภัย ทั้งต่อเป้าหมายและต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เรื่องนี้ถูกยุทธวิธี แต่อาจไม่ถูกใจ” ผบช.ก. กล่าว