MGR Online - อดีตตำรวจสันติบาล “สันธนะ” ระบุภาพความรุนแรงในการบุกจับ “อดีตพระพุทธะอิสระ” แสดงให้เห็นว่าอำนาจรัฐในยุคนี้จะทำอะไรกับใครก็ได้ แม้จะเป็นพระภิกษุ
เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (25 พ.ค.) ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานโจทก์คดีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ในข้อหาก่อการร้ายและข้อหาอื่นๆ กรณีชุมนุมปิดสนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง เมื่อปี 2551 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำ พธม. และแนวร่วมเป็นจำเลยรวม 98 ราย โดยวันนี้แกนนำและแนวร่วม พธม.ซึ่งเป็นจำเลยเดินทางมาศาลตามนัด
เมื่อศาลออกนั่งบัลลังก์ปรากฏว่ามีจำเลย 1 รายไม่ได้เดินทางมาศาล เนื่องจากมีอาการป่วยรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ขณะที่อัยการโจทก์แถลงว่าวันนี้มีพยานมาพร้อมสืบ 1 ปาก และไม่ขอคัดค้านการเลื่อนคดี ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าคดีนี้มีอัตราโทษสูง การดำเนินกระบวนพิจารณาต้องทำต่อหน้าจำเลย เมื่อมีจำเลยไม่สามารถมาศาลได้ จึงไม่อาจดำเนินกระบวนการพิจารณาในวันนี้ได้ และจำเป็นต้องเลื่อนคดีนี้ออกไปก่อน โดยศาลเห็นสมควรให้เลื่อนไปนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 2 พ.ย. 2561 เวลา 09.00 น.
ต่อมาเวลา 11.50 น. พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรองผู้กำกับการตำรวจสันติบาล และที่ปรึกษาตลาดใหม่ดอนเมือง หนึ่งในจำเลยคดี พธม.ปิดสนามบิน ได้ให้สัมภาษณ์ชี้แจงกรณีมีหมายเรียกจากพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง ให้ตนเองพร้อมผู้ถูกกล่าวหาคดีกรรโชกทรัพย์ตลาดใหม่ดอนเมือง ไปให้ปากคำที่สโมสรตำรวจ ถ.วิภาวดีฯ ในวันนี้ (25 พ.ค.) ว่า ตามที่วันนี้มีหมายเรียกตนให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นข้อหาใด ศาลอาญาได้นัดหมายคดีปิดสนามบินไว้ล่วงหน้าก่อนแล้วในวันนี้ ตรงกับวันที่พนักงานสอบสวนนัดเรื่องคดีตลาดใหม่ดอนเมือง จึงขอเลื่อนพนักงานสอบสวนไปก่อน
พ.ต.ท.สันธนะกล่าวถึงตำรวจที่ทำคดีกรรโชกทรัพย์ตลาดใหม่ดอนเมืองว่า ตนเรียนหลักพื้นฐานการรบมา คุณรุกผมก็รับ แต่ถ้าพวกคุณยังไม่ร่นถอย ตนจะดำเนินการสัปดาห์หน้า ที่ออกหมายจับตน 8 หมายจับ แล้วขออนุญาตออกหมายค้น เหตุทั้งหลายที่ขออนุญาตศาลนั้นอ้างว่าตนมีพฤติการณ์จะหลบหนี วันนี้พิสูจน์ได้แล้ว ที่คุณนำพฤติการณ์ไปรายงานศาลเป็นรายงานเท็จ ตนเป็นจำเลยที่ 11 ในคดีปิดสนามบินมาร่วม 5 ปีมาแล้ว ศาลห้ามดำเนินการยั่วยุปลุกระดม ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ หมายถึงว่าตนไม่เคยมีพฤติการณ์หลบหนีตั้งแต่ศาลมีคำสั่ง ตนเดินทางออกนอกประเทศก็ต้องมาขอศาล ศาลท่านก็อนุญาต ตนก็เดินทางมาร่วมร้อยครั้งแล้วกลับมา ปฏิบัติตามคำสั่งศาลโดยตลอด ความผิดคดีปิดสนามบินนั้นข้อหาที่ถูกแจ้งอัตราโทษสูงสุดคือประหารชีวิต ส่วนข้อหาอั้งยี่ซ่องโจรไม่ต้องมาแจ้งตนก็โดนอยู่แล้ว ถ้าหนีก็หนีไปนานแล้ว ตนยืนยันที่จะต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม
พ.ต.ท.สันธนะยังกล่าวถึงเหตุการณ์ตำรวจกองปราบปรามบุกจับกุมอดีตพระพุทธะอิสระ ที่วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม เมื่อเช้าตรู่วันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า การจะปฏิบัติการด้วยความรุนแรงกับเป้าหมายหรือผู้ต้องหานั้น ตามรัฐธรรมนูญยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ อย่างที่เห็นเมื่อวานการจับกุมท่านยังเป็นพระภิกษุ และภาพการเข้าไปดำเนินการจับกุม หรือการทำงานจะต้องมีการตรวจสอบว่าเป้าหมายอยู่ในพื้นที่แน่นอน แต่ก็จะต้องประเมินต่อไปด้วยว่าความรุนแรงจะอยู่ในระดับไหนอย่างไร เจ้าหน้าที่ย่อมจะต้องทราบอยู่แล้ว ในส่วนคดีของตนไม่ต้องพูดแล้ว ให้สื่อและประชาชนพิจารณาตัดสินเอา แต่กรณีการเข้าจับกุมอดีตพระพุทธะอิสระ เรื่องคดีความตนไม่ทราบ แต่ตนมองการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ในลักษณะรุนแรงหรือไม่ แม้การเข้าจับกุมตำรวจจะมีหมายจับ แต่การปฏิบัติก็มองว่าไม่จำเป็นขนาดนั้น เพราะสภาพพื้นที่ที่พักก็ไม่ได้มีบุคคลอื่นหรือใครที่จะมาร่วมต่อต้านอะไร เป็นที่พักปกติธรรมดา
พ.ต.ท.สันธนะกล่าวต่อไปว่า เมื่อประตูไม่เปิดก็เคาะเรียก เมื่อเรียกแล้วไม่เปิด แต่ในทางการข่าวมั่นใจแล้วว่าท่านยังอยู่ในที่พัก แต่จะหลับหรือทำธุระอะไรก็ไม่ทราบ ก็ควรจะให้เวลา เพราะการเอาค้อนไปทุบปังๆ พังประตูเข้าไปสุดท้ายภาพก็ออกมาฟ้องว่าท่านยังหลับอยู่ในมุ้ง ปรากฏว่าภายในก็ไม่มีอะไร ตอนนั้นท่านยังอยู่ในสมณเพศ และก็ไม่ได้มีการต่อต้านอะไร ถ้าเป็นตนการปฏิบัติการครั้งนี้ไปแค่ 3 คนก็พอ แต่กำลังสำรองที่จะรองรับเหตุการณ์ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งต้องเตรียมการเอาไว้ การดำเนินการต้องไปตามขั้นตอน เข้าไปเปิดประตูหรือเคาะหน้าต่าง แล้วถ้ามีการตอบโต้ออกมา เช่น มีเสียงรุนแรงอะไร ก็ต้องเพิ่มสมรรถนะกำลัง แต่ภาพปรากฏออกมาเจ้าหน้าที่เข้าไปโดยมีอาวุธรุนแรง หมายความว่าอะไร หมายความว่าวันนี้อำนาจรัฐถ้าจะกระทำต่อใครก็ย่อมได้ โดยไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงบุคคลหรือเป้าหมายว่าเป็นใคร เหมือนที่ปฏิบัติกับตน หรือแม้แต่อดีตพระพุทธะอิสระ
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้รับการทาบทามร่วมพรรคการเมืองบ้างหรือไม่ พ.ต.ท.สันธนะกล่าวว่า ตนยังอยู่ในเงื่อนไขห้ามยุยงปลุกปั่น อย่างกรณีที่ตนไปให้กำลังใจกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง เชื่อว่าหลายคนอยากให้ประเทศเป็นประชาธิปไตย มีการเลือกตั้ง เพราะเห็นแล้วว่าอำนาจรัฐเผด็จการเป็นอย่างไร กระทำต่อประชาชนทั่วไป ตนไม่ได้แยกสีแยกเหล่า ถึงไปให้กำลังใจ เป็นการแสดงออกส่วนหนึ่ง ตนก็คำนึงถึงเงื่อนไขของศาล สำหรับกระบวนการศาลตนน้อมรับและปฏิบัติตามมาโดยตลอด