xs
xsm
sm
md
lg

สรุปข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ 6-12 พ.ค.2561

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

คลิกที่นี่เพื่อฟังสรุปข่าวฯ

1.“สันธนะ” อ่วม เจอหมายจับ 8 หมายคดีกรรโชกทรัพย์ ลุ้นได้ประกันตัวหรือไม่!
พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรองผู้กำกับการตำรวจสันติบาล ที่ปรึกษาบริษัท พัฒนาตลาดใหม่ดอนเมือง แถลงน้ำตาซึมก่อนมอบตัวเช้าวันนี้ (12 พ.ค.)
ความคืบหน้ากรณีตำรวจนำกำลังตรวจค้นตลาดใหม่ดอนเมือง หลังได้รับร้องเรียนว่าเป็นแหล่งขายเครื่องสำอางและอาหารเสริมไม่ได้มาตรฐาน โดยมีการตรวจหลายวันติดต่อกัน และยึดของกลางไปตรวจสอบจำนวนมาก เพื่อดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องต่อไป อย่างไรก็ตาม ระหว่างตำรวจเข้าตรวจค้นตลาดฯ พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรองผู้กำกับการตำรวจสันติบาล ซึ่งระบุว่าตนเองเป็นที่ปรึกษาบริษัท พัฒนาตลาดใหม่ดอนเมือง ไม่พอใจการตรวจค้น จึงได้ออกมาโวยวายด้วยความเกรี้ยวกราด ตำรวจจึงเตรียมดำเนินคดีฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่

ทั้งนี้ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยว่า พื้นที่ตลาดใหม่ดอนเมืองมีทั้งหมด 18 ไร่ โดยบริษัท พัฒนาตลาดใหม่ดอนเมือง จ่ายค่าเช่าให้กรมธนารักษ์ 63,000 บาทต่อเดือน แต่มีการสร้างอาคารคร่อมถนนสาธารณะ และยังนำทางสาธารณะมาจัดสรรเป็นล็อคประมาณ 50 ล็อคเก็บค่าเช่า ถือเป็นผู้บุกรุกที่สาธารณะและแสวงหาผลประโยชน์อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เจ้าหน้าที่ ปปง.จะดำเนินการต่อไป และอาคารที่ก่อสร้างรุกล้ำแนวเขตถนน ต้องรื้อ ทางเขตดอนเมืองจะแจ้งความดำเนินคดีต่อไป

เป็นที่น่าสังเกตว่า มีแม่ค้าในตลาดใหม่ดอนเมืองบางราย ยอมรับว่า สินค้าที่วางขายในตลาดฯ แทบทุกร้าน ไม่มีสินค้าถูกกฎหมาย 100% พร้อมยอมรับด้วยว่า ทุกเดือน นอกจากค่าเช่าแล้ว ยังต้องจ่ายส่วย จ่ายค่าคุ้มครอง เพื่อไม่ให้โดนตรวจค้นหรือจับกุมด้วย

ด้าน พ.ต.ท.สันธนะ ปฏิเสธว่า ไม่ได้เรียกค่าคุ้มครองผู้ค้าในตลาดใหม่ดอนเมือง โดยนำใบเสร็จรับเงินให้ผู้สื่อข่าวดูพร้อมระบุว่า เป็นใบยินยอมจ่ายค่าสาธารณูปโภค จ่ายขั้นต่ำเดือนละ 500 บาท “อย่ากล่าวหาว่าผมเป็นมาเฟียเก็บค่าคุ้มครองเลยครับ เขายินดีจ่าย ที่จ่ายไป มีใบเสร็จ เอาเงินเพื่อไปเป็นส่วนกลางกวาดถนน เก็บขยะ ล้างห้องน้ำ ช่วยยกระดับหน่อยเถอะครับ มาเฟีย ล้างห้องน้ำหรือครับ”

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 8 พ.ค. พ.ต.ท.สันธนะ ยังออกมาแฉทำนองทวงบุญคุณ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หลังโทรศัพท์หา พล.ต.อ.จักรทิพย์ โชว์ให้ผู้สื่อข่าวดู แต่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ไม่ได้รับสาย “ท่าน ผบ.ตร.สมัยเป็นรอง ผบ.ตร. ปี 2558 แล้วกำลังถูกเสนอเป็น ผบ.ตร.คนต่อไป สมัยนั้นท่านกระหน่ำโทรมาหาผม แต่ผมไม่ได้รับสาย และเมื่อผมโทรย้อนกลับไปจึงรู้ว่าเป็นท่าน ท่านยังเรียกชื่อกัน แป๊ะ กับพี่ต่อ นัดคุยกันที่สำนักงานของท่าน เพื่อให้ช่วยติดต่อคนคนหนึ่งเพื่อจัดการอะไรบางอย่าง ผมติดต่อให้คุยกัน จากนั้นท่านเป็น ผบ.ตร. ท่านทำงานมานาน 2 ปีเศษ ก็คงเหนื่อย เลยลืมอะไรไปบ้าง จึงทบทวนให้”

พ.ต.ท.สันธนะยังเชื่อด้วยว่า การที่ตำรวจเข้าตรวจค้นตลาดใหม่ดอนเมืองครั้งนี้ เป็นการกลั่นแกล้ง เพราะตนรู้ข้อมูลการทุจริตของคนในรัฐบาล

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวถึง พ.ต.ท.สันธนะว่า คิดว่าคงไม่ใช่อดีตตำรวจ พฤติกรรมเหล่านี้รับไม่ได้ ตำรวจเองก็รับไม่ได้ และเท่าที่ตรวจสอบ ได้รับรายงานว่า ประวัติไม่ค่อยดีนัก ฉะนั้น อย่าไปขยายความ “กิริยาอาการท่าทางมันไม่ได้ และเห็นว่ามีคดีอยู่ 6-7 คดี ยิ่งพูดอาจยิ่งทำให้คดีมากขึ้น ดูถูกดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ดูถูกผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และองค์กรตำรวจ ซึ่งการที่พูดออกไป เดี๋ยวก็จะมาดูถูกผมอีก ส่วนที่อ้างว่ากุมความลับของคนนั้นคนนี้ ให้มาบอก ขอให้ส่งมา ผมจะให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาชี้แจงว่า ใช่หรือไม่ใช่ ถ้าไม่ใช่ ก็จะโดนอีก”

หลังถูกนายกฯ ท้าให้นำหลักฐานไปมอบให้ วันต่อมา 9 พ.ค. พ.ต.ท.สันธนะ จึงเดินทางไปทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นข้อมูลหลักฐานต่อ พล.อ.ประยุทธ์ แต่เมื่อไม่สามารถยื่นต่อนายกฯ ได้โดยตรง พ.ต.ท.สันธนะ จึงยื่นข้อเสนอขอรถและทหาร 2 คน เพื่อนำตนและผู้ติดตามไปเอาเอกสารการทุจริตที่เก็บไว้ในเซฟเฮาส์ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ทำตามคำขอ พ.ต.ท.สันธนะจึงเดินทางกลับ

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 11 พ.ค. ตำรวจได้ขอศาลออกหมายจับ พ.ต.ท.สันธนะ กับพวกอีก 10 คน จำนวน 45 หมายจับ โดยเป็นหมายจับ พ.ต.ท.สันธนะถึง 8 หมายจับ ข้อหากรรโชกทรัพย์ หลัง พ.ต.ท.สันธนะทราบหมายจับจากข่าว จึงได้ประกาศผ่านสื่อขณะพักอยู่ที่บ้านบิดาว่าจะมอบตัวในวันที่เสาร์ที่ 12 พ.ค. เพื่อเป็นการยืนยันว่าจะไม่หลบหนี

ต่อมาช่วงเช้า 12 พ.ค. พ.ต.ท.สันธนะ ได้เปิดแถลงที่บ้านพักบิดา ก่อนเข้ามอบตัว โดย พ.ต.ท.สันธนะ น้ำตาซึมขณะแถลงยืนยันว่าไม่เคยกรรโชกทรัพย์แม่ค้า "ตรงไหนคือความเสียหาย แม่ค้าคนใด ขอประชาชนช่วยประกาศออกไป หากใครเคยถูกผมข่มขู่ กรรโชก รีดเอาทรัพย์เหมือนเจ้าหน้าที่รัฐบางคนทำอยู่ ทุกคนรักครอบครัว จึงขอเอาชีวิตพ่อแม่เป็นเดิมพัน ขอให้ท่านได้มีอันเป็นไป เหมือนชีวิตผม"

หลังจากนั้น พ.ต.ท.สันธนะ ได้เดินถอดเสื้อออกมาจากบ้านพักของบิดา พร้อมเข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.สุพล ค้ำชู ผกก.สน.โชคชัย ที่นำกำลังเดินทางมาที่บ้านพัก พ.ต.ท.สันธนะ พ.ต.ท.สันธนะ ยังกล่าวด้วยว่า ถูกอำนาจรัฐกระทำโดยมิชอบ และพร้อมที่จะข้อปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และได้ทำลายเอกสารการทุจริตที่จะมอบให้นายกรัฐมนตรีทิ้งไปหมดแล้ว สิทธิเสรีภาพจะถูกจำกัดนับตั้งแต่ก้าวออกจากประตูบ้าน พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า "ชาติหน้ามีจริง ขอให้เจอกันอีกครับ”

พ.ต.ท.สันธนะ ยังระบุด้วยว่า ขณะนี้ที่ห่วงมากคือ ลูกชาย พร้อมกับวอนผู้มีอำนาจในบ้านเมืองว่า อย่าทำอะไรลูกชายตน เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย

ทั้งนี้ ช่วงบ่ายวันที่ 12 พ.ค. พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เผยหลังสอบปากคำ พ.ต.ท.สันธนะ ว่า ยังคงดำเนินคดี 8 หมายจับ ข้อหากรรโชกทรัพย์ ส่วนจะเพิ่มข้อหาซ่องโจรหรือไม่นั้น ต้องขอเวลาสอบพยานหลักฐานว่าเข้าข่ายหรือไม่ ส่วนการยื่นขอประกันตัวของ พ.ต.ท.สันธนะ ทางตำรวจยังตอบไม่ได้ว่า จะคัดค้านหรืออนุญาตให้ประกันตัวหรือไม่ ต้องพิจารณาว่าพฤติกรรมของ พ.ต.ท.สันธนะสุ่มเสี่ยงจะหลบหนีหรือสร้างความเดือดร้อนให้กับพยานหรือเจ้าหน้าที่หรือไม่

2.ป.ป.ช. เดินหน้ายื่นฟ้อง “ทักษิณ” ต่อศาลฎีกาฯ คดีทุจริตฟื้นฟู “ทีพีไอ” ด้านอัยการส่งฟ้อง “วัฒนา” คดีทุจริตบ้านเอื้ออาทรแล้ว!
(ซ้าย) นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  (ขวา) นายทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคำพิพากษาศาลฎีกาฯ จำคุก 2 ปี คดีซื้อที่รัชดาฯ และจำเลยหลายคดี
เมื่อวันที่ 7 พ.ค. นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เผยว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มอบหมายให้พนักงานคดี สำนักงาน ป.ป.ช.ยื่นฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีเมื่อปี 2546 นายทักษิณ ในฐานะนายกฯ ได้เห็นชอบและยินยอมให้กระทรวงการคลังเข้าเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีคัลไทย จำกัด(ทีพีไอ) โดยมีรายชื่อคณะผู้บริหารแผนฯ ตามที่นายทักษิณเสนอ ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำทั้งที่รู้อยู่ว่า กระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นส่วนราชการ ไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายที่จะเข้าไปเป็นผู้บริหารแผนกิจการหรือจัดการทรัพย์สินให้กับบริษัทเอกชน จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่กระทรวงการคลังและเสียหายต่อระบบราชการ จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

สำหรับคดีนี้ ป.ป.ช.เคยมีมติชี้มูลความผิดนายทักษิณไปแล้วเมื่อปี 2553 และได้ส่งให้อัยการสูงสุดดำเนินคดี กระทั่งมีการตั้งคณะทำงานร่วม 2 ฝ่าย คือฝ่ายอัยการสูงสุดและฝ่าย ป.ป.ช.เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานร่วมกัน ซึ่งภายหลัง คณะทำงานไม่สามารถหาข้อยุติร่วมกันในการฟ้องร้องคดีได้ ล่าสุด คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีดำเนินการยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเอง

นายวรวิทย์ กล่าวด้วยว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ยื่นฟ้องพร้อมคำร้องขอให้ศาลฎีกาฯ ประทับรับฟ้องไว้พิจารณา แม้จำเลยจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าศาล ซึ่งสามารถดำเนินการได้ โดยเป็นไปตามมาตรา 27 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 เนื่องจากจำเลยไม่มารายงานตัวและศาลได้เคยออกหมายจับในคดีอื่นไว้แล้ว

นอกจากคดีนายทักษิณแล้ว เมื่อวันที่ 9 พ.ค. คณะทำงานอัยการคดีปราบปรามการทุจริต ได้นำตัวนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กับพวกรวม 9 คน พร้อมสำนวนการไต่สวนของ ป.ป.ช.ฟ้องคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ มูลค่า 2,500 ล้านบาท ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วย

หลังยื่นฟ้องต่อศาล จำเลยได้ยื่นขอประกันตัว ซึ่งศาลพิจารณาแล้ว อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวนายวัฒนา โดยตีราคาประกัน 5 ล้านบาท ส่วนจำเลยคนอื่นๆ ตีราคาประกันคนละ 3 ล้านบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล ทั้งนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้รับคดีไว้ และนัดฟังคำสั่งศาลในวันที่ 6 มิ.ย.เวลา 10.00 น.

3.ครม.สัญจรบุรีรัมย์ “เนวิน-อนุทิน” นำชาวบ้าน 3 หมื่นให้กำลังใจ “บิ๊กตู่” ก่อน ครม.ทุ่มงบ 2 หมื่นล้านพัฒนาอีสานใต้ ปัดทุ่มงบแลกดูด!
บรรยากาศภายในสนามช้างอารีนา จ.บุรีรัมย์ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.เดินทางไปพบประชาชนระหว่างประชุุม ครม.สัญจร เมื่อ 7 พ.ค.
ความเคลื่อนไหวทางการเมืองในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา กระแสยังคงจับจ้องว่ารัฐบาล คสช.พยายามดูดนักการเมืองเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยเฉพาะการนำ ครม.ไปประชุมสัญจรที่ จ.สุรินทร์และบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 7-8 พ.ค.ที่ผ่านมา ว่าเป็นไปเพื่อดูดนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด และหัวหน้ากลุ่มเพื่อนเนวิน รวมถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หรือไม่

ซึ่งปรากฏว่า ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะเดินทางถึงบุรีรัมย์ นายเนวินได้นำประชาชนชาวบุรีรัมย์กว่า 3 หมื่นคน เตรียมพร้อมต้อนรับนายกฯ ที่สนามช้างอารีนา โดยขอให้ทุกคนกล่าวเชียร์ว่า “ลุงตู่สู้ๆ” โดยมีนางกรุณา ชิดชอบ ภริยา และนายอนุทิน มาร่วมเชียร์ โดยนายเนวินกล่าวกับประชาชนตอนหนึ่งว่า ขอให้อดทนต่อแสงแดดและความร้อน และเมื่อนายกฯ ลุงตู่เดินทางถึงบุรีรัมย์ ขอให้ส่งเสียงดังๆ เพื่อให้นายกฯ ลุงตู่อนุมัติงบประมาณลงพื้นที่บุรีรัมย์ให้ได้หมื่นล้านบาท ขอให้ร่วมกันให้กำลังใจ นายเนวินยังยืนยันด้วยว่า การต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีเรื่องการเมือง มีแต่เรื่องประชาชน

ทั้งนี้ หลัง พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางถึงสนามช้างอารีนา จ.บุรีรัมย์ ได้เดินรอบสนามและโบกมือทักทายประชาชน โดยมีนายเนวิน นางกรุณา นายอนุทิน รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดให้การต้อนรับ โดยประชาชนกว่า 3 หมื่นคนต่างส่งเสียงเชียร์ “ลุงตู่ ลุงตู่” ดังกึกก้องทั่วทั้งสนาม

โอกาสนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ตรวจเยี่ยมการเตรียมความพร้อมของประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก สนามที่ 15 รายการพีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ณ สนามช้าง อินเตอร์แนชั่นแนล เซอร์กิต ด้วย พร้อมทดลองขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ร่วมกับนายเนวิน ภายในสนาม 2 รอบ หลังทดลองขี่บิ๊กไบค์ นายเนวินได้มอบหมวกกันน็อกให้ พล.อ.ประยุทธ์ด้วย พร้อมกล่าวว่า “ขอให้ปลอดภัยจากสื่อมวลชนและการเมือง”

เป็นที่น่าสังเกตว่า ช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวปราศรัยกับชาวบุรีรัมย์ในสนามช้าง อารีนา ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ประกาศชื่อรัฐมนตรีแต่ละคนเพื่อแนะนำให้ชาวบุรีรัมย์รู้จัก ปรากฏว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้ประกาศชื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย(ภท.) ด้วยว่า เป็นทีมงานประชารัฐ ซึ่งต่อมา ประเด็นนี้ทำให้หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่า นายอนุทินคงถูกรัฐบาล คสช.ดูดเรียบร้อยแล้ว

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันว่า การมาบุรีรัมย์ครั้งนี้ไม่มีการคุยเรื่องการเมืองแต่อย่างใด ไม่ได้พบใครเป็นการส่วนตัว ไม่ได้พบใครในที่รโหฐาน ไม่ได้แอบพบแอบคุยกับใคร

ด้าน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยผลประชุม ครม.สัญจรว่า ที่ประชุมเห็นชอบหลักการแผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 ได้แก่ จ.นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ หรือนครชัยบุรินทร์ ตามแผนพัฒนาฯ ระหว่างปี 2560-2564 วงเงินกว่า 2 หมื่นล้านบาท โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาความเร่งด่วนและสอดคล้องกับแผนงานรัฐบาล แต่อนุมัติโครงการเร่งด่วนตามความจำเป็นมูลค่าพันกว่าล้านบาท

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท. ได้ออกมาชี้แจงกรณีมีการตั้งข้อสังเกตการอนุมัติงบของ ครม.ในครั้งนี้ว่า เป็นผลมาจากการที่นายเนวินกล่าวว่าจะของบประมาณเป็นหมื่นล้านให้ จ.บุรีรัมย์ หรือไม่ว่า ไม่เกี่ยวกัน เพราะนายกฯ พูดแล้วว่าเป็นการให้ตามความเหมาะสม และว่า การที่มีประชาชนมาต้อนรับนายกฯ จำนวนมาก เพราะประชาชนต้องการมาฟังว่า นายกฯ จะทำประโยชน์อะไรให้ จ.บุรีรัมย์บ้าง ไม่ใช่การสร้างอำนาจต่อรองของพรรค ภท. แต่เป็นการให้กำลังใจนายกฯ และรัฐบาล ส่วนการที่นายเนวินซักซ้อมประชาชนให้พูดคำว่า “ลุงตู่สู้ๆ” ก็เป็นเพียงการสร้างสีสัน พร้อมยืนยันอีกครั้งว่า การต้อนรับนายกฯ ไม่เกี่ยวกับการที่พรรค ภท.จะถูกดูด ส่วนพรรค ภท.จะหนุน พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่นั้น ทุกอย่างต้องดูผลการเลือกตั้ง “วันนี้จะนายกฯ คนในหรือคนนอก ไม่สำคัญเท่ากับคนเก่ง คนดี คนที่รักสงบ และอยากเห็นประเทศชาติก้าวหน้า”

นอกจากกระแสดูดนายอนุทินและพรรคภูมิใจไทยแล้ว นายเสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย ก็ถูกจับตามองด้วย หลังมีภาพถ่ายคู่กับนายไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี(พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ที่นายไพศาลได้โพสต์ภาพดังกล่าวลงเฟซบุ๊ก พร้อมพูดทำนองว่า นายเสนาะจะร่วมมือกันปฏิรูปประเทศ ซึ่งนายเสนาะได้ออกมาชี้แจงว่า นายไพศาลได้มารดน้ำขอพรช่วงสงกรานต์วันปีใหม่ไทย ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง และได้พูดคุยถึงการปฏิรูปประเทศโดยบอกไปว่า ทุกคนควรหันหน้าเข้าหากัน เพื่อขจัดความขัดแย้งทั้งหมดไม่ให้มีเงื่อนไขเกิดขึ้นอีก ร่วมกันขจัดปัญหาคอร์รัปชั่นด้วยการมีรัฐบาลแห่งชาติ โดยมีนายกรัฐมนตรีคนกลาง ที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ จะได้ร่วมกันปฏิรูปประเทศปรับเปลี่ยนกติกาใหม่ พร้อมใจกันเพื่อให้ประเทศเดินไปได้ จะใช้วิธีการใดก็เสนอกันมา จะได้ไม่ต้องมาปฏิวัติกันอีก และไม่ต้องทะเลาะกันอีก บ้านเมืองจะได้สงบสุข

4.“เปรี้ยว” และพวกรอดโทษประหาร คดีฆ่าหั่นศพ “น้องแอ๋ม” ศาลชี้เจตนาฆ่า แต่ไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อน จำคุก 34 ปี ด้านโจทก์เตรียมอุทธรณ์!
(ล่างขวา) น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือเปรี้ยว (ล่างซ้าย) น.ส.กวิตา ราชดา หรือเอิร์น 2 ใน 5 จำเลยคดีฆ่าหั่นศพ น.ส.วริศรา กลิ่นจุ้ย หรือแอ๋ม
เมื่อวันที่ 10 พ.ค. ศาลจังหวัดขอนแก่น ได้อ่านคำพิพากษาคดีที่อัยการจังหวัดขอนแก่นเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือเปรี้ยว, น.ส.กวิตา ราชดา หรือเอิร์น, น.ส.อภิวันทน์ สัตยบัณฑิต หรือแจ้, น.ส.จิดารัตน์ พรหมคุณ หรือเบนซ์ และนายวศิน นามพรหม เป็นจำเลยที่ 1-5 กรณีร่วมกันฆ่าหั่นศพ น.ส.วริศรา กลิ่นจุ้ย หรือแอ๋ม เมื่อกลางปี 2560 โดยจำเลยที่ 1, 2, 3 และ 5 ถูกตั้งข้อหา 5 ข้อหา คือ ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ, ร่วมกันลักทรัพย์ผู้อื่น, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยว ทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และข้อหาร่วมกันพกพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ส่วนจำเลยที่ 4 น.ส.จิดารัตน์ หรือเบนซ์ ถูกตั้งข้อหาเดียว คือร่วมกันลักทรัพย์ หรือรับของโจร

ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พฤติการณ์ของ น.ส.เปรี้ยว น.ส.เอิร์น และ น.ส.แจ้ เป็นการทำร้ายร่างกายผู้ตาย และมีการต่อสู้ รวมถึงมีปากเสียงกันบนรถ โดยมีบางช่วงที่ผู้ต้องหา มีความคิดที่จะปล่อยผู้ตายลงจากรถ แต่ผู้ตายพูดจาข่มขู่และผู้ต้องหาเกิดความกลัวทำให้มีการปิดปากปิดจมูกอย่างรุนแรง และมีการใช้ถุงพลาสติกคลุมหัวผู้ตาย ไม่ใช่พฤติการณ์ของการฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่เป็นการฆ่าโดยเจตนา จึงลงโทษจำคุกตลอดชีวิต น.ส.เปรี้ยว และ น.ส.เอิร์น แต่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 34 ปี 6 เดือน ส่วน น.ส.แจ้ จำคุก 33 ปี 9 เดือน

ส่วนนายวศิน ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ไม่มีพยานมาเบิกความถึงพฤติการณ์ในการร่วมกันฆ่า และไม่ปรากฏว่านายวศินรู้จักกับผู้ตาย หรือวางแผนร่วมกับผู้ต้องหาทั้งสามคนมาก่อน แต่พฤติการณ์ที่เป็นผู้ขับขี่รถและไปซื้อปูนเป็นการช่วยเหลือหรือสนับสนุนในการฆ่าผู้ตาย ศาลจึงพิพากษาจำคุกนายวศิน 33 ปี 4 เดือน แต่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 23 ปี 4 เดือน 20 วัน

ขณะที่ น.ส.เบนซ์ ศาลพิพากษาจำคุก 2 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพ จึงลดโทษให้เหลือจำคุก 1 ปี พร้อมกันนี้ ศาลได้สั่งให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตเป็นเงิน 1.07 ล้านบาท

หลังฟังคำพิพากษา นายนพดล สีดาทัน ทนายความฝ่ายโจทก์ กล่าวว่า ฝ่ายโจทก์จะขอยื่นอุทธรณ์ต่อไป เพราะผู้ต้องหาควรได้รับโทษหนักกว่านี้ เนื่องจากเป็นขบวนการ และเห็นว่าเงินที่ศาลสั่งให้น้อยเกินไป ทนายความและครอบครัวผู้เสียชีวิตไม่พอใจ เพราะมองว่าผู้ต้องหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

ด้านนายอมรพงศ์ จันทร์กวี ทนายความของ น.ส.เปรี้ยว กล่าวว่า ทีมทนายรู้สึกพอใจในคำพิพากษาของศาล เพราะที่ผ่านมา น.ส.เปรี้ยว ยืนยันว่า ไม่มีการวางแผนฆ่าน้องแอ๋ม และไม่ได้เตรียมมีดมาฆ่า จึงไม่ใช่การร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

5.ผลเจรจาบ้านพักตุลาการสรุป ห้ามคนเข้าไปอยู่ ให้ฟื้นฟูสภาพป่า ส่วน รื้อ-ไม่รื้อ “บิ๊กตู่” โยน คกก.เคาะ!
(บน) นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ความคืบหน้ากรณีภาคประชาชนใน จ.เชียงใหม่คัดค้านการก่อสร้างบ้านพักตุลาการและข้าราชการศาลอุทธรณ์ภาค 5 บริเวณเชิงดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ พร้อมเรียกร้องให้รื้อบ้านดังกล่าว โดยเฉพาะส่วนที่ล้ำแนวป่าดั้งเดิม คือ คอนโดมิเนียม 9 หลัง และบ้านพัก 45 หลัง ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา โดยมีนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งนายสุวพันธุ์ เตรียมลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจกับเครือข่ายทวงคืนผืนป่าดอยสุเทพ ในวันที่ 6 พ.ค.

ปรากฏว่า หลังการพูดคุยเมื่อวันที่ 6 พ.ค. นายสุวพันธุ์แถลงว่า ได้รับนโยบายจากนายกฯ 2-3 เรื่อง เรื่องแรกคือ จะไม่มีคนอยู่อาศัยในพื้นที่ก่อสร้าง ซึ่งได้คุยกับแกนนำเครือข่ายแล้ว เรื่องที่ 2 การฟื้นฟู ปลูกต้นไม้ ปลูกป่า นายกฯ อยากให้ทำทันที นายกฯ ขอเชิญชวนชาวเชียงใหม่ให้เข้าไปปลูกป่าด้วยกัน ส่วนเรื่องที่ 3 นายกฯ อาจไม่ได้พูดถึง แต่เป็นความต้องการของเครือข่ายฯ ก็ให้มารับฟัง “สรุปว่า เรื่องที่ไม่มีผู้เข้าไปอยู่อาศัย จะมีการทำรังวัดโดยกรมธนารักษ์ในแนวเขตพื้นที่ป่าดั้งเดิม คือ อาคารชุด 9 หลัง และบ้านพัก 45 หลัง และฟื้นฟูพัฒนาให้เป็นป่าที่สมบูรณ์แบบต่อไป ส่วนด้านล่างลงมา จะทำให้เป็นเขต เพื่อให้ศาลได้ใช้ประโยชน์ ทั้งอาคารสำนักงานและอาคารชุด 3 หลัง ก็จะให้ชัดเจนและเกิดการประสานงานและดำเนินการได้”

นายสุวพันธุ์ กล่าวด้วยว่า ในด้านการฟื้นฟู อาจมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อทำงานร่วมกันระหว่างรัฐและประชาชนในเรื่องการปลูกต้นไม้ ส่วนเรื่องอื่นๆ ตัวแทนเครือข่ายต้องการให้พื้นที่ตรงนี้เป็นอุทยานแห่งชาติ ส่วนเรื่องสัญญาการก่อสร้างให้เป็นไปตามสัญญา เพื่อไม่ให้กระทบต่อผู้รับเหมาก่อสร้าง พร้อมยืนยัน เรื่องนี้รัฐบาลไม่ได้ยื้อเวลา โดยจะมีคณะกรรมการมาดูแลเรื่องสิ่งปลูกสร้าง

ด้านนายธีระศักดิ์ รูปสุวรรณ ผู้ประสานงานเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ เผยผลหารือกับนายสุวพันธุ์ว่า หลักๆ คือ จะได้ผืนป่าดอยสุเทพหรือบ้านป่าแหว่งกลับมาเป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ดังเดิม ส่วนวิธีการที่จะทำต่อไปคือ จะมีการฟื้นฟูพื้นที่ล้ำแนวป่าขึ้นไป คือ อาคารชุด 9 หลัง และบ้านพัก 45 หลัง โดยจะทำทางเข้าด้านข้างศาลหรือบริเวณศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อเข้าไปดำเนินการด้านอื่นๆ เมื่อรังวัดเสร็จ ที่ดินแปลงนี้ทางศาลจะโอนคืนแก่กรมธนารักษ์ เพื่อโอนไปให้ป่าไม้หรืออุทยานฯ และประกาศเป็นเขตอุทยานฯ ต่อไป

นายธีระศักดิ์ กล่าวถึงการแก้ปัญหาบ้านพักตุลาการอีกครั้งเมื่อวันที่ 8 พ.ค.ว่า ขณะนี้ทราบว่า สำนักนายกฯ ให้ตั้งกรรมการชุดใหญ่ก่อน แล้วให้แยกเป็นคณะทำงาน 2 ชุด คือ คณะทำงานฟื้นฟูสภาพแวดล้อมและคณะทำงานจัดการสิ่งปลูกสร้าง เพื่อคืนป่าสภาพสมบูรณ์ดังเดิม นายธีระศักดิ์ กล่าวอีกว่า หลายคนอาจขัดข้องใจ เพราะไม่มีการรื้อ ทุบ และเข้าใจไปว่าเครือข่ายถูกเขาหลอก ขอให้สบายใจ ผมสู้สุดตัวแน่ๆ แต่ต้องใจเย็น เพราะการรื้อ ทุบมันง่าย แต่ไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง เพราะการแก้ไขต้องเป็นไปตามขั้นตอนและกระบวนการทางกฎหมาย ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นว่า ใครอยากทุบ อยากรื้อ อยากเผา ก็ทำได้ตราบเท่าที่กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย เหมือนที่เคยเกิดเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเห็นแล้วว่าเป็นการสร้างความร้าวฉานในสังคมและประเทศให้มากขึ้นไปอีก

วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.กล่าวถึงการแก้ปัญหาบ้านพักตุลาการว่า ได้ข้อสรุปให้มีการปลูกป่า ได้มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ทหาร กอ.รมน. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปร่วมในแผนงานดังกล่าวให้ทันฤดูฝนนี้ จะพยายามหาต้นไม้ที่โตเร็ว และกลมกลืนกับภูมิประเทศ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ผมมีคำสั่งไปว่า ไม่ให้อยู่โดยแน่นอนแน่ชัด ได้ให้คณะกรรมการไปจัดหาพื้นที่ใหม่ เพราะเป็นสิทธิของข้าราชการที่ต้องมีบ้านพักอาศัยตามกฎหมาย รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลสวัสดิการตรงนี้ “ขอให้ไว้เนื้อเชื่อใจ ในเมื่อผมไม่ให้ใครอยู่ ก็ไม่ให้ใครอยู่ เรื่องจะรื้อไม่รื้อ คณะกรรมการไปว่ากันมา ถ้าจะรื้อ ต้องหาผู้รับผิดชอบมาให้ได้ เพราะเป็นงบประมาณของแผ่นดิน มันอาจจะบานปลายสู่การตรวจสอบย้อนหลังไปอีกเยอะ ต้องทำต่อไป”


กำลังโหลดความคิดเห็น