คลิกที่นี่เพื่อฟังสรุปข่าวฯ
1.ตำรวจทองผาภูมิส่งฟ้อง “เปรมชัย” 8 ข้อหา ส่วนลูกน้องอีก 3 โดน 9 ข้อหา ขณะที่เจ้าตัวอ้าง ไม่ได้ฆ่าเสือดำ!
ความคืบหน้าคดีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กับพวกอีก 3 คน คือ นายยงค์ โดดเครือ, นางนที เรียมแสน และนายธานี ทุมมาศ นำอาวุธปืนเข้าไปล่าสัตว์คุ้มครองในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี โดยถูกหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่จับกุม และส่งให้ตำรวจ สภ.ทองผาภูมิ ดำเนินคดี ซึ่งตำรวจได้แจ้งข้อหา 9 ข้อหา ส่วนข้อหาทารุณกรรมสัตว์ ไม่สามารถเอาผิดได้ เนื่องจากกฎหมายที่จะเอาผิดยังไม่สมบูรณ์ ขณะที่ข้อหาติดสินบนเจ้าพนักงาน อยู่ระหว่างการสอบสวนของ บก.ปปป.นั้น
เมื่อวันที่ 13 มี.ค. พนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ ได้สรุปสำนวน และมีความเห็นสั่งฟ้องนายเปรมชัยและพวกแล้วรวม 9 ข้อหา ประกอบด้วย ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาต,ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาต, ร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาต, ร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาต, ร่วมกันข่วยซ่อนเร้น ซึ่งซากสัตว์ป่าอันได้มาโดยการกระทำผิด, ร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าหรืออาวุธใดๆ เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และโดยไม่มีเหตุอันควร
ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวหลังเดินทางลงพื้นที่ สภ.ทองผาภูมิว่า พนักงานสอบสวนมีการสอบปากคำพยานทั้งสิ้น 51 ปาก ส่งหลักฐานและวัตถุพยานไปตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ 28 รายการ จำนวน 225 ชิ้น เอกสารสำนวน 2 แฟ้ม รวมทั้งสิ้น 857 แผ่น
ทั้งนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ พร้อมพนักงานสอบสวน ได้นำสำนวนส่งมอบให้นายทนง ตะภา อัยการจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมคณะ เพื่อพิจารณามีความเห็นต่อไป
ด้านนางสมศรี วัฒนไพศาล อธิบดีอัยการภาค 7 เผยว่า อัยการสูงสุดสั่งการให้พิจารณาคดีนี้อย่างรอบคอบ โปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อให้ประชาชนเชื่อถือ และมั่นใจในองค์กรอัยการ ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าอัยการจะดองสำนวนนั้น ยืนยันไม่เป็นความจริง จะมีการเร่งรัดทุก 7 วัน
ขณะที่นายธรัมพ์ ชาลีจันทร์ รองเลขานุการอัยการสูงสุด กล่าวว่า คดีนี้ พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนพร้อมความเห็นเสนอสั่งฟ้องนายเปรมชัย ผู้ต้องหาที่ 1 จำนวน 8 ข้อหา ส่วนข้อหาที่ 9 ข้อหาพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น พนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากอาวุธปืนของกลาง เป็นของนายเปรมชัยที่ได้รับอนุญาตให้มีไว้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย ส่วนผู้ต้องหาที่ 2-4 พนักงานสอบสวนเห็นควรสั่งฟ้อง 9 ข้อหา
ส่วนความเคลื่อนไหวของนายเปรมชัยนั้น เมื่อวันที่ 14 มี.ค. นายเปรมชัยได้เข้าพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ปทส.) ตามหมายเรียก เพื่อรับทราบข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน กรณีมีการตรวจพบอาวุธปืนและงาช้างแอฟริกาที่บ้านพักนายเปรมชัยก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ(ปปป.) ได้เดินทางมายัง บก.ปทส.เพื่อแจ้งข้อหานายเปรมชัยด้วย ในข้อหาพยายามติดสินบนเจ้าพนักงาน
เป็นที่น่าสังเกตว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์ ได้เดินทางมาติดตามดูสำนวนคดีใน 3 ข้อหาดังกล่าว พร้อมร่วมสอบปากคำนายเปรมชัยด้วย ก่อนแถลงในเวลาต่อมาว่า นายเปรมชัยให้การปฏิเสธ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ และว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐานสมบูรณ์ในการเอาผิดแน่นอน ส่วนนางคณิตตา กรรณสูต ภรรยานายเปรมชัย ผู้ครอบครองงาช้าแอฟริกา และ น.ส.วันดี สมภูมิ ผู้รับรองว่างาช้างดังกล่าวเป็นงาช้างบ้าน ซึ่งตำรวจออกหมายเรียกมารับทราบข้อหาพร้อมกับนายเปรมชัย แต่ทั้งสองขอเลื่อนเข้ารับทราบข้อหานั้น พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า ได้มีการออกหมายเรียกครั้งที่ 2 แล้ว ให้มาพบพนักงานสอบสวนภายในวันที่ 20 มี.ค.นี้
ต่อมา ตำรวจได้นำตัวนายเปรมชัยไปขอศาลฝากขังผัดแรกเป็นเวลา 12 วัน ระหว่างวันที่ 14-25 มี.ค. เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบปากคำพยานอีก 7 ปาก ซึ่งพนักงานสอบสวนไม่ได้คัดค้านการประกันตัวแต่อย่างใด ต่อมา ทนายความได้ยื่นขอประกันตัวนายเปรมชัย โดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสด 5 แสนบาท ด้านศาลพิจารณาแล้ว อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยตีราคาประกัน 3 แสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล พร้อมนัดให้มารายงานตัวในวันที่ 1 พ.ค.นี้ ที่ครบกำหนดฝากขังครั้งที่ 4
ทั้งนี้ ระหว่างถูกควบคุมตัวมาขอศาลฝากขัง นายเปรมชัยกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และจะขอต่อสู้คดีตามความจริง พร้อมยืนยัน ไม่ได้ฆ่าเสือดำ เสียใจที่ทุกคนมองตนในแบบนั้น และว่า อย่างไรความจริงก็ต้องปรากฏในชั้นศาล
2.สนช.เตรียมยื่นศาล รธน.วินิจฉัยร่าง พ.ร.ป.ที่มา ส.ว.ฉบับเดียว 19 มี.ค.นี้ ด้าน “สมชัย” ชี้ยืดเลือกตั้ง 2-6 เดือน!
ความเคลื่อนไหวทางการเมืองสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) 2 ฉบับ คือ ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. เมื่อวันที่ 8 มี.ค. ซึ่งขั้นตอนต่อไป สนช.ต้องส่งร่าง พ.ร.ป.ทั้ง 2 ฉบับดังกล่าวให้นายกรัฐมนตรี เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ บังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป
ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 14 มี.ค. นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ได้ออกมาแสดงความเป็นห่วงว่า ร่าง พ.ร.ป.ทั้ง 2 ฉบับ อาจมีประเด็นที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ จึงเสนอให้ สนช.ส่งร่างทั้ง 2 ฉบับดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะหากปล่อยไปจนถึงเลือกตั้ง แล้วมีคนไปร้อง แล้วศาลบอกว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ จะกระทบต่อโรดแมปทันที
สำหรับประเด็นที่นายมีชัยห่วง ก็คือ ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่ห้ามคนไม่ไปเลือกตั้งเป็นข้าราชการการเมือง ซึ่งนายมีชัยสงสัยว่า เป็นการตัดสิทธิหรือเสรีภาพ ถ้าเป็นสิทธิ สามารถตัดได้ แต่ถ้าเป็นเสรีภาพ ตัดไม่ได้ และประเด็นการให้เจ้าหน้าที่ช่วยผู้พิการลงคะแนน ที่ให้ถือว่าเป็นการลงคะแนนโดยตรงและลับนั้น นายมีชัยมองว่า ไม่น่าจะใช่ และอาจขัดกับหลักรัฐธรรมนูญ
ส่วนร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ที่แยกผู้สมัครเป็น 2 ประเภท คือแบบอิสระและองค์กรนั้น นายมีชัยบอกว่า ในรัฐธรรมนูญให้เลือกกันภายในกลุ่ม จึงอาจมีปัญหาในทางปฏิบัติและในแง่ความสุจริตได้ ทั้งนี้ นายมีชัยได้ยื่นหนังสือเกี่ยวกับข้อห่วงใยดังกล่าวต่อนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.เมื่อวันที่ 14 มี.ค.
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายมองว่า หาก สนช.ยื่นร่าง พ.ร.ป.ทั้ง 2 ฉบับให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยจะกระทบต่อโรดแมปการเลือกตั้ง และมีการมองถึงขั้นว่า นี่อาจเป็นการสมคบคิดเพื่อยื้อเวลาเลือกตั้งออกไป โดยนายสมชัย ศรีสุทธิยากร 1 ในกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้ออกมายืนยันว่า หาก สนช.ยื่นร่าง พ.ร.ป. 2 ฉบับดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย จะส่งผลให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไป 2 เดือน “ใครที่บอกไม่กระทบโรดแมป ให้ไปเรียนบวกเลขใหม่ กรณีที่ไม่มีการยื่นศาล ต้องใช้เวลาเต็มที่ 330 วันหลังจากนายกฯ ทูลเกล้า คือ รอโปรดเกล้าฯ 90 วัน ชะลอการใช้ 90 วัน เวลาเลือกตั้งให้แล้วเสร็จ 150 วัน หากนายกฯ ทูลเกล้าฯ ในเดือน มี.ค.61 นับไป 11 เดือน คือ ก.พ.2562 กรณีที่มีการยื่นศาล ต้องทดเวลาเพิ่มอีก 2 เดือน เผื่อการวินิจฉัยของศาลไว้ประมาณเดือนครึ่ง และการนำกลับมาแก้เล็กหลังศาลวินิจฉัยอีกครึ่งเดือน การนับเวลาใหม่จึงเท่ากับ 390 วัน หรือ 13 เดือน แปลว่า วันเลือกตั้งจะเคลื่อนจากโรดแมปไปอีก 2 เดือน จากเดือน ก.พ.เป็นเดือน เม.ย.2562”
นายสมชัยกล่าวด้วยว่า ถ้าศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ผิดหรือขัดในสาระสำคัญ คงได้เห็นการยกร่างกันใหม่ทั้งฉบับ ซึ่งต้องใช้เวลายืดออกไปอีกอย่างน้อย 6 เดือน และว่า ใครที่บอกว่า ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.ไม่เสร็จ ก็ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับการเลือกตั้ง ส.ส. ขอบอกสั้นๆ รัฐธรรมนูญบอกให้เลือก ส.ว.ให้เสร็จก่อนการเลือกตั้ง ส.ส.15 วัน ไม่มี ส.ว.ก็ไม่มี ส.ส. หมากนี้ลึกซึ้งยิ่ง ขึ้นอยู่กับว่า ใครจะเป็นจำเลยให้สังคม ระหว่าง 25 สนช.ที่จะเป็นผู้ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย หรือนายกฯ ถ้าโรดแมปต้องเลื่อนไปอีก 2-6 เดือน
ด้านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) มองว่า การส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ไม่มีการกำหนดระยะเวลาในการพิจารณาของศาล อาจจะใช้เวลา 6 เดือน หรือ 1 ปี หรือมากกว่านั้น เชื่อว่ากระทบโรดแมปแน่นอน และสรุปได้ว่า เป็นทฤษฎีสมคบคิดผลัดกันเล่น
ขณะที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย(พท.) ก็มองว่า เรื่องนี้ดูเหมือนมีเบื้องหน้าเบื้องหลังว่า แท้จริงแล้วต้องการอะไรกันแน่ การยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยน่าจะมีวาระซ่อนเร้น ส่วนจะเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ เพื่อหาเหตุเลื่อนวันเลือกตั้งหรือไม่ สังคมก็อาจคิดได้
ล่าสุด เมื่อวันที่ 16 มี.ค.นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.เผยว่า มีสมาชิก สนช.30 คน นำโดยนายกิตติ วะสีนนท์ เสนอเรื่องให้ตนยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.เพียงฉบับเดียว เนื่องจากร่างฉบับนี้อาจมีผลกระทบต่อกระบวนการได้มาซึ่ง ส.ว.ทั้งหมด ซึ่งตนจะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญในวันจันทร์ที่ 19 มี.ค.นี้ ส่วนร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.นั้น สนช.เกือบทั้งหมดเห็นว่าไม่ขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ แต่อาจขัดต่อเจตนารมณ์ของผู้ร่างรัฐธรรมนูญเท่านั้น
ส่วนความคืบหน้าการจดแจ้งจัดตั้งพรรคใหม่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีพรรคที่ถูกจับตาว่าน่าจะเป็นพรรคนอมินีของพรรคเพื่อไทย คือ พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งขอจดแจ้งจัดตั้งโดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รองประธานกรรมการบริหารไทยซัมมิทกรุ๊ป เป็นหลานของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร นอกจากนี้ยังมีผู้ร่วมก่อตั้งพรรค คือ นายปิยบุตร แสงกนกกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนักวิชาการกลุ่มนิติราษฎร์ ที่เคยเคลื่อนไหวให้ยกเลิกกฎหมายอาญา มาตรา 112 เกี่ยวกับการเอาผิดคนหมิ่นสถาบันฯ
3.“แผน” พยานฝั่งครูปรีชา ดิ้นหนีข้อหาให้การเท็จ ฟ้องดะ “ผบช.ก.-ผบก.ป.” ด้าน “หมวดจรูญ” แจ้งจับ “แผน” แล้ว!
ความคืบหน้าคดีหวยอลเวง 30 ล้าน ที่สองฝ่ายต่างอ้างความเป็นเจ้าของ ระหว่าง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตตำรวจ และนายปรีชา ใคร่ครวญ ครูโรงเรียนเทพมงคลรังษี จ.กาญจนบุรี ซึ่งครูปรีชา แจ้งความดำเนินคดีหมวดจรูญ กล่าวหาว่าหมวดจรูญเก็บลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลที่ 1 ของตนไป โดยตอนแรกตำรวจภูธรภาค 7 สรุปว่า ลอตเตอรี่เป็นครูปรีชา แต่ภายหลัง ตำรวจกองปราบฯ ที่เข้ามาดูคดีแทน ได้พยานหลักฐานที่ยืนยันได้ว่า ลอตเตอรี่ดังกล่าวไม่ใช่ของครูปรีชา พร้อมดำเนินคดีครูปรีชา และนางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่น แม่ค้าที่อ้างว่าขายลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลที่ 1 ให้ครูปรีชา ฐานแจ้งความเท็จและข้อหาอื่นๆ รวม 3 ข้อหา นอกจากนี้ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(บก.ปปป.) ยังได้ดำเนินคดี พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล อดีต ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ฐานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ด้วย โดยมีแนวโน้มจะกันตำรวจอีก 2 นายไว้เป็นพยานนั้น
ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 12 มี.ค. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(ผบช.ก.) ได้ประชุมคณะพนักงานสอบสวนเพื่อคลี่คลายคดีหวย 30 ล้าน หลังประชุม พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รอง ผบช.ก.เผยว่า ตามที่นายฐนุกร เหลืองใหม่เอี่ยม หรือแผน (พนักงานขับรถธนาคารแห่งหนึ่ง) ได้กลับคำให้การ ไม่สามารถยืนยันได้ว่า ร.ต.ท.จรูญ เป็นผู้ก้มเก็บลอตเตอรี่ของนายปรีชาตามที่เคยให้การกับตำรวจภาค 7 จึงทำให้นายแผนตกเป็นผู้ต้องหาให้การเท็จ โดยจะเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 15 มี.ค. ส่วนพยานรายอื่นๆ ของครูปรีชา ทั้ง น.ส.พัชริดา พรมตา หรือเจ๊พัช และนางปณัญชญา สุขผล หรือเจ๊เกียว ตำรวจจะเรียกมาสอบปากคำเพิ่มว่าเข้าข่ายให้การอันเป็นเท็จในลักษณะเดียวกับนายแผนหรือไม่ ขณะที่ตำรวจ บก.ปปป.ได้ออกหมายเรียกให้ครูปรีชา เจ๊บ้าบิ่น และเจ๊พัช เข้ารับทราบข้อหาฐานสนับสนุนให้เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบในวันที่ 15-16 มี.ค.
ด้านนายแผน หลังรู้ว่าจะถูกออกหมายเรียกและถูกตำรวจดำเนินคดี ก็ได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออธิบดีศาลอาญา พร้อมอ้างว่า ที่ตนต้องให้การใหม่ เพราะ พล.ต.ท.ฐิติราชและผู้การกองปราบฯ แจ้งให้ไปพบพนักงานสอบสวน สภ.พนมทวน พอไปถึง พล.ต.ท.ฐิติราช พร้อมผู้การกองปราบฯ และตำรวจกว่า 30 นายได้ล้อมตน และบอกว่า ถ้าให้การเหมือนกับกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เช่นเดิม ติดคุกแน่ เพราะให้การเท็จ และแนะนำให้การใหม่ว่า “คลับคล้ายคลับคลา” และให้การตามที่ พล.ต.ท.ฐิติราชและคณะทำงานแนะนำจะไม่ติดคุกแน่ ตนเกิดความกลัว จึงหลงเชื่อตามคำแนะนำ
นอกจากนี้ นายแผนยังไปยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. พร้อมขอให้เปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน และสถานที่สอบสวนในคดีหวย 30 ล้าน
ขณะที่ พล.ต.ท.ฐิติราช ได้ออกมายืนยันว่า วันดังกล่าวตนไม่ได้เจอและไม่ได้เป็นผู้ซักถามนายแผนและนางกุ้ง จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะขู่และแนะนำให้นายแผนเปลี่ยนคำให้การ เพราะวันนั้นเน้นซักบุคคลที่เกี่ยวข้องกับสถานที่เกิดเหตุเท่านั้น จึงถือว่านายแผนจงใจให้การเท็จชัดเจน เพราะจากการตรวจสอบแล้วพบว่า เหตุการณ์ที่นายแผนกล่าวอ้าง ไม่สอดคล้องกับห้วงเวลาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์
ด้าน พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม ได้ออกมาชี้แจงว่า พล.ต.ท.ฐิติราช ไม่ได้สอบปากคำนายแผน ตนเป็นคนสอบปากคำนายแผนด้วยตนเอง และไม่เคยบังคับหรือข่มขู่ให้นายแผนเปลี่ยนคำให้การแต่อย่างใด และเป็นไปไม่ได้ที่จะมีตำรวจกว่า 30 นายล้อมนายแผน เพราะห้องที่ใช้สอบปากคำ เป็นห้องวิทยุเล็กของสถานี แค่ตำรวจ 5 คน ก็แน่นห้องแล้ว
ขณะที่นายแผนเดินหน้าฟ้องดำเนินคดี พล.ต.ท.ฐิติราช และ พล.ต.ต.ไมตรี โดยยื่นฟ้องที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบเมื่อวันที่ 15 มี.ค. ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้ผู้หนึ่งผู้ใดได้รับความเสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม โดยใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งโดยมิชอบ เพื่อแกล้งให้บุคคลนั้นรับโทษหรือโทษหนักขึ้น จากกรณีออกหมายเรียกให้ตนมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาในเวลากระชั้นชิด คือ ออกหมายเรียกวันที่ 14 มี.ค. โดยให้มาพบวันที่ 15 มี.ค. และกรณีกล่าวหาว่าเปลี่ยนแปลงคำให้การเรื่องคนเก็บลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 เป็นที่น่าสังเกตว่า นายแผนเดินทางมาศาลพร้อมกับ น.ส.กนกพรรณ หมวกไสว หรือฟ้า คนสนิทครูปรีชา และทนายความ
นอกจากนี้นายแผนยังเข้ายื่นหนังสือถึงกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) รับคดีหวย 30 ล้านเป็นคดีพิเศษด้วย โดยอ้างว่า ถูกตำรวจกองปราบฯ ชุดคอมมานโดสะกดรอยติดตาม ขณะที่ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป.ยืนยันว่า สิ่งที่นายแผนอ้าง ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด คดีนี้ยังไม่มีความจำเป็นหรือมีเหตุสำคัญที่จะต้องใช้ตำรวจคอมมานโดติดตาม
ทั้งนี้ ตำรวจกองปราบฯ ได้ออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ให้นายแผนมารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 21 มี.ค.นี้ หลังนายแผนไม่ยอมเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกเมื่อวันที่ 15 มี.ค.
ขณะที่หมวดจรูญ ได้แจ้งความต่อตำรวจกองปราบฯ ให้ดำเนินคดีนายแผนข้อหาให้การเท็จ กล่าวหาว่าตนเก็บลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ได้ พร้อมเผยว่า นายแผนเคยเดินทางมาบ้านตนเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2560 โดยเป็นผู้ขับรถพาเจ้าหน้าที่ธนาคารมาพบที่บ้านพัก เนื่องจากตนต้องการปรึกษาหารือเกี่ยวกับทนายความ เพราะขณะนั้นยังไม่มีทนายความส่วนตัวที่จะต่อสู้เรื่องคดีความ ซึ่งเจ้าหน้าที่ธนาคารได้ให้คำแนะนำต่างๆ หมวดจรูญยืนยันด้วยว่า ไม่ได้รู้จักนายแผนเป็นการส่วนตัว และไม่ทราบวัตถุประสงค์ที่แท้จริงว่าต้องการอะไรจึงได้กล่าวหาว่าตนเก็บลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ได้
ส่วนความเคลื่อนไหวของครูปรีชานั้น เมื่อวันที่ 15 มี.ค. ครูปรีชา พร้อมด้วยเจ๊บ้าบิ่น และเจ๊พัช ได้เข้าพบตำรวจ บก.ปปป.ตามหมายเรียก ต่อมา พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป.เผยว่า ได้สอบปากคำบุคคลทั้งสาม เบื้องต้นแจ้งข้อหาสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ประพฤติมิชอบตามมาตรา 157 โดยพฤติการณ์ของทั้งสามมีลักษณะเดียวกัน คือรับรู้ในการเปลี่ยนแปลงคำให้การทั้งหมด พร้อมทั้งเป็นผู้ที่เซ็นคำให้การของตำรวจภูธรภาค 7 หลังแจ้งข้อกล่าวหา และทั้งสามให้การปฏิเสธ ตำรวจได้ปล่อยตัวกลับ เพราะทั้งหมดเป็นฝ่ายเข้าพบตำรวจ และไม่มีพฤติกรรมหลบหนี
4.ศาลฎีกาอนุญาต “อริสมันต์” ประกันตัว-ห้ามออกนอก ปท. รอศาลฎีกาพิพากษาคดีล้มประชุมอาเซียนซัมมิทที่พัทยา!
เมื่อวันที่ 15 มี.ค. มีข่าวว่า ศาลฎีกาอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) จำเลยในคดีบุกล้มการประชุมอาเซียนซัมมิทที่พัทยา ที่อยู่ในชั้นการพิจารณาของศาลฎีกา โดยตีราคาประกัน 2,200,000 บาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร พร้อมคาดว่าจะได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในวันที่ 16 มี.ค.
ปรากฏว่า ช่วงค่ำวันที่ 16 มี.ค. พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ออกมายืนยันข่าวดังกล่าว โดยบอกว่า ได้รับรายงานจากนายกฤช กระแสร์ทิพย์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครว่า ศาลจังหวัดพัทยาได้อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวนายอริสมันต์ โดยหนังสือปล่อยตัวจากเรือนจำต้นสังกัดนายอริสมันต์ คือเรือนจำจังหวัดพัทยา มาถึงเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในเวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 16 มี.ค. จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ปล่อยตัวนายอริสมันต์ในเวลา 22.00 น.
ทั้งนี้ นายอริสมันต์ มีคดีอยู่ 3 คดี คดีแรกคดีหมิ่นประมาทนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่นายอริสมันต์ปราศรัยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และหน้าทำเนียบรัฐบาล กล่าวหานายอภิสิทธิ์ทำนองว่า การบริหารงานของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ กู้ยืมเงินมาเพื่อทุจริตคดโกง มีการหยิบยกเรื่องสถาบันมากล่าวอ้าง และกล่าวหาว่าเป็นผู้หน่วงเหนี่ยวคำร้องฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับนายทักษิณ ชินวัตร ทำให้ล่าช้า รวมถึงสั่งทหารฆ่าประชาชน ปล้นอำนาจจากประชาชน และไม่ดำเนินการตรวจสอบการทุจริตในโครงการต่างๆ ซึ่งศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 21 เม.ย.2560 ให้จำคุกนายอริสมันต์ รวม 2 กระทง กระทงละ 6 เดือน เป็นจำคุก 12 เดือน ซึ่งนายอริสมันต์ได้รับโทษครบกำหนดแล้วเมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา
คดีที่ 2 คดีก่อการร้าย ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ส่วนคดีที่ 3 คดีบุกล้มการประชุมอาเซียนซัมมิท ที่พัทยา ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 21 มี.ค.2560 ให้จำคุกนายอริสมันต์กับพวกคนละ 4 ปี ไม่รอลงอาญา ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวนายอริสมันต์ และถูกนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำพัทยา ก่อนจะย้ายมาอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อรอศาลตัดสินในชั้นฎีกา กระทั่งล่าสุด เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา ศาลฎีกาได้มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวนายอริสมันต์ พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
มีรายงานจากทีมทนายความ นปช.ว่า เหตุผลสำคัญที่ศาลฎีกาอนุญาตให้ประกันตัวนายอริสมันต์ เนื่องจากจำเลยร่วมอื่นในคดีนี้ ศาลอนุญาตให้ประกันตัวไปหมดแล้ว และผู้พิพากษาในคดีนี้ได้รับรองการยื่นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงครบแล้ว ตามที่จำเลยได้ยื่นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไป โดยการยื่นประกันตัวนายอริสมันต์ครั้งนี้ ถือเป็นการยื่นครั้งที่ 2
5.ศาลพิพากษาจำคุก “เสก โลโซ” 5 วัน ไม่รอลงอาญา กรณียิงปืนขึ้นฟ้าในวัด ก่อนอนุญาตประกันตัว!
เมื่อวันที่ 15 มี.ค. ศาล จ.นครศรีธรรมราช ได้อ่านคำพิพากษาคดีที่อัยการจังหวัดนครศรีธรรมเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายเสกสรรค์ ศุขพิมาย หรือ "เสก โลโซ" นักร้องชื่อดัง กรณีใช้อาวุธปืนพกยิงขึ้นฟ้าในบริเวณวัดเขาขุนพนม อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช เมื่อปลายเดือน ธ.ค.2560
ทั้งนี้ ศาลได้พิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ แต่จำเลยเป็นบุคคลสาธารณะ มีชื่อเสียง สมควรเป็นแบบอย่างที่ดียิ่ง และต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมมากกว่าบุคคลทั่วไป เนื่องจากสามารถเป็นที่จดจำได้ง่าย อาจเป็นแบบอย่าง ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระทำผิด หากถูกเผยแพร่ อาจเป็นบรรทัดฐานให้บุคคลอื่นอ้างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หลงผิดก่อเหตุในทำนองเดียวกันได้
ส่วนคุณงามความดีในอดีต การช่วยเหลือสังคมต่างๆ ของจำเลยที่ผ่านมา แม้ควรส่งเสริม แต่ไม่สามารถลบล้างความผิดได้ เนื่องจากเป็นคนละส่วนกัน อย่างไรก็ตาม ศาลเห็นว่า กฎหมายควรใช้บังคับอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน มาตรฐานเดียวกัน ไม่ว่าผู้กระทำผิดจะมีสถานะทางสังคมเพียงใด คดีนี้ ศาลจึงใช้ดุลยพินิจโดยไม่อิงสถานะทางสังคมของจำเลยเป็นคุณให้เบาลงหรือเป็นโทษให้หนักขึ้น แต่จะพิจารณาตามพฤติการณ์ตามฟ้องโจทก์ ประกอบพยานหลักฐานในสำนวนเป็นสำคัญ ฐานพกพาอาวุธปืนมีทะเบียนของตนเองไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุสมควร
ศาลยังระบุด้วยว่า ความผิดฐานยิงปืนโดยใช่เหตุ แม้ไม่มีผู้ใดได้รับความเสียหาย แต่จำเลยกระทำในศาสนสถาน ยิงปืนมากถึง 10 นัด ถือว่าไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อความเดือดร้อน กระสุนปืนแต่ละนัดอาจสร้างความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สินของผู้อื่น และเป็นความผิดสำเร็จทันทีโดยไม่จำเป็นต้องมีผู้เสียหาย กรณีดังกล่าวสุ่มเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ จึงไม่ถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย
ดังนั้นเพื่อให้จำเลยหลาบจำ มิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลอื่น ทั้งยังเป็นการป้องปรามและจัดระเบียบสังคมให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงเห็นสมควรลงโทษจำคุกจำเลย 10 วัน ฐานพกพาอาวุธปืนไปในเมืองฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต และปรับ 4,000 บาท ฐานยิงปืนโดยใช่เหตุ แต่จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลย 5 วัน และ ปรับ 2,000 บาท โดยไม่รอลงอาญา ส่วนของกลางที่เจ้าพนักงานยังคงเก็บรักษาไว้ เป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำผิด ศาลจึงให้ริบของกลาง
หลังฟังคำพิพากษา เสก โลโซ ได้ขอประกันตัวเพื่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ ซึ่งศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยตีราคาประกัน 1.5 แสนบาท
1.ตำรวจทองผาภูมิส่งฟ้อง “เปรมชัย” 8 ข้อหา ส่วนลูกน้องอีก 3 โดน 9 ข้อหา ขณะที่เจ้าตัวอ้าง ไม่ได้ฆ่าเสือดำ!
ความคืบหน้าคดีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กับพวกอีก 3 คน คือ นายยงค์ โดดเครือ, นางนที เรียมแสน และนายธานี ทุมมาศ นำอาวุธปืนเข้าไปล่าสัตว์คุ้มครองในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี โดยถูกหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่จับกุม และส่งให้ตำรวจ สภ.ทองผาภูมิ ดำเนินคดี ซึ่งตำรวจได้แจ้งข้อหา 9 ข้อหา ส่วนข้อหาทารุณกรรมสัตว์ ไม่สามารถเอาผิดได้ เนื่องจากกฎหมายที่จะเอาผิดยังไม่สมบูรณ์ ขณะที่ข้อหาติดสินบนเจ้าพนักงาน อยู่ระหว่างการสอบสวนของ บก.ปปป.นั้น
เมื่อวันที่ 13 มี.ค. พนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ ได้สรุปสำนวน และมีความเห็นสั่งฟ้องนายเปรมชัยและพวกแล้วรวม 9 ข้อหา ประกอบด้วย ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาต,ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาต, ร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาต, ร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาต, ร่วมกันข่วยซ่อนเร้น ซึ่งซากสัตว์ป่าอันได้มาโดยการกระทำผิด, ร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าหรืออาวุธใดๆ เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และโดยไม่มีเหตุอันควร
ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวหลังเดินทางลงพื้นที่ สภ.ทองผาภูมิว่า พนักงานสอบสวนมีการสอบปากคำพยานทั้งสิ้น 51 ปาก ส่งหลักฐานและวัตถุพยานไปตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ 28 รายการ จำนวน 225 ชิ้น เอกสารสำนวน 2 แฟ้ม รวมทั้งสิ้น 857 แผ่น
ทั้งนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ พร้อมพนักงานสอบสวน ได้นำสำนวนส่งมอบให้นายทนง ตะภา อัยการจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมคณะ เพื่อพิจารณามีความเห็นต่อไป
ด้านนางสมศรี วัฒนไพศาล อธิบดีอัยการภาค 7 เผยว่า อัยการสูงสุดสั่งการให้พิจารณาคดีนี้อย่างรอบคอบ โปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อให้ประชาชนเชื่อถือ และมั่นใจในองค์กรอัยการ ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าอัยการจะดองสำนวนนั้น ยืนยันไม่เป็นความจริง จะมีการเร่งรัดทุก 7 วัน
ขณะที่นายธรัมพ์ ชาลีจันทร์ รองเลขานุการอัยการสูงสุด กล่าวว่า คดีนี้ พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนพร้อมความเห็นเสนอสั่งฟ้องนายเปรมชัย ผู้ต้องหาที่ 1 จำนวน 8 ข้อหา ส่วนข้อหาที่ 9 ข้อหาพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น พนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากอาวุธปืนของกลาง เป็นของนายเปรมชัยที่ได้รับอนุญาตให้มีไว้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย ส่วนผู้ต้องหาที่ 2-4 พนักงานสอบสวนเห็นควรสั่งฟ้อง 9 ข้อหา
ส่วนความเคลื่อนไหวของนายเปรมชัยนั้น เมื่อวันที่ 14 มี.ค. นายเปรมชัยได้เข้าพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ปทส.) ตามหมายเรียก เพื่อรับทราบข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน กรณีมีการตรวจพบอาวุธปืนและงาช้างแอฟริกาที่บ้านพักนายเปรมชัยก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ(ปปป.) ได้เดินทางมายัง บก.ปทส.เพื่อแจ้งข้อหานายเปรมชัยด้วย ในข้อหาพยายามติดสินบนเจ้าพนักงาน
เป็นที่น่าสังเกตว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์ ได้เดินทางมาติดตามดูสำนวนคดีใน 3 ข้อหาดังกล่าว พร้อมร่วมสอบปากคำนายเปรมชัยด้วย ก่อนแถลงในเวลาต่อมาว่า นายเปรมชัยให้การปฏิเสธ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ และว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐานสมบูรณ์ในการเอาผิดแน่นอน ส่วนนางคณิตตา กรรณสูต ภรรยานายเปรมชัย ผู้ครอบครองงาช้าแอฟริกา และ น.ส.วันดี สมภูมิ ผู้รับรองว่างาช้างดังกล่าวเป็นงาช้างบ้าน ซึ่งตำรวจออกหมายเรียกมารับทราบข้อหาพร้อมกับนายเปรมชัย แต่ทั้งสองขอเลื่อนเข้ารับทราบข้อหานั้น พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า ได้มีการออกหมายเรียกครั้งที่ 2 แล้ว ให้มาพบพนักงานสอบสวนภายในวันที่ 20 มี.ค.นี้
ต่อมา ตำรวจได้นำตัวนายเปรมชัยไปขอศาลฝากขังผัดแรกเป็นเวลา 12 วัน ระหว่างวันที่ 14-25 มี.ค. เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบปากคำพยานอีก 7 ปาก ซึ่งพนักงานสอบสวนไม่ได้คัดค้านการประกันตัวแต่อย่างใด ต่อมา ทนายความได้ยื่นขอประกันตัวนายเปรมชัย โดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสด 5 แสนบาท ด้านศาลพิจารณาแล้ว อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยตีราคาประกัน 3 แสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล พร้อมนัดให้มารายงานตัวในวันที่ 1 พ.ค.นี้ ที่ครบกำหนดฝากขังครั้งที่ 4
ทั้งนี้ ระหว่างถูกควบคุมตัวมาขอศาลฝากขัง นายเปรมชัยกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และจะขอต่อสู้คดีตามความจริง พร้อมยืนยัน ไม่ได้ฆ่าเสือดำ เสียใจที่ทุกคนมองตนในแบบนั้น และว่า อย่างไรความจริงก็ต้องปรากฏในชั้นศาล
2.สนช.เตรียมยื่นศาล รธน.วินิจฉัยร่าง พ.ร.ป.ที่มา ส.ว.ฉบับเดียว 19 มี.ค.นี้ ด้าน “สมชัย” ชี้ยืดเลือกตั้ง 2-6 เดือน!
ความเคลื่อนไหวทางการเมืองสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) 2 ฉบับ คือ ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. เมื่อวันที่ 8 มี.ค. ซึ่งขั้นตอนต่อไป สนช.ต้องส่งร่าง พ.ร.ป.ทั้ง 2 ฉบับดังกล่าวให้นายกรัฐมนตรี เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ บังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป
ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 14 มี.ค. นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ได้ออกมาแสดงความเป็นห่วงว่า ร่าง พ.ร.ป.ทั้ง 2 ฉบับ อาจมีประเด็นที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ จึงเสนอให้ สนช.ส่งร่างทั้ง 2 ฉบับดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะหากปล่อยไปจนถึงเลือกตั้ง แล้วมีคนไปร้อง แล้วศาลบอกว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ จะกระทบต่อโรดแมปทันที
สำหรับประเด็นที่นายมีชัยห่วง ก็คือ ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่ห้ามคนไม่ไปเลือกตั้งเป็นข้าราชการการเมือง ซึ่งนายมีชัยสงสัยว่า เป็นการตัดสิทธิหรือเสรีภาพ ถ้าเป็นสิทธิ สามารถตัดได้ แต่ถ้าเป็นเสรีภาพ ตัดไม่ได้ และประเด็นการให้เจ้าหน้าที่ช่วยผู้พิการลงคะแนน ที่ให้ถือว่าเป็นการลงคะแนนโดยตรงและลับนั้น นายมีชัยมองว่า ไม่น่าจะใช่ และอาจขัดกับหลักรัฐธรรมนูญ
ส่วนร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ที่แยกผู้สมัครเป็น 2 ประเภท คือแบบอิสระและองค์กรนั้น นายมีชัยบอกว่า ในรัฐธรรมนูญให้เลือกกันภายในกลุ่ม จึงอาจมีปัญหาในทางปฏิบัติและในแง่ความสุจริตได้ ทั้งนี้ นายมีชัยได้ยื่นหนังสือเกี่ยวกับข้อห่วงใยดังกล่าวต่อนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.เมื่อวันที่ 14 มี.ค.
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายมองว่า หาก สนช.ยื่นร่าง พ.ร.ป.ทั้ง 2 ฉบับให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยจะกระทบต่อโรดแมปการเลือกตั้ง และมีการมองถึงขั้นว่า นี่อาจเป็นการสมคบคิดเพื่อยื้อเวลาเลือกตั้งออกไป โดยนายสมชัย ศรีสุทธิยากร 1 ในกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้ออกมายืนยันว่า หาก สนช.ยื่นร่าง พ.ร.ป. 2 ฉบับดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย จะส่งผลให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไป 2 เดือน “ใครที่บอกไม่กระทบโรดแมป ให้ไปเรียนบวกเลขใหม่ กรณีที่ไม่มีการยื่นศาล ต้องใช้เวลาเต็มที่ 330 วันหลังจากนายกฯ ทูลเกล้า คือ รอโปรดเกล้าฯ 90 วัน ชะลอการใช้ 90 วัน เวลาเลือกตั้งให้แล้วเสร็จ 150 วัน หากนายกฯ ทูลเกล้าฯ ในเดือน มี.ค.61 นับไป 11 เดือน คือ ก.พ.2562 กรณีที่มีการยื่นศาล ต้องทดเวลาเพิ่มอีก 2 เดือน เผื่อการวินิจฉัยของศาลไว้ประมาณเดือนครึ่ง และการนำกลับมาแก้เล็กหลังศาลวินิจฉัยอีกครึ่งเดือน การนับเวลาใหม่จึงเท่ากับ 390 วัน หรือ 13 เดือน แปลว่า วันเลือกตั้งจะเคลื่อนจากโรดแมปไปอีก 2 เดือน จากเดือน ก.พ.เป็นเดือน เม.ย.2562”
นายสมชัยกล่าวด้วยว่า ถ้าศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ผิดหรือขัดในสาระสำคัญ คงได้เห็นการยกร่างกันใหม่ทั้งฉบับ ซึ่งต้องใช้เวลายืดออกไปอีกอย่างน้อย 6 เดือน และว่า ใครที่บอกว่า ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.ไม่เสร็จ ก็ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับการเลือกตั้ง ส.ส. ขอบอกสั้นๆ รัฐธรรมนูญบอกให้เลือก ส.ว.ให้เสร็จก่อนการเลือกตั้ง ส.ส.15 วัน ไม่มี ส.ว.ก็ไม่มี ส.ส. หมากนี้ลึกซึ้งยิ่ง ขึ้นอยู่กับว่า ใครจะเป็นจำเลยให้สังคม ระหว่าง 25 สนช.ที่จะเป็นผู้ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย หรือนายกฯ ถ้าโรดแมปต้องเลื่อนไปอีก 2-6 เดือน
ด้านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) มองว่า การส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ไม่มีการกำหนดระยะเวลาในการพิจารณาของศาล อาจจะใช้เวลา 6 เดือน หรือ 1 ปี หรือมากกว่านั้น เชื่อว่ากระทบโรดแมปแน่นอน และสรุปได้ว่า เป็นทฤษฎีสมคบคิดผลัดกันเล่น
ขณะที่นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย(พท.) ก็มองว่า เรื่องนี้ดูเหมือนมีเบื้องหน้าเบื้องหลังว่า แท้จริงแล้วต้องการอะไรกันแน่ การยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยน่าจะมีวาระซ่อนเร้น ส่วนจะเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ เพื่อหาเหตุเลื่อนวันเลือกตั้งหรือไม่ สังคมก็อาจคิดได้
ล่าสุด เมื่อวันที่ 16 มี.ค.นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.เผยว่า มีสมาชิก สนช.30 คน นำโดยนายกิตติ วะสีนนท์ เสนอเรื่องให้ตนยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.เพียงฉบับเดียว เนื่องจากร่างฉบับนี้อาจมีผลกระทบต่อกระบวนการได้มาซึ่ง ส.ว.ทั้งหมด ซึ่งตนจะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญในวันจันทร์ที่ 19 มี.ค.นี้ ส่วนร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.นั้น สนช.เกือบทั้งหมดเห็นว่าไม่ขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ แต่อาจขัดต่อเจตนารมณ์ของผู้ร่างรัฐธรรมนูญเท่านั้น
ส่วนความคืบหน้าการจดแจ้งจัดตั้งพรรคใหม่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีพรรคที่ถูกจับตาว่าน่าจะเป็นพรรคนอมินีของพรรคเพื่อไทย คือ พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งขอจดแจ้งจัดตั้งโดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รองประธานกรรมการบริหารไทยซัมมิทกรุ๊ป เป็นหลานของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร นอกจากนี้ยังมีผู้ร่วมก่อตั้งพรรค คือ นายปิยบุตร แสงกนกกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนักวิชาการกลุ่มนิติราษฎร์ ที่เคยเคลื่อนไหวให้ยกเลิกกฎหมายอาญา มาตรา 112 เกี่ยวกับการเอาผิดคนหมิ่นสถาบันฯ
3.“แผน” พยานฝั่งครูปรีชา ดิ้นหนีข้อหาให้การเท็จ ฟ้องดะ “ผบช.ก.-ผบก.ป.” ด้าน “หมวดจรูญ” แจ้งจับ “แผน” แล้ว!
ความคืบหน้าคดีหวยอลเวง 30 ล้าน ที่สองฝ่ายต่างอ้างความเป็นเจ้าของ ระหว่าง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตตำรวจ และนายปรีชา ใคร่ครวญ ครูโรงเรียนเทพมงคลรังษี จ.กาญจนบุรี ซึ่งครูปรีชา แจ้งความดำเนินคดีหมวดจรูญ กล่าวหาว่าหมวดจรูญเก็บลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลที่ 1 ของตนไป โดยตอนแรกตำรวจภูธรภาค 7 สรุปว่า ลอตเตอรี่เป็นครูปรีชา แต่ภายหลัง ตำรวจกองปราบฯ ที่เข้ามาดูคดีแทน ได้พยานหลักฐานที่ยืนยันได้ว่า ลอตเตอรี่ดังกล่าวไม่ใช่ของครูปรีชา พร้อมดำเนินคดีครูปรีชา และนางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่น แม่ค้าที่อ้างว่าขายลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลที่ 1 ให้ครูปรีชา ฐานแจ้งความเท็จและข้อหาอื่นๆ รวม 3 ข้อหา นอกจากนี้ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(บก.ปปป.) ยังได้ดำเนินคดี พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล อดีต ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ฐานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ด้วย โดยมีแนวโน้มจะกันตำรวจอีก 2 นายไว้เป็นพยานนั้น
ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 12 มี.ค. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(ผบช.ก.) ได้ประชุมคณะพนักงานสอบสวนเพื่อคลี่คลายคดีหวย 30 ล้าน หลังประชุม พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รอง ผบช.ก.เผยว่า ตามที่นายฐนุกร เหลืองใหม่เอี่ยม หรือแผน (พนักงานขับรถธนาคารแห่งหนึ่ง) ได้กลับคำให้การ ไม่สามารถยืนยันได้ว่า ร.ต.ท.จรูญ เป็นผู้ก้มเก็บลอตเตอรี่ของนายปรีชาตามที่เคยให้การกับตำรวจภาค 7 จึงทำให้นายแผนตกเป็นผู้ต้องหาให้การเท็จ โดยจะเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 15 มี.ค. ส่วนพยานรายอื่นๆ ของครูปรีชา ทั้ง น.ส.พัชริดา พรมตา หรือเจ๊พัช และนางปณัญชญา สุขผล หรือเจ๊เกียว ตำรวจจะเรียกมาสอบปากคำเพิ่มว่าเข้าข่ายให้การอันเป็นเท็จในลักษณะเดียวกับนายแผนหรือไม่ ขณะที่ตำรวจ บก.ปปป.ได้ออกหมายเรียกให้ครูปรีชา เจ๊บ้าบิ่น และเจ๊พัช เข้ารับทราบข้อหาฐานสนับสนุนให้เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบในวันที่ 15-16 มี.ค.
ด้านนายแผน หลังรู้ว่าจะถูกออกหมายเรียกและถูกตำรวจดำเนินคดี ก็ได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออธิบดีศาลอาญา พร้อมอ้างว่า ที่ตนต้องให้การใหม่ เพราะ พล.ต.ท.ฐิติราชและผู้การกองปราบฯ แจ้งให้ไปพบพนักงานสอบสวน สภ.พนมทวน พอไปถึง พล.ต.ท.ฐิติราช พร้อมผู้การกองปราบฯ และตำรวจกว่า 30 นายได้ล้อมตน และบอกว่า ถ้าให้การเหมือนกับกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เช่นเดิม ติดคุกแน่ เพราะให้การเท็จ และแนะนำให้การใหม่ว่า “คลับคล้ายคลับคลา” และให้การตามที่ พล.ต.ท.ฐิติราชและคณะทำงานแนะนำจะไม่ติดคุกแน่ ตนเกิดความกลัว จึงหลงเชื่อตามคำแนะนำ
นอกจากนี้ นายแผนยังไปยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. พร้อมขอให้เปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน และสถานที่สอบสวนในคดีหวย 30 ล้าน
ขณะที่ พล.ต.ท.ฐิติราช ได้ออกมายืนยันว่า วันดังกล่าวตนไม่ได้เจอและไม่ได้เป็นผู้ซักถามนายแผนและนางกุ้ง จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะขู่และแนะนำให้นายแผนเปลี่ยนคำให้การ เพราะวันนั้นเน้นซักบุคคลที่เกี่ยวข้องกับสถานที่เกิดเหตุเท่านั้น จึงถือว่านายแผนจงใจให้การเท็จชัดเจน เพราะจากการตรวจสอบแล้วพบว่า เหตุการณ์ที่นายแผนกล่าวอ้าง ไม่สอดคล้องกับห้วงเวลาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์
ด้าน พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม ได้ออกมาชี้แจงว่า พล.ต.ท.ฐิติราช ไม่ได้สอบปากคำนายแผน ตนเป็นคนสอบปากคำนายแผนด้วยตนเอง และไม่เคยบังคับหรือข่มขู่ให้นายแผนเปลี่ยนคำให้การแต่อย่างใด และเป็นไปไม่ได้ที่จะมีตำรวจกว่า 30 นายล้อมนายแผน เพราะห้องที่ใช้สอบปากคำ เป็นห้องวิทยุเล็กของสถานี แค่ตำรวจ 5 คน ก็แน่นห้องแล้ว
ขณะที่นายแผนเดินหน้าฟ้องดำเนินคดี พล.ต.ท.ฐิติราช และ พล.ต.ต.ไมตรี โดยยื่นฟ้องที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบเมื่อวันที่ 15 มี.ค. ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้ผู้หนึ่งผู้ใดได้รับความเสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม โดยใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งโดยมิชอบ เพื่อแกล้งให้บุคคลนั้นรับโทษหรือโทษหนักขึ้น จากกรณีออกหมายเรียกให้ตนมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาในเวลากระชั้นชิด คือ ออกหมายเรียกวันที่ 14 มี.ค. โดยให้มาพบวันที่ 15 มี.ค. และกรณีกล่าวหาว่าเปลี่ยนแปลงคำให้การเรื่องคนเก็บลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 เป็นที่น่าสังเกตว่า นายแผนเดินทางมาศาลพร้อมกับ น.ส.กนกพรรณ หมวกไสว หรือฟ้า คนสนิทครูปรีชา และทนายความ
นอกจากนี้นายแผนยังเข้ายื่นหนังสือถึงกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) รับคดีหวย 30 ล้านเป็นคดีพิเศษด้วย โดยอ้างว่า ถูกตำรวจกองปราบฯ ชุดคอมมานโดสะกดรอยติดตาม ขณะที่ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป.ยืนยันว่า สิ่งที่นายแผนอ้าง ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด คดีนี้ยังไม่มีความจำเป็นหรือมีเหตุสำคัญที่จะต้องใช้ตำรวจคอมมานโดติดตาม
ทั้งนี้ ตำรวจกองปราบฯ ได้ออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ให้นายแผนมารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 21 มี.ค.นี้ หลังนายแผนไม่ยอมเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกเมื่อวันที่ 15 มี.ค.
ขณะที่หมวดจรูญ ได้แจ้งความต่อตำรวจกองปราบฯ ให้ดำเนินคดีนายแผนข้อหาให้การเท็จ กล่าวหาว่าตนเก็บลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ได้ พร้อมเผยว่า นายแผนเคยเดินทางมาบ้านตนเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2560 โดยเป็นผู้ขับรถพาเจ้าหน้าที่ธนาคารมาพบที่บ้านพัก เนื่องจากตนต้องการปรึกษาหารือเกี่ยวกับทนายความ เพราะขณะนั้นยังไม่มีทนายความส่วนตัวที่จะต่อสู้เรื่องคดีความ ซึ่งเจ้าหน้าที่ธนาคารได้ให้คำแนะนำต่างๆ หมวดจรูญยืนยันด้วยว่า ไม่ได้รู้จักนายแผนเป็นการส่วนตัว และไม่ทราบวัตถุประสงค์ที่แท้จริงว่าต้องการอะไรจึงได้กล่าวหาว่าตนเก็บลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ได้
ส่วนความเคลื่อนไหวของครูปรีชานั้น เมื่อวันที่ 15 มี.ค. ครูปรีชา พร้อมด้วยเจ๊บ้าบิ่น และเจ๊พัช ได้เข้าพบตำรวจ บก.ปปป.ตามหมายเรียก ต่อมา พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป.เผยว่า ได้สอบปากคำบุคคลทั้งสาม เบื้องต้นแจ้งข้อหาสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ประพฤติมิชอบตามมาตรา 157 โดยพฤติการณ์ของทั้งสามมีลักษณะเดียวกัน คือรับรู้ในการเปลี่ยนแปลงคำให้การทั้งหมด พร้อมทั้งเป็นผู้ที่เซ็นคำให้การของตำรวจภูธรภาค 7 หลังแจ้งข้อกล่าวหา และทั้งสามให้การปฏิเสธ ตำรวจได้ปล่อยตัวกลับ เพราะทั้งหมดเป็นฝ่ายเข้าพบตำรวจ และไม่มีพฤติกรรมหลบหนี
4.ศาลฎีกาอนุญาต “อริสมันต์” ประกันตัว-ห้ามออกนอก ปท. รอศาลฎีกาพิพากษาคดีล้มประชุมอาเซียนซัมมิทที่พัทยา!
เมื่อวันที่ 15 มี.ค. มีข่าวว่า ศาลฎีกาอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) จำเลยในคดีบุกล้มการประชุมอาเซียนซัมมิทที่พัทยา ที่อยู่ในชั้นการพิจารณาของศาลฎีกา โดยตีราคาประกัน 2,200,000 บาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร พร้อมคาดว่าจะได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในวันที่ 16 มี.ค.
ปรากฏว่า ช่วงค่ำวันที่ 16 มี.ค. พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ออกมายืนยันข่าวดังกล่าว โดยบอกว่า ได้รับรายงานจากนายกฤช กระแสร์ทิพย์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครว่า ศาลจังหวัดพัทยาได้อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวนายอริสมันต์ โดยหนังสือปล่อยตัวจากเรือนจำต้นสังกัดนายอริสมันต์ คือเรือนจำจังหวัดพัทยา มาถึงเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในเวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 16 มี.ค. จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ปล่อยตัวนายอริสมันต์ในเวลา 22.00 น.
ทั้งนี้ นายอริสมันต์ มีคดีอยู่ 3 คดี คดีแรกคดีหมิ่นประมาทนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่นายอริสมันต์ปราศรัยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และหน้าทำเนียบรัฐบาล กล่าวหานายอภิสิทธิ์ทำนองว่า การบริหารงานของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ กู้ยืมเงินมาเพื่อทุจริตคดโกง มีการหยิบยกเรื่องสถาบันมากล่าวอ้าง และกล่าวหาว่าเป็นผู้หน่วงเหนี่ยวคำร้องฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับนายทักษิณ ชินวัตร ทำให้ล่าช้า รวมถึงสั่งทหารฆ่าประชาชน ปล้นอำนาจจากประชาชน และไม่ดำเนินการตรวจสอบการทุจริตในโครงการต่างๆ ซึ่งศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 21 เม.ย.2560 ให้จำคุกนายอริสมันต์ รวม 2 กระทง กระทงละ 6 เดือน เป็นจำคุก 12 เดือน ซึ่งนายอริสมันต์ได้รับโทษครบกำหนดแล้วเมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา
คดีที่ 2 คดีก่อการร้าย ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ส่วนคดีที่ 3 คดีบุกล้มการประชุมอาเซียนซัมมิท ที่พัทยา ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 21 มี.ค.2560 ให้จำคุกนายอริสมันต์กับพวกคนละ 4 ปี ไม่รอลงอาญา ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวนายอริสมันต์ และถูกนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำพัทยา ก่อนจะย้ายมาอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อรอศาลตัดสินในชั้นฎีกา กระทั่งล่าสุด เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา ศาลฎีกาได้มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวนายอริสมันต์ พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
มีรายงานจากทีมทนายความ นปช.ว่า เหตุผลสำคัญที่ศาลฎีกาอนุญาตให้ประกันตัวนายอริสมันต์ เนื่องจากจำเลยร่วมอื่นในคดีนี้ ศาลอนุญาตให้ประกันตัวไปหมดแล้ว และผู้พิพากษาในคดีนี้ได้รับรองการยื่นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงครบแล้ว ตามที่จำเลยได้ยื่นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไป โดยการยื่นประกันตัวนายอริสมันต์ครั้งนี้ ถือเป็นการยื่นครั้งที่ 2
5.ศาลพิพากษาจำคุก “เสก โลโซ” 5 วัน ไม่รอลงอาญา กรณียิงปืนขึ้นฟ้าในวัด ก่อนอนุญาตประกันตัว!
เมื่อวันที่ 15 มี.ค. ศาล จ.นครศรีธรรมราช ได้อ่านคำพิพากษาคดีที่อัยการจังหวัดนครศรีธรรมเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายเสกสรรค์ ศุขพิมาย หรือ "เสก โลโซ" นักร้องชื่อดัง กรณีใช้อาวุธปืนพกยิงขึ้นฟ้าในบริเวณวัดเขาขุนพนม อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช เมื่อปลายเดือน ธ.ค.2560
ทั้งนี้ ศาลได้พิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ แต่จำเลยเป็นบุคคลสาธารณะ มีชื่อเสียง สมควรเป็นแบบอย่างที่ดียิ่ง และต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมมากกว่าบุคคลทั่วไป เนื่องจากสามารถเป็นที่จดจำได้ง่าย อาจเป็นแบบอย่าง ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระทำผิด หากถูกเผยแพร่ อาจเป็นบรรทัดฐานให้บุคคลอื่นอ้างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หลงผิดก่อเหตุในทำนองเดียวกันได้
ส่วนคุณงามความดีในอดีต การช่วยเหลือสังคมต่างๆ ของจำเลยที่ผ่านมา แม้ควรส่งเสริม แต่ไม่สามารถลบล้างความผิดได้ เนื่องจากเป็นคนละส่วนกัน อย่างไรก็ตาม ศาลเห็นว่า กฎหมายควรใช้บังคับอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน มาตรฐานเดียวกัน ไม่ว่าผู้กระทำผิดจะมีสถานะทางสังคมเพียงใด คดีนี้ ศาลจึงใช้ดุลยพินิจโดยไม่อิงสถานะทางสังคมของจำเลยเป็นคุณให้เบาลงหรือเป็นโทษให้หนักขึ้น แต่จะพิจารณาตามพฤติการณ์ตามฟ้องโจทก์ ประกอบพยานหลักฐานในสำนวนเป็นสำคัญ ฐานพกพาอาวุธปืนมีทะเบียนของตนเองไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุสมควร
ศาลยังระบุด้วยว่า ความผิดฐานยิงปืนโดยใช่เหตุ แม้ไม่มีผู้ใดได้รับความเสียหาย แต่จำเลยกระทำในศาสนสถาน ยิงปืนมากถึง 10 นัด ถือว่าไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อความเดือดร้อน กระสุนปืนแต่ละนัดอาจสร้างความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สินของผู้อื่น และเป็นความผิดสำเร็จทันทีโดยไม่จำเป็นต้องมีผู้เสียหาย กรณีดังกล่าวสุ่มเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ จึงไม่ถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย
ดังนั้นเพื่อให้จำเลยหลาบจำ มิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลอื่น ทั้งยังเป็นการป้องปรามและจัดระเบียบสังคมให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงเห็นสมควรลงโทษจำคุกจำเลย 10 วัน ฐานพกพาอาวุธปืนไปในเมืองฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต และปรับ 4,000 บาท ฐานยิงปืนโดยใช่เหตุ แต่จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลย 5 วัน และ ปรับ 2,000 บาท โดยไม่รอลงอาญา ส่วนของกลางที่เจ้าพนักงานยังคงเก็บรักษาไว้ เป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำผิด ศาลจึงให้ริบของกลาง
หลังฟังคำพิพากษา เสก โลโซ ได้ขอประกันตัวเพื่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ ซึ่งศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยตีราคาประกัน 1.5 แสนบาท