MGR Online - ผบก.ป.นัด “แผน” พยานครูปรีชาอ้างเห็นลุงจรูญเก็บลอตเตอรี่ก่อนกลับคำให้การ รับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 15 มี.ค. ยันไม่ได้ข่มขู่ เตรียมเอาผิด “ดร.เทอดศักดิ์” กองเชียร์ครูปรีชา นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โพสต์ข้อความใส่ร้าย ตร.
วันนี้ (13 มี.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 15.00 น. นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. เพื่อยื่นหนังสือร้องทุกข์ขอให้มีการเอาผิดต่อนายเทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา ในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ, ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน จากกรณีที่มีการโพสต์วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของตำรวจกองปราบปรามในคดีลอตเตอรี่ 30 ล้านบาท
นายอัจฉริยะกล่าวว่า สำหรับการเดินทางมาเข้าพบตำรวจกองปราบปรามในวันนี้เพื่อต้องการให้เจ้าหน้าที่เอาผิดต่อนายเทอดศักดิ์ ที่ปรึกษาทางคดีของครูปรีชา จากกรณีที่ได้มีการโพสต์ข้อความใส่ร้ายอันเป็นเท็จแก่ตำรวจกองปราบปรามที่ทำคดีลอตเตอรี่ 30 ล้านบาท โดยเนื้อหาข้อความที่นายเทอดศักดิ์โพสต์ในเฟซบุ๊กนั้นมีใจความว่า ตลอดช่วงเวลาที่ นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา และนางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือ เจ๊บ้าบิ่น ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวอยู่นั้นได้มีการบีบบังคับให้ทั้งคู่ยอมรับสารภาพ หากรับสารภาพโทษจะเบาลงไม่กระทบต่อตำแหน่งข้าราชการของครูปรีชา แต่ทั้งครูปรีชาและเจ๊บ้าบิ่นก็ยังคงยืนกรานตามคำให้การเดิม โดยเรื่องดังกล่าวนั้นไม่เป็นความจริง ทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในการทำงานของตำรวจกองปราบปรามและเสียหายต่อภาพลักษณ์ขององค์กร
ด้าน พล.ต.ต.ไมตรีกล่าวว่า สำหรับคดีลอตเตอรี่ 30 ล้านบาทนั้น ชุดคลี่คลายคดีของ บช.ก.ได้แบ่งกลุ่มผู้เกี่ยวข้องออกเป็น 3 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกเป็นกลุ่มบุคคลที่ใกล้ชิดกับเรื่องราว คือ ครูปรีชา และเจ๊บ้าบิ่น ส่วนกลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มของพยาน ก็ได้มีการดำเนินการไปในส่วนหนึ่ง และส่วนกลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มกองเชียร์หรือกลุ่มบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องแต่มีการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของตำรวจ ในส่วนนี้ก็ได้มีการจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาคอยตรวจสอบความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์ข้อความทางสื่อสังคมออนไลน์ การให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนต่างๆ ซึ่งทางคณะทำงานเมื่อได้รับข้อมูลแล้วก็จะมาพิจารณาว่าเป็นการกระทำที่เข้าข่ายทำให้องค์กรตำรวจเสียหายหรือไม่
พล.ต.ต.ไมตรีกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีของนายเทอดศักดิ์ก่อนหน้านี้ทางตนก็พอทราบข้อมูลมาบ้างแล้ว เรื่องราวที่นายเทอดศักดิ์กล่าวอ้างนั้นไม่เป็นความจริง จึงจำเป็นต้องมีการดำเนินการทางกฎหมายเพื่อเป็นการปกป้องศักดิ์ศรีของหน่วยงาน ส่วนจะดำเนินการในข้อหาอะไรนั้นคงต้องพิจารณาให้แน่ชัดก่อนว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดใดบ้าง หลังจากนี้อาจจะมอบหมายส่งตัวแทนเข้าร้องทุกข์แจ้งความดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.ไมตรียังกล่าวถึงกรณีที่นายฐนุกร เหลืองใหม่เอี่ยม หรือแผน พยานที่อ้างว่าเป็นผู้เห็น ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ก้มเก็บลอตเตอรี่ เดินสายเข้าร้องเรียนตามหน่วยงานต่างๆ ว่าถูกตำรวจกองปราบปรามบังคับให้กลับคำให้การและข่มขู่ว่าจะจับติดคุกหากไม่ยอมรับสารภาพว่า สำหรับนายแผนนั้นถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่ 2 ของคดี หรือกลุ่มพยานบุคคลในสำนวน ซึ่งเมื่อพิจารณาจากคำให้การเดิมในสำนวนของตำรวจ ภ.7 นั้นพบว่า เป็นการให้การเท็จทั้งสิ้น จึงได้มีการออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 15 มี.ค.ที่จะถึงนี้
พล.ต.ต.ไมตรีกล่าวต่อว่า วันนี้ทางด้านพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีก็ได้มีการลงพื้นที่สอบปากคำพยานเพิ่มเติมใน จ.กาญจนบุรี จึงได้ถือโอกาสนำหมายเรียกดังกล่าวไปให้แจ้งให้นายแผนรับทราบ ส่วนกรณีที่นายแผนไปร้องเรียนตามหน่วยงานต่างๆ นั้นก็เป็นสิทธิของเจ้าตัว ในส่วนนี้ขอยืนยันว่าทางกองปราบปรามไม่เคยบังคับหรือข่มขู่ให้นายแผนเปลี่ยนคำให้การแต่อย่างใด อีกทั้งในวันที่มีการเชิญตัวนายแผนมาให้ปากคำที่สถานีตำรวจทางหลวง 6 กก.2 บก.ทล. อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี นั้นตนเป็นผู้สอบปากคำด้วยตนเอง ทาง พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก.ไม่ได้เป็นผู้สอบ และห้องที่ใช้สอบปากคำนั้นก็เป็นห้องวิทยุเล็กของสถานี จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 30 นายเข้าไปกดดัน แค่อยู่ในห้อง 5 คนก็แน่นห้องแล้ว
“ขอยืนยันว่าไม่มีการบังคับใดๆ ทั้งสิ้น กรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้นผมขอยืนยันว่าไม่หนักใจ เพราะทุกคนตั้งใจทำหน้าที่ และปฏิบัติหน้าที่ตามแบบแผนความถูกต้อง” ผบก.ป.กล่าว