MGR Online - ผบก.ป. ปฏิเสธส่งตำรวจคอมมานโด คุกคามนายแผน พยานฝ่ายครูปรีชา ชี้ มีงานอื่นสำคัญกว่า ระบุร้องเรียน ดีเอสไอ รับคดีลอตเตอรี่ 30 ล้าน เป็นคดีพิเศษไม่มีผลต่อรูปคดี แนะหากบริสุทธิ์ใจให้สู้ตามกระบวนการยุติธรรม หลัง 21 มี.ค. หากยังไม่พบ
จนท. เพื่อรับทราบข้อหาตามหมายเรียก โดนหมายจับแน่
วันนี้ (17 มี.ค.) ที่ กองปราบปราม พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. กล่าวถึงกรณี นายฐนุกูล เหลืองใหม่เอี่ยม หรือ นายแผน พยานฝั่ง ครูปรีชา ใคร่ครวญ ผู้ต้องหาคดีลอตเตอรี่ 30 ล้านบาท เดินทางมายื่นหนังสือถึงกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้กระทรวงยุติธรรม มีคำสั่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI รับคดีลอตเตอรี่ 30 ล้าน เป็นคดีพิเศษ ว่า กรณีที่นายแผนจะยื่นคำร้องกับหน่วยงานใดๆ ก็ตาม ไม่มีผลต่อการทำงานและการสรุปสำนวนการสอบสวน เนื่องจากขณะนี้สำนวนคดีลอตเตอรี่ 30 ล้านบาท ระหว่าง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล และ ครูปรีชา มีความคืบหน้าไปมากแล้ว โดยสำนวนคดีถือว่าเกือบสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์
พล.ต.ต.ไมตรี กล่าวต่อว่า คดีดังกล่าวมีสำนวนที่ต้องส่งให้อัยการทั้งหมด 3 สํานวน ขณะนี้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ 1 สำนวน อีก 2 สำนวน ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบความสมบูรณ์ของพยานหลักฐานและสำนวนการสอบสวน เหลือเพียงการลงมติจากที่ประชุมคณะทำงานคดีดังกล่าวว่าจะส่งสำนวนทั้งหมดให้อัยการเมื่อไหร่ ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เวลาไม่เกินในเดือนนี้
ส่วนกรณีที่นายแผนอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจคอมมานโดสะกดรอยตามนั้น ขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เพราะคดีนี้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เจ้าหน้าที่ชุดคอมมานโดติดตามนายแผน เพราะเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวมีภารกิจที่จำเป็นและสำคัญมากกว่าการติดตามตัวนายแผน
พล.ต.ต.ไมตรี กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการออกหมายเรียกนายแผนเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาให้การเท็จนั้น ขณะนี้นายแผนได้ถูกออกหมายเรียกเป็นครั้งที่ 2 แล้ว โดยในหมายเรียกระบุให้นายแผนเข้ามาพบพนักงานสอบสวนที่กองปราบปรามในวันที่ 21 มีนาคมนี้ และเมื่อที่ 16 มีนาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามและสถานีตำรวจภูธรพื้นที่ได้นำหมายเรียกไปที่บ้านพักของนายแผนในจังหวัดกาญจนบุรี พบว่า มีคนอยู่ภายในบ้าน 1 คน จึงนำหมายเรียกมอบให้ และแจ้งให้ส่งข้อมูลดังกล่าวต่อให้นายแผน พร้อมทั้งถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งจากกรณีดังกล่าวเห็นได้ว่า เจ้าหน้าที่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องส่งชุดคอมมานโดไปส่งหมายเรียกให้ และตนเองมองว่าการนำหมายเรียกไปมอบให้ในขณะที่ไปร้องเรียนตามที่ต่างๆ เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม
“หากนายแผนบริสุทธิ์ใจ ก็ให้ต่อสู้กันตามกระบวนการยุติธรรมและเข้ามาพบกับพนักงานสอบสวน ซึ่งหากมีพยานหลักฐานก็สามารถใช้ต่อสู้ในชั้นศาลได้ ส่วนหลังจากวันที่ 21 มีนาคมนี้ หากนายแผนไม่เข้าพบตามหมายเรียกเจ้าหน้าที่พิจารณาออกหมายจับต่อไป” ผบก.ป. กล่าว