เมื่อเวลา 14.00น. ของวันที่12มิ.ย.2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัทผู้รับเหมาช่วง ของ จ.สตูล และ จ.นครศรีธรรมราช เข้าร้องศูนย์ดำรงธรรม จ.สตูล เพื่อขอความเป็นธรรมให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง การก่อสร้างวางสายเคเบิลใต้ทะเล และ บนบก ซึ่งเป็นโครงการใหญ่ระดับชาติ และเป็นโครงการแรกของภาคใต้ ที่พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาเปิดอย่างเป็นทางการในเดือนนี้
นายโชติวัฒน์ เพชรรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มะนังการช่าง จำกัดและ นางณรัชต์หทัย สุขจรัสภัฏ กรรมการผู้จัดการบริษัท ทองแสนขัน จำกัด ผู้ร้องเรียน 2 บริษัทนี้ ได้เข้าร้องเรียนกับศูนย์ดำรงธรรม จ.สตูลว่า บ.มะนังการช่าง ซึ่งตั้งอยู่ที่ จ.สตูล เป็นบริษัทที่รับเหมาการขุดเจาะวางท่อ ได้ทำสัญญาช่วงกับ บริษัทหนึ่งที่ได้รับการประมูลงาน จาก บ.ทีโอที จำกัด (มหาชน) ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นโครงการใหญ่ จะต้องใช้อุปกรณ์การขุดเจาะที่ได้มาตรฐานในการดำเนินการก่อสร้าง และได้รับงานมาตามสัญญาในวงเงินกว่า 7 ล้านบาท ซึ่ง บ.มะนังการช่าง ได้รับเงินแอดวานซ์ จำนวน 3 แสนบาท จากบริษัทผู้ว่าจ้าง และต่อมาได้เริ่มทำการขุดเจาะตามสัญญา และ ได้เบิกเงินจากบริษัทผู้ว่าจ้าง จำนวน 2 ล้านเศษ โดย บ.มะนังการช่าง ถูกหักเงินแอดวานซ์ไป 3 แสนบาท จึงได้รับเงินเพียงจำนวน 1 ล้านเศษ
ต่อมา บ.มะนังการช่าง ซึ่งมีปัญหาในเรื่องอุปกรณ์ในการขุดเจาะ จึงได้จ้างบริษัท ทองเเสนขัน จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ที่ จ.นครศรีธรรมราช ให้เข้ามาทำสัญญารับงานช่วงต่อจาก บ.มะนังการช่าง อีกบริษัทนึง ซึ่ง บ.ทองแสนขัน จำกัด เป็นบริษัทใหญ่ระดับประเทศ มีหน่วยงานรัฐและเอกชน รู้จักเป็นอย่างดี อีกทั้งเป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการทำงาน ทั้งบุคลากรและอุปกรณ์ที่สมบูรณ์ มีความทันสมัย และ บ.ทองแสนขัน จำกัด จึงได้เริ่มสั่งอุปกรณ์ ท่อและอื่นๆที่เกี่ยวกับการก่อสร้างงานในครั้งนี้ ตลอดจนแรงงาน มาดำเนินงานจนงานลุล่วงไป 90% จึงได้ทำหนังสือขอเบิกเงินจาก บ.มะนังการช่าง จำกัด และทางบริษัท มะนัง จึงได้ไปวางบิลไว้ กับบริษัทที่รับประมูลฯงาน อีกต่อนึง แต่บริษัทผู้รับประมูลเพิกเฉย ไม่ได้จ่ายเงินตามบิลที่วาง
ซึ่งทั้งสองบริษัท ได้ถูก บริษัทร้านค้าต่าง ๆ ที่ ไปเครดิต วัสดุอุปกรณ์ในการทำงานครั้งนี้มานับล้านบาท มีหนังสือทวงถามมา แต่ก็ยังไม่มีการชำระค่าใช้จ่ายให้กับร้านค้าในจำนวนเงินทั้งหมด แต่บริษัททั้งสองจะชำระให้กับร้านค้าเป็นงวดๆตามกำลังที่มีต่อมาทั้งสองบริษัทได้มีหนังสือไปยัง บ.ทีโอที จำกัด (มหาชน) เพื่อขอให้ช่วยเหลือ หรือ เป็นสื่อกลางทวงถาม บริษัท ที่ได้รับการประมูลฯให้มาชำระค่าจ้างกับทั้งสองบริษัท ที่ยังเบิกเงินไม่ได้ ทาง บ.ทีโอที จำกัด(มหาชน)จึงได้มีหนังสือตอบกลับมาว่า "จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว เนื่องจากทั้งสองบริษัทไม่ได้เป็นคู่สัญญากับ ทีโอที จึงไม่ขอเข้าไปยุ่งเกี่ยว และยังเตือนมาว่า ห้ามทั้งสองบริษัท กระทำการใดๆกับทรัพย์สินของทาง ทีโอที ซึ่งเป็นทรัพย์สินทางปัญญา "แต่ข้อเท็จจริงแล้ว ตั้งแต่เริ่มขุด จนวางระบบ มาจนเกือบเสร็จนั้น เป็นเงินของ บ.มะนังการช่าง และ บ.ทองแสนขัน ทั้งสิ้น และจะเป็นของ ทีโอที ได้อย่างไร เพราะทั้งสองบริษัทก็ไม่ได้มีสัญญากับ ทีโอที เช่นกัน เพียงแค่ต้องการให้ บ.ทีโอที จำกัดมหาชน พูดคุย กับผู้รับการประมูลฯงานของ ทีโอที เท่านั้น
จากนั้นทั้งสองบริษัทจึงมีการปรึกษาหารือกันและไปแจ้งความกับ สภ.ละงู จ.สตูล พร้อมกับทำหนังสือคัดค้านการส่งมอบงาน ถึง ทีโอที ซึ่งมีข้อความว่า "ขอให้ บ.ทีโอที จำกัด(มหาชน )ระงับการรับมอบงานของ บริษัทผู้ได้รับการประมูลดังกล่าว ซึ่งบริษัทที่รับการประมูลมานั้นยังติดค้างเงินจ้างช่วงกับทั้งสองบริษัทอยู่ กว่า4ล้านบาทและที่สำคัญผู้ได้รับงานประมูลฯไม่ได้เป็นผู้ลงมือทำงานตั้งแต่เริ่ม ไม่ว่าจะเป็นสเป๊กการทำงานทั้งหมด หรือแม้กระทั่ง วิศวกรควบคุมการก่อสร้างก็เป็นของ บริษัท มะนังการช่าง และ บริษัท ทองแสนขัน ทำให้การส่งมอบงานนั้นไม่เป็นไปตามระเบียบขั้นตอน และปัจจุบันทั้งสองบริษัทก็ยังไม่ได้มีการส่งมอบงานให้กับใครเลย
บ.ทองแสนขัน ยังได้บอกกับสื่อมวลชนส่วนกลางอีกว่าตนทำงานมากับหลายๆบริษัทใหญ่ก็ไม่เคยมีปัญหาดังกล่าว ตนเคยได้เป็นผู้รับการประมูลฯงานมามากมายและทุกหน่วยงานจะรู้จักบริษัทตนดี ทาง บ.ทองแสนขัน และ บ.มะนังการช่าง ทั้งสองบริษัท ได้มาร้องเรียนกับสื่อมวลชนส่วนกลาง ว่าการส่งมอบงานชิ้นสำคัญของประเทศนั้น บริษัทที่ได้รับการประมูลฯได้ส่งมอบงานกับทีโอทีแล้วนั้นได้เป็นไปตามระเบียบของกฏหมายหรือไม่
ทางผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ อ.ละงู จ.สตูล ซึ่งเป็นบริเวณหน้างานที่ขุดเจาะ ก็พบว่างานดังกล่าวเป็นงานยากมาก ต้องใช้อุปกรณ์การทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงอย่างมาก ซึ่งการวางสายเคเบิลข้ามระหว่างประเทศนั้นจะมีบริษัทยักษ์ใหญ่จากต่างชาติมารับงานเป็นช่วงๆ ของความถนัดแต่ละบริษัท ซึ่งการขุดเจาะบริเวณนี้ ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์วางสายเคเบิลที่สำคัญของภาคใต้ครั้งแรก
โดยในเดือนนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ จะเดินทางมาเปิด สถานีเคเบิลใต้น้ำที่นี่ด้วย และหากเรื่องนี้ถึงหู ท่านนายรัฐมนตรี ว่ามีการทำงานซับซ้อนและเกิดปัญหา อะไรจะเกิดขึ้น ทางทีมข่าวได้รับข้อมูลทั้งหมดไว้แล้ว และจะขุดคุ้ยหาความจริงมาแฉให้ทราบกันในเร็วๆ นี้
อีกทั้งในวันนี้ทางศูนย์ดำรงธรรม จ.สตูล ก็ได้รับเรื่องและจะประสานงานเรื่องต่อไป