ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - 2 บริษัทผู้รับเหมาเข้าร้องสื่อมวลชนส่วนกลาง ขอความเป็นธรรมให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีโครงการก่อสร้างวางสายเคเบิลใต้ทะเล และบนบกของ “ทีโอที” ซึ่งเป็นโครงการใหญ่ระดับชาติ และเป็นโครงการแรกของภาคใต้ที่ “บิ๊กตู่” จะเดินทางมาเปิดอย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้
วันนี้ (12 มิ.ย.) ผู้ร้องเรียน 2 บริษัทได้บอกต่อสื่อมวลชนว่า บริษัท มะนังการช่าง ซึ่งตั้งอยู่ที่ จ.สตูล เป็นบริษัทที่รับเหมาการขุดเจาะวางท่อ ได้ทำสัญญาช่วงกับบริษัทหนึ่งที่ได้รับการประมูลงานจากบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นโครงการใหญ่ จะต้องใช้อุปกรณ์การขุดเจาะที่ได้มาตรฐานในการดำเนินการก่อสร้าง และได้รับงานมาตามสัญญาในวงเงินกว่า 7 ล้านบาท ซึ่งบริษัท มะนังการช่าง ได้รับเงินแอดวานซ์ จำนวน 3 แสนบาท จากบริษัทผู้ว่าจ้าง และต่อมา ได้เริ่มทำการขุดเจาะตามสัญญา และได้เบิกเงินจากบริษัทผู้ว่าจ้าง จำนวน 2 ล้านบาทเศษ โดยบริษัท มะนังการช่าง ถูกหักเงินแอดวานซ์ไป จำนวน 3 แสนบาท จึงได้รับเงินเพียง จำนวน 1 ล้านบาทเศษ
ต่อมา บริษัท มะนังการช่าง ซึ่งมีปัญหาในเรื่องอุปกรณ์ในการขุดเจาะ จึงได้จ้างบริษัท ทองเเสนขัน จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ที่ จ.นครศรีธรรมราช ให้เข้ามาทำสัญญารับงานช่วงต่อจากบริษัท มะนังการช่าง อีกบริษัทหนึ่ง ซึ่งบริษัท ทองแสนขัน จำกัด เป็นบริษัทใหญ่ระดับประเทศ ที่มีหน่วยงานรัฐ และเอกชนรู้จักเป็นอย่างดี เป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการทำงาน ทั้งบุคลากร และอุปกรณ์ที่สมบูรณ์ มีความทันสมัย และบริษัท ทองแสนขัน จำกัด จึงได้เริ่มสั่งอุปกรณ์ ท่อและอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการก่อสร้างงานในครั้งนี้ ตลอดจนแรงงานมาดำเนินงานจนงานลุล่วงไป 90 เปอร์เซ็นต์ จึงได้ทำหนังสือขอเบิกเงินจากบริษัท มะนังการช่าง จำกัด และให้วางบิลไว้ แต่ไม่ได้จ่ายเงินตามบิลที่วางดังกล่าว
เนื่องจากบริษัทที่รับงานประมูลฯ มาจากทีโอทีนั้นก็ไม่ได้จ่ายเงินให้แก่บริษัท มะนังการช่าง ซึ่งทั้ง 2 บริษัทได้ถูกบริษัทร้านค้าต่างๆ ที่ไปเครดิตวัสดุอุปกรณ์ในการทำงานครั้งนี้มานับล้านบาท ได้มีหนังสือทวงถามมา แต่ก็ยังไม่มีการชำระค่าใช้จ่ายให้แก่ร้านค้าในจำนวนเงินทั้งหมด แต่บริษัททั้งสองจะชำระให้แก่ร้านค้าเป็นงวดๆ ตามกำลังที่มี
ต่อมา ทั้ง 2 บริษัทได้มีหนังสือไปยังบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เพื่อขอให้ช่วยเหลือ หรือเป็นสื่อกลางทวงถามบริษัทที่ได้รับการประมูลฯ ให้มาชำระค่าจ้างกับทั้ง 2 บริษัทที่ยังเบิกเงินไม่ได้ ซึ่งทางบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) จึงได้มีหนังสือตอบกลับมาว่า “จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องต่อเรื่องดังกล่าว เนื่องจากทั้ง 2 บริษัทไม่ได้เป็นคู่สัญญากับทีโอที จึงไม่ขอเข้าไปยุ่งเกี่ยว และยังเตือนมาว่า ห้ามทั้ง 2 บริษัทกระทำการใดๆ กับทรัพย์สินของทางทีโอที ซึ่งเป็นทรัพย์สินทางปัญญา”
แต่ข้อเท็จจริงแล้ว ตั้งแต่เริ่มขุดจนวางระบบมาจนเกือบเสร็จนั้น เป็นเงินของบริษัท มะนังการช่าง และบริษัท ทองแสนขัน ทั้งสิ้น และจะเป็นของทีโอทีได้อย่างไร เพราะทั้ง 2 บริษัทก็ไม่ได้มีสัญญากับทีโอทีเช่นกัน เพียงแค่ต้องการให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) พูดคุยกับผู้รับการประมูลฯ งานของทีโอทีเท่านั้น และทั้ง 2 บริษัทมีการปรึกษาหารือกัน และไปแจ้งความต่อ สภ.ละงู จ.สตูล พร้อมทำหนังสือคัดค้านการส่งมอบงาน ซึ่งมีข้อความว่า “ขอให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ระงับการรับมอบงานของบริษัทผู้ได้รับการประมูลดังกล่าว ซึ่งบริษัทที่รับการประมูลมานั้น ยังติดค้างเงินจ้างช่วงกับทั้ง 2 บริษัทอยู่กว่า 4 ล้านบาท และที่สำคัญผู้ได้รับงานประมูลฯ ไม่ได้เป็นผู้ลงมือทำงานตั้งแต่เริ่ม ไม่ว่าจะเป็นสเปกการทำงานทั้งหมด หรือแม้กระทั่งวิศวกรควบคุมการก่อสร้าง ก็เป็นของบริษัท มะนังการช่าง และบริษัท ทองแสนขัน ทำให้การส่งมอบงานนั้นไม่เป็นไปตามระเบียบขั้นตอนจึงจะถูกต้อง แต่จนปัจจุบันทั้ง 2 บริษัท ยังไม่ได้มีการส่งมอบงานให้แก่ใครเลย
บริษัท ทองแสนขัน ได้กล่าวต่อสื่อมวลชนส่วนกลางอีกว่า ตนทำงานมากับหลายๆ บริษัทใหญ่ก็ไม่เคยมีปัญหาดังกล่าว ตนเคยได้เป็นผู้รับการประมูลฯ งานประมูลฯ มามากมาย และทุกหน่วยงานจะรู้จักบริษัทตนดี บริษัท ทองแสนขัน และบริษัท มะนังการช่าง ทั้ง 2 บริษัทดังกล่าวได้มาร้องเรียนสื่อมวลชนส่วนกลางว่า การส่งมอบงานชิ้นสำคัญของประเทศนั้น บริษัทที่ได้รับการประมูลฯ ส่งมอบงานแก่ทีโอทีแล้ว ได้เป็นไปตามระเบียบกฎหมายหรือไม่
ทางผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ อ.ละงู จ.สตูล ซึ่งเป็นบริเวณหน้างานที่ขุดเจาะก็พบว่า งานดังกล่าวเป็นงานยากมาก ต้องใช้อุปกรณ์การทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงอย่างมาก ซึ่งการวางสายเคเบิลข้ามระหว่างประเทศนั้น จะมีบริษัทยักษ์ใหญ่จากต่างชาติมารับงานเป็นช่วงๆ ของความถนัดแต่ละบริษัท ซึ่งการขุดเจาะบริเวณนี้เป็นจุดยุทธศาสตร์วางสายเคเบิลที่สำคัญของภาคใต้ครั้งแรก
สำหรับโครงการนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ จะเดินทางลงมาเปิดสถานีเคเบิลใต้น้ำที่นี่ ในเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งหากผู้รับเหมาจากทีโอที ยังไม่มาตกลงจ่ายเงินค่าจ้างให้บริษัทผู้เสียหายทั้ง 2 บริษัท ก็จะทำหนังสือเพื่อร้องขอความเป็นธรรมจากนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ช่วยเหลือในเรื่องดังกล่าวต่อไป