โดนซะเอง! “เฟซบุ๊ก” เจอพิษ “ข่าวปลอม” ป่วนกรุง แจ้งเตือนระเบิดทั้งที่ไม่มีอยู่จริง

ระบบตรวจสอบสถานการณ์ความปลอดภัยผ่านเฟซบุ๊กเกิดความผิดพลาด ขึ้นข้อความ “เหตุระเบิดในกรุงเทพมหานคร” ทั้งที่ไม่มีอยู่จริง พบต้นตอมาจากเว็บ Bangkok Informer โพสต์ข่าวเก่า ผบช.น. ระบุเป็นการผิดพลาดของระบบ ขอประชาชนอย่าตกใจ

วันนี้ (27 ธ.ค.) ตั้งแต่ช่วงบ่ายที่ผ่านมา ได้เกิดเรื่องแตกตื่นขึ้นในสังคมออนไลน์ เมื่อมีการขึ้นข้อความ “การตรวจสอบสถานการณ์ความปลอดภัยผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า เป็นเหตุระเบิดในกรุงเทพมหานคร โดยให้เลือกระหว่าง “ฉันปลอดภัยดี” และ “ไม่อยู่ในพื้นที่”

หากมีคนกดว่า “ฉันปลอดภัยดี” ระบบก็จะโพสต์ไปที่หน้าวอลล์ของตนเอง สร้างความตื่นตกใจให้แก่เพื่อนบนเฟซบุ๊กที่พบเห็น ต่างสอบถามจำนวนมากว่าเกิดเหตุระเบิดจริงหรือไม่

นอกจากนี้ ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา ไม่พบว่ามีเหตุระเบิดเกิดขึ้นในกรุงเทพมหานครแต่อย่างใด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความตื่นตระหนกแก่ประชาชน และคาดว่า อาจส่งผลกระทบด้านการท่องเที่ยว ซึ่งในอีก 4 วันข้างหน้าก็จะเป็นวันสิ้นปี

ภาพที่ถูกส่งต่อในโลกออนไลน์ (ปัจจุบันได้ลบโพสต์ไปแล้ว)

ภาพที่ถูกส่งต่อในโลกออนไลน์ (ปัจจุบันได้ลบข่าวไปแล้ว)

รายงานข่าวแจ้งว่า ต้นตอมาจากเฟซบุ๊กเพจที่ชื่อว่า Bangkok Informer ได้เผยแพร่ข่าวเมื่อเวลา 11.25 น. ที่ผ่านมา ในหัวข้อ Thailand: Explosion rocks central Bangkok ซึ่งเป็นข่าวเก่าของบีบีซี เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 2558 อย่างไรก็ตาม ภายหลังทางเว็บไซต์ได้ลบข่าวนี้ทิ้งออกไป

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ เฟซบุ๊กได้ทดลองระบบคัดกรองข่าวปลอมในสหรัฐฯ เมื่อกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ให้ผู้ใช้งานแจ้งเตือนข่าวปลอมได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งร่วมมือกับองค์กรนอกบริษัทคัดกรองข่าว หลังถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าปล่อยให้ข่าวปลอมแพร่กระจายบนโลกออนไลน์ แต่ก็ยังไม่นำมาใช้กับประเทศไทย ที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กติดอันดับต้นๆ ของโลก

ด้าน พล.ต.ท ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้รับแจ้งว่าเป็นการผิดพลาดของระบบแจ้งเตือนของเฟซบุ๊ก ส่วนเหตุการณ์ระเบิดไม่ได้รับแจ้ง ขอให้ประชาชนอย่าตกใจ

ขณะที่ ออฟฟิเชียลไลน์ LINE ประเทศไทย ได้ขึ้นข้อความเมื่อเวลา 23.05 น. ระบุว่า “LINE ขอแจ้งให้ผู้ใช้งานทราบว่า ขณะนี้มีข่าวหรือข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงเผยแพร่อยู่บนโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก เกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดในกรุงเทพฯ LINE จึงขอความร่วมมือผู้ใช้งานทุกท่านในการไม่ส่งต่อหรือแชร์ข้อมูลดังกล่าว จาก LINE ประเทศไทย”