ช่วงส่งท้ายปีเก่า เข้า พ.ศ.ใหม่ ไม่มีสิ่งใดที่จะเป็นมงคลกับชีวิตเท่ากับการได้สดับตรับธรรมจากพระผู้เปี่ยมด้วยปฏิปาทาอันดีงาม เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์และหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ 360 องศา ขอน้อมนำคำสอนซึ่งเป็นดั่งพรอันวิเศษ เป็นพระธรรมคำเทศน์โดยพระเดชพระคุณ “สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์” (ป.อ.ปยุตโต)
ถึงแม้พรปีใหม่นี้ ท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์จะได้แสดงไว้ตั้งแต่ปีใหม่ 2553 สมัยท่านดำรงสมศักดิ์ที่ “พระพรหมคุณาภรณ์” แต่เพราะพระธรรมคำสอนนั้นเป็น “อกาลิโก” อยู่เหนือกาลเวลา แม้จะผ่านไปนานเพียงใด ธรรมที่แท้ ก็ยังคงเป็นธรรมที่แท้ เมื่อไตร่ตรองตามแล้ว ก็เกิดสติ เกิดปัญญา เพื่อจะดำเนินชีวิตต่อไปในวันข้างหน้า ดุจเดียวกัน
“.. การต้อนรับปีใหม่นั้นเป็นเรื่องของความสุข จะสนุกสนานกันอย่างไรก็ตาม
ถ้าไม่มีการเบียดเบียนกัน ไม่เบียดเบียนตน ไม่เบียดเบียนผู้อื่น
ไม่มีการทำให้เกิดความวุ่นวาย ก็ถือว่าดีทั้งนั้น
เพราะว่าทำให้จิตใจร่าเริง สดใส เป็นมงคล เป็นการเริ่มต้นที่ดี
ถ้าเราเริ่มต้นดีด้วยจิตใจที่เบิกบานผ่องใส ท่านเรียกว่าเป็นบุพนิมิต
จะนำมาซึ่งความสุขความเจริญงอกงามยิ่งขึ้นไปเหมือนกับว่าวันนี้เป็นต้นทุน
แล้วเราได้เริ่มตั้งทุนใหม่แล้วก็ตั้งต้นไว้ดีด้วย
นอกจากจิตใจที่ ดีงามและพฤติกรรมที่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแล้ว
ส่วนสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือปัญญา
รู้จักคิดคำนึงว่าต่อไปเราจะทำอะไร จะดำเนินชีวิตอย่างไร
กาลเวลาที่ผ่านไปกลืนกินสัตว์ทั้งหลายไปด้วย ไม่ผ่านไปเปล่า
ท่านจึงสอนให้เราใช้เวลาอย่างไม่ผ่านไปเปล่า
ให้รู้จักใช้ประโยชน์จากเวลา ต้องให้ได้อะไรบ้างไม่มากก็น้อย
การใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ก็อยู่ในหลักของความไม่ประมาทนั้นเอง
คือ เราต้องมีความกระตือรือร้น ขวนขวาย ไม่นิ่งนอนใจ ไม่เผอเรอ
ไม่ผิดเพี้ยน แต่ทำการต่างๆ ด้วยมีสติ ต้องทำกันตลอดเวลาทั้งปี
ถ้าเราจะให้ได้ประโยชน์จากปีใหม่นี้
จะต้องทำให้ได้ความหมายของความใหม่อย่างน้อย 3 อย่าง คือ
1. ต้องมีความสุขสดชื่น
2. ต้องมีความสะอาดสดใจ
3. ต้องมีพลัง มีความเข้มแข็ง มีเรี่ยวแรงที่จะเดินหน้าต่อไป
จะมีพลังแท้ต้องไม่ติดอะไร ตัวพลังความแข็งแรงที่แท้อยู่ที่ความเป็นอิสระ
ความไม่ถูกกีดกั้นจำกัด ไม่ถูกกักขัง ไม่ถูกผูกมัดจองจำ
ใครจะมีพลังแข็งแรงเท่าไรก็ตาม ถ้าหากว่าตกหลุมตกบ่อ จมปลัก
ถูกดูดกลืนไปแล้วหรือว่าถูกมัดแน่นหรือถูกขังไว้ กำลังเท่าไรก็ไม่มีประโยชน์
เพราะฉะนั้น พลังจะมีความหมายตรงที่มีความเป็นอิสระ
จะต้องสร้างพลังที่แท้คือความเป็นอิสระ
ซึ่งโดยสาระหรือแก่นแท้ของมันคือการมีจิตใจที่ไม่ถูกกิเลสครอบงำนั่นเอง
เมื่อมีความเป็นอิสระ โปร่งโล่งพร้อมแล้ว
ท่านก็บอกว่าให้มีพลังอื่นอีก ถ้าไม่รู้จะเติมพลังอย่างไร
ทำไปๆ บางทีพลังถอยลงไปทุกที
จึงต้องเติมพลัง พลังอีก 4 อย่าง
ซึ่งเป็นทุนสำคัญที่จะต้องมีไว้ประจำตัว ได้แก่
1. ปัญญาพลัง คือกำลังปัญญา
ถ้ามีปัญหาแต่ไม่มีปัญญาก็แก้ไม่ได้
ถ้ามีปัญญา ปัญหามาเท่าไรก็ไม่กลัว แก้ได้หมด
คนที่จะแก้ปัญหาจึงต้องพัฒนาปัญญาของตัวตลอดเวลา
ต้องแสวงหาความรู้ ต้องค้นคว้าเพิ่มพูนปัญญาอยู่เสมอ
สิ่งที่ควรย้ำมากกว่าการแสดงความเห็นคือการหาความรู้
ถ้าแสดงความเห็นโดยไม่มีความรู้ก็กลายเป็นความเห็นที่เลื่อนลอย ไม่มีประโยชน์
บางทีกลาวเป็นเหลวไหลไร้สาระไป
2. วิริยพลัง คือกำลังความเพียรพยายาม
คนที่มีความเพียรคือคนที่แกล้วกล้าเข้มแข็ง ใจสู้ ก้าวไปข้างหน้าเรื่อยไป
ความเพียรจึงเป็นพลังสำคัญที่จะทำให้งานเดิน
3. อนวัชชพลัง คือกำลังความสุจริต
คนที่มีความสุจริตก็จะมั่นใจตัวเอง และทำงานบุกได้เต็มที่
4. สังคหพลัง คือกำลังการประสานร่วมมือบำเพ็ญประโยชน์
การช่วยเหลือกัน การเกื้อกูลผู้อื่น การมีความร่วมมือสามัคคี
การทำประโยชน์แก่สังคมประเทศชาติ (ผูกใจไมตรีและร่วมมือกัน)
งานของเรามักจะมีจุดหมายมุ่งไปที่ข้อ 4 โดย 3
ข้อต้นจะเป็นตัวผลักดันให้เราก้าวไปข้อที่ 4
ถ้าทำงานไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้ทำประโยชน์อะไรก็จะมีพลังไม่สมบูรณ์
พลังที่ 4 จึงเป็นตัวที่มาคุมท้ายอีกทีให้ครบ
เมื่อเราได้ 4 ข้อนี้และมีฐานที่ดีคือความเป็นอิสระ
ตอนนี้ก็เดินหน้าได้เต็มที่ นี่คือคนมีพลัง ตอนที่จะเข้าสู่ปีใหม่
ถ้าเรามีพลังทั้งหมดที่ว่ามา ก็เรียกกว่าพร้อมที่จะเดินหน้า
ปีใหม่มีความหมาย 2 อย่าง
1. เป็นการต้อนรับวันเวลาต้อนรับเราตลอดทุกเมื่อ
เขาเปิดโล่ง เพราะเขาเตรียมจะกลืนเราอยู่แล้ว
เราเดินหน้าไปในเวลาก็เหมือนกับเราเข้าปากของเขามากเข้าไปเรื่อยๆ
2. เป็นการท้าทายกาลเวลาข้างหน้าเป็นการเดินทางอย่างหนึ่ง
เหมือนกับว่าเรากำลังจะเข้าสู่หน ทางที่เรายังไม่เคยเดิน
ไม่รู้ว่าข้างหน้าจะมีอะไร จะพบอะไร จะผจญภัยกับอะไร
ถ้าเรามีความไม่ประมาท เตรียมตัวให้พร้อม
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราจะต้องมีความสามารถที่จะรับมือ
และจะต้องเอามันมาใช้ เป็นแบบฝึกหัดพัฒนาตัวให้ได้
ขอให้ทุกท่านมีความร่มเย็นงอกงามในพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สามารถบำเพ็ญประโยชน์ทั้งแก่ชีวิตของตน แก่ครอบครัว แก่สังคมประเทศชาติและแก่เพื่อนมนุษย์ทั้งปวง ทำโลกและสังคมให้เป็นที่รื่นรมย์น่าอยู่อาศัยโดยทั่วกันทุกท่านตลอดปีใหม่ และตลอดไปทุกเมื่อ เทอญ...”
_________________________________________________
ข้อมูล : www.dhammajak.net