“แนวหน้า” ลาออกจากสภาการหนังสือพิมพ์ฯ อ้างเหตุตลอด 19 ปี ของการก่อตั้งสภาการฯ ไม่สามารถทำตามเจตนารมณ์ ควบคุมกันเองได้ ปล่อยให้สมาชิกเลือกข้าง เป็นเครื่องมือของผู้ไม่หวังดีต่อประเทศชาติ เตรียมลาออจากสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ เป็นลำดับถัดไป ด้าน ประธานสภาการฯ แจงเป็นสิทธิสมาชิกลาออก พร้อมเผยแก้ไขธรรมนูญสภาการฯ ทำงานเชิงรุก และทบทวนข้อบังคับจริยธรรมให้ทันสมัยยิ่งขึ้นแล้ว
วันนี้ (21 ก.ค.) เมื่อเวลา 06.00 น. เว็บไซต์ www.naewna.com ของหนังสือพิมพ์แนวหน้า ได้เผยแพร่ข่าวการลาออกจากสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติของหนังสือพิมพ์แนวหน้า โดยมีรายละเอียดว่า เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม นายผรณเดช พูนศิริวงศ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท หนังสือพิมพ์แนวหน้า จำกัด ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ เพื่อขอนำหนังสือพิมพ์แนวหน้าลาออกจากการเป็นภาคีสมาชิกสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ
หนังสือดังกล่าวได้ระบุเนื้อหาเอาไว้ว่า เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2540 เจ้าของกิจการหนังสือพิมพ์และบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ฉบับภาษาไทย อังกฤษ 25 ฉบับ จากจำนวนทั้งสิ้น 32 ฉบับ รวมทั้งองค์กรที่เกี่ยวข้องกับหนังสือพิมพ์ 10 องค์กร ได้ร่วมกันลงนามในบันทึกเจตนารมณ์จัดตั้ง “สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ” เพื่อเป็นองค์กรควบคุมกันเอง และส่งเสริมเสรีภาพและความรับผิดชอบยกระดับผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์และกิจการหนังสือพิมพ์ให้ดียิ่งขึ้น
ตลอดระยะเวลา 19 ปีเต็ม ที่หนังสือพิมพ์แนวหน้า เข้าร่วมเป็นภาคีสมาชิกของสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาตินั้น ได้ประพฤติปฏิบัติตามกรอบจริยธรรมและธรรมนูญของสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ อย่างเคร่งครัด รวมทั้งยังให้ความร่วมมือกับการทำหน้าที่และกิจกรรมของสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติด้วยดีตลอดมา
หากแต่เมื่อย้อนไปพิจารณาถึงเจตนารมณ์ของการจัดตั้งสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ซึ่งต้องการให้องค์กรควบคุมกันเอง และยกระดับผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ และกิจการหนังสือพิมพ์ให้ดียิ่งขึ้นนั้น ตลอดระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมา เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ไม่สามารถจะทำให้เป็นจริงได้ เพราะหนังสือพิมพ์แต่ละองค์กร มีการเลือกข้างอย่างชัดเจน ไม่ปฏิบัติตามกรอบจริยธรรมในการนำเสนอข่าว เป็นเครื่องมือของผู้ไม่หวังดีต่อประเทศชาติ ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นเหตุที่ทำให้สังคมแตกแยกจนถึงทุกวันนี้ และยังคงเป็นอุปสรรคต่อการปฏิรูปประเทศชาติ ขณะที่สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ไม่สามารถจะเข้าไปควบคุม หรือให้คุณให้โทษได้
สำหรับหนังสือพิมพ์แนวหน้า ตลอดระยะเวลา 36 ปีเต็มในการประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชน ได้พิสูจน์ให้สังคมเห็นถึงการเป็นองค์กรที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงจากประชาชน มีความเป็นมืออาชีพ นำเสนอข่าวอย่าง “ตรงไป ตรงมา” ตามปณิธานของหนังสือพิมพ์ รวมทั้งยังไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสียทั้งด้านจริยธรรมและจรรยาบรรณ
บัดนี้ หนังสือพิมพ์แนวหน้า ขอลาออกจากการเป็นภาคีสมาชิกของสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคมนี้ 2559 เป็นต้นไป และขอยืนยันว่า แม้จะมิได้เป็นภาคีสมาชิกของสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติแล้ว แต่หนังสือพิมพ์แนวหน้า ก็จะยังคงปฏิบัติหน้าที่ที่สื่อมวลชนที่ดี ยึดมั่นในกรอบจริยธรรมและจรรยาบรรณอย่างเคร่งครัด
มีรายงานข่าวแจ้งด้วยว่า หนังสือพิมพ์แนวหน้า กำลังพิจารณาที่จะลาอออกจากการเป็นสมาชิกสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ ในลำดับถัดไปด้วย
ด้าน นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ เปิดเผยว่า กรณีที่หนังสือพิมพ์แนวหน้าได้ยื่นหนังสือขอลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ โดยให้มีผลทันทีตั้งแต่วันนี้ (21 ก.ค.) เป็นต้นไปนั้น เป็นสิทธิของหนังสือพิมพ์แนวหน้าที่สามารถจะลาออกจากการเป็นสมาชิกของสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติได้ เนื่องจากระบบการทำงานของสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติในประเทศไทย เป็นระบบการควบคุมกันเองแบบสมัครใจ หนังสือพิมพ์ที่เป็นสมาชิกก็สามารถสมัคร หรือขอลาออกจากสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติได้ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในธรรมนูญ และข้อบังคับของสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ
ส่วนกรณีที่หนังสือพิมพ์แนวหน้าแจ้งเหตุผลในการลาออก ว่า เป็นเพราะตลอดระยะเวลา 19 ปี ของการก่อตั้งสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ไม่สามารถบรรลุเจตนารมณ์ในการควบคุมกันเอง และยกระดับผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์และกิจการหนังสือพิมพ์ให้ดีขึ้นได้นั้น ประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ กล่าวว่า ถือเป็นมุมมองที่แตกต่างไปของหนังสือพิมพ์แนวหน้า ในขณะที่หนังสือพิมพ์ฉบับอื่น ๆ อีกกว่า 50 ฉบับ ทั้งในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค ยังคงมุ่งมั่นที่จะสานต่อเจตนารมณ์ของการจัดตั้งสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ เพื่อกำกับดูแลกันเองทางด้านจริยธรรม รวมทั้งส่งเสริมเสรีภาพและความรับผิดชอบ และยกระดับผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ และกิจการหนังสือพิมพ์ให้ดีขึ้นต่อไป
“ปัจจุบัน สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติได้ดำเนินการแก้ไขธรรมนูญ เพื่อจัดตั้งคณะกรรมการจริยธรรมภายในองค์กรสมาชิก รวมทั้งยกระดับคณะอนุกรรมการพิจารณาเรื่องราวร้องทุกข์ขึ้นมาเป็นคณะกรรมการจริยธรรม เพื่อให้สามารถพิจารณาเรื่องร้องเรียนให้รวดเร็วขึ้น และมีการทำงานเชิงรุกในการกำกับดูแลจริยธรรมของสมาชิกให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งอยู่ระหว่างการทบทวนข้อบังคับว่าด้วยจริยธรรมแห่งวิชาชีพหนังสือพิมพ์ฯ ให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น ดังนั้น จึงเป็นเรื่องน่าเสียดายที่หนังสือพิมพ์แนวหน้าลาออกจากการเป็นสมาชิก ทำให้ไม่มีโอกาสที่จะร่วมกันผลักดันเจตนารมณ์ของการจัดตั้งสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติต่อไป” นายชวรงค์ กล่าว