โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยเอกสารบันทึกเจตนารมณ์ด้วยลายมือของนายกรัฐมนตรี ย้ำทุกส่วนต้องช่วยกันปฏิรูป ไม่ใช่แค่นักการเมือง กลุ่มการเมือง หรือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แก้ไขกับดักประเทศด้วยการสร้างการรับรู้ให้ประชาชนต้องรู้เท่าทัน พร้อมระบุต้องแก้ไขส่งเสริมความน่าเชื่อถือต่อการค้า การลงทุนของประเทศ กังวลการพูดจาให้ร้ายไม่เคารพกฎหมาย เสนอข่าวขัดแย้ง
วันนี้ (6 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 16.00 น. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้นำเอกสารขนาด A4 ที่เขียนโดยลายมือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ระบุถึงเจตนารมณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ ถึงความมีเสถียรภาพของประเทศในปัจจุบัน โดย พล.ต.สรรเสริญ สรุปใจความว่า นายกฯ เน้นย้ำการกำหนดอนาคตของประเทศไทยในระยะปฏิรูปที่ควรจะมีทั้งระยะปัจจุบัน หลังการเลือกตั้งและในอนาคต ไม่ควรถูกกำหนดโดยนักการเมืองหรือกลุ่มการเมืองหรือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแต่เพียงอย่างเดียว ซึ่งทุกส่วนต้องช่วยกันปฏิรูปวางพื้นฐานประเทศให้เข้มแข็งในระยะเปลี่ยนผ่านประชาธิปไตยไทยให้มีความมั่นคงต่อไปอย่างยั่งยืน แก้ไขปัญหาที่เป็นกับดักของประเทศไทยมาอย่างยาวนาน ด้วยการสร้างการรับรู้ของประชาชนให้มากขึ้นในทุกมิติ ประชาชนต้องรู้เท่าทันทำให้เกิดความสมดุลทั้งการเมือง การบริหารราชการแผ่นดิน การมีส่วนร่วม โดยไม่สร้างความขัดแย้ง ใช้ทรัพยากรของประเทศให้คุ้มค่า ยกระดับอาชีพและรายได้ของประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้น้อย และปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การประกอบการให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดอย่างเป็นธรรม ขณะที่ความสำเร็จขึ้นอยู่กับความร่วมมือของทุกฝ่าย ทุกคน ไม่ใช่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดยเมื่อประเทศชาติ ประชาชนมีความเข้มแข็งจากภายใน เราก็จะมีประชาธิปไตยที่ได้รับความน่าเชื่อถือและเป็นสากลโดยสมบูรณ์
ทั้งนี้ สิ่งที่เป็นปัญหามากที่สุด คือ ความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคงและความมีเสถียรภาพ การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยสิ่งที่ต้องแก้ไขเร่งด่วน คือ การส่งเสริมความน่าเชื่อถือต่อการค้า การลงทุนของประเทศ การปรับโครงสร้างด้านเศรษฐกิจการค้า การลงทุน และปรับโครงสร้างเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม การสร้างนวัตกรรม การศึกษา การวิจัย เพื่อให้สมดุลกับการยกระดับรายได้รัฐสวัสดิการในการดูแลประชาชนให้เหมาะสม และเป็นไปตามขีดความสามารถที่มีอยู่มากกว่าหวังผลทางการเมืองเพียงอย่างเดียว
นอกจากนี้ สถานการณ์ต่าง ๆ ในปัจจุบันมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ความเชื่อมั่นของประชาชนและต่างประเทศดีขึ้นตามลำดับ แต่สิ่งที่เป็นกังวลคือการพูดจาให้ร้ายไม่เคารพกฎหมาย ไม่ให้กระบวนการยุติธรรมทำงานตามหน้าที่ วิพากษ์วิจารณ์เพื่อไม่เกิดความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรม เสนอข่าวที่เป็นความขัดแย้ง โดยไม่จำเป็นแม้แต่เรื่องเล็กน้อย ทั้งเจตนาและไม่เจตนา ทำให้ประเทศไทยถูกมองว่ายังไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง ซึ่งเป็นอันตราย จึงขอความร่วมมือจากทุกพวกทุกฝ่ายอย่าสร้างหรือขยายความขัดแย้งกันอีกต่อไป โดยไม่จำเป็นแล้วต่างประเทศจะเข้าใจเราได้อย่างไร ในเมื่อเราเองยังไม่พยายามที่จะทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งของคนไทยลงลดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นทั้งในและต่างประเทศ