โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย เข้าขอขมาพระพยอม หลังเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวัน โวยบทสัมภาษณ์ใน นสพ.โพสต์ทูเดย์ ทำให้ “ธัมมชโย” เสียหาย อีกด้านทีวีธรรมกายโพสต์พวกเห่าตลอดเวลาเหมือนสุนัข ส่อเหน็บดีเอสไอ
วันนี้ (10 มิ.ย.) ที่วัดสวนแก้ว อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เมื่อเวลา 09.00 น. นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย พร้อมด้วย น.ส.กรรณิการ์ อยู่ศรี รองโฆษก และคณะ ประมาณ 10 คน เข้ากราบนมัสการพระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว หลังก่อนหน้านี้ มีข่าวว่า น.ส.กรรณิการ์ ได้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พร้อมนำหลักฐานบทสัมภาษณ์พระพยอมที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ 5 มิ.ย. ในหัวข้อ “พระพยอม อ่านเกมธัมมชโย แนะตัดเสบียง ส่งทหารปิดล้อม” อ้างว่าเป็นการกล่าวเท็จ บิดเบือน ทำให้ผู้รับข้อมูลข่าวสารเข้าใจผิด และสร้างความเสื่อมเสียให้กับพระเทพญาณมหามุณี หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ที่ถูกออกหมายจับในข้อหาฟอกเงินและรับของโจร ในคดีสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น
คณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ระบุว่า ก่อนหน้านี้ ได้มีสื่อมวลชนนำบทสัมภาษณ์ของพระพยอม ไปเผยแพร่และใช้ถ้อยคำพาดหัวรุนแรง จนอาจส่งผลให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ไม่ตรงไปตามความเป็นจริง นำสู่ความเข้าใจผิดและสร้างความเสื่อมเสียต่อพระธัมมชโย คณะศิษยานุศิษย์ และวัดพระธรรมกาย จึงได้มีการไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เพื่อเป็นหลักฐานป้องกันไม่ให้เกิดการเข้าใจผิดและสร้างความแตกแยกในหมู่ชาวพุทธด้วยกัน
“พระพยอมได้กล่าวถึงกรณีข้างต้นว่า ข้อมูลที่ได้รับอาจไม่ครบถ้วน และการนำเสนอของสื่อตัวกลางอาจชี้นำให้เกิดความเข้าใจผิด จึงได้ออกมากล่าวขอโทษผู้เกี่ยวข้องแล้ว คณะศิษยานุศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย จึงได้เข้ากราบนมัสการขอบคุณและขอขมาลาโทษต่อพระพยอม หากได้กระทำผิดพลาดล่วงเกิน ทั้งทางกาย วาจา ใจ แม้โดยไม่ตั้งใจ หรือมีเจตนาลบหลู่ดูหมิ่นก็ตาม แต่เพื่อความบริสุทธิ์บริบูรณ์ในฐานะพุทธมามกะและเชื่อมสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นในฐานะพุทธบริษัท 4 ที่ต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียวสืบไป” คณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย กล่าว
อย่างไรก็ตาม พระพยอมได้ยืนยันว่า มีความหวังดีต่อพระพุทธศาสนา และไม่อยากเห็นความขัดแย้งเกิดขึ้น รวมทั้งไม่ได้มีเจตนาในการจะให้ร้ายแก่วัดพระธรรมกาย
“การลดทิฐิเป็นการทำบุญใหญ่กว่าครั้งไหน ๆ เพราะการลดทิฐิ หรือ ลดอีโก้ (Ego) เราถือว่าเป็นกิเลส เป็นความทุกข์ ฉะนั้น การที่สองฝ่ายร่วมกันรีบขอโทษไว ๆ รีบให้อภัยเร็ว ๆ มันเป็นเรื่องความสุขของชีวิต ทำอะไรก็ไม่สุขใจเท่ากับโล่งใจ สบายใจ เพราะคนที่นับถืออาตมากับธรรมกาย บางทีก็มีเหมือนกัน เผื่อว่าในวันหน้าเขาบอกว่า เราอย่าเกลียดกันเต็มที่ เผื่อไว้ดีกันบ้าง เราจะรักกันก็รักกันสุดหัวใจ เผื่อวันไหนทะเลาะกันจะได้เบา ๆ” พระพยอม กล่าว
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. พระพยอมได้เขียนบทความในหนังสือพิมพ์โลกวันนี้ ในหัวข้อ “พร้อมเผชิญ สุข-ทุกข์” ระบุถึงเหตุการณ์ลูกศิษย์ของวัดพระธรรมกายได้แจ้งความในทำนองเหมือนให้สัมภาษณ์ใส่ร้ายพระธัมมชโย ในตอนหนึ่งระบุว่า “ถ้าคิดจะค้าความกัน อาตมาก็คงจะไม่หนักหนาสาหัสอะไร เท่าที่เห็นโดนกันเป็นแถว เป็นทีม ทั้งพระ ทั้งฆราวาส ทั้งครูบาอาจารย์ ก็ต่างคนต่างก็อ้างว่าปกป้องศาสนา อาตมาเองถึงแม้จะมีครูบาอาจารย์อย่างหลวงพ่อพุทธทาสถูกพูดว่า ตกนรกเพราะสอนผิด อันนี้ก็เท็จ ไม่รู้ว่าใครจะเท็จมากกว่ากัน การไปรู้วิญญาณใครต่อใครตกนรกบ้าง ขึ้นสวรรค์บ้าง เป็นความจริงหรือเปล่า ท่านก็ว่าท่านจริง ถ้าไม่จริงจะเอายังไง”
อย่างไรก็ตาม ในวันต่อมา (8 มิ.ย.) พระพยอมได้เขียนบทความในหัวข้อ “พระพยอม ‘ขอโทษ’ กรณีข่าว ‘พระธัมมชโย’” ในตอนหนึ่งระบุว่า “อาตมากลับมาทบทวนพิจารณาเรื่องข่าวต่าง ๆ ที่ออกไป พบว่า มีข้อเท็จจริงบางอย่างที่ยังไม่ชัดเจน คือ กรณีที่ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ที่มีการพูดจากสื่ออาวุโสชื่อดังบางท่าน หรืออดีต ส.ว.สรรหาบางท่าน ที่เกาะติดเรื่องวัดพระธรรมกายมานาน รวมถึงข่าวที่แพร่กันในสังคมออนไลน์ ที่ว่า ท่านธัมมชโยได้กล่าวถึงหลวงปู่มั่น และท่านพุทธทาส ว่า ไปอยู่ในภพภูมิที่ไม่เหมาะสม หรือเข้าใจง่าย ๆ ว่าได้ไปอยู่ในนรกภูมิ
อาตมาได้ให้ผู้ช่วยช่วยค้นหาข้อเท็จจริง ว่า เคยมีเทปหรือคลิปที่ท่านธัมมชโยได้พูดในลักษณะดังกล่าวจริงหรือไม่ ก็ยังไม่สามารถหามาได้ อีกทั้งมีผู้สอบถามไปยังวัดพระธรรมกายถึงเรื่องการพูดดังกล่าว ก็ได้รับการปฏิเสธมาว่าไม่เคยมีการกล่าวร้ายใด ๆ ต่อหลวงปู่มั่น ไม่เคยอวดอุตริว่าไปพบเห็นท่านพุทธทาสในนรกภูมิ อย่างที่มีการส่งข่าวแชร์ข่าวกันแต่อย่างใด และยังสำทับมาว่า ถ้าเป็นเรื่องจริงป่านนี้คงมีคลิปภาพเสียงว่อนกันไปก่อนหน้านี้นานแล้ว
ในเมื่อความจริงดังกล่าวยังไม่ปรากฏชัด ในฐานะที่อาตมาก็เป็นลูกผู้ชายชาติพระเหมือนกัน อาตมา “ขอโทษ” ต่อกรณีดังกล่าว หากอาตมาได้เข้าใจผิดไป ส่วนเรื่องที่มีข่าวออกมาในทำนองว่า พระพยอมยุให้ทหารล้อมลุยจับอะไรนั่น อาตมาเข้าใจว่าคงลงไม่ตรงกับบรรยากาศที่สัมภาษณ์นัก เพราะข้อเท็จจริงเป็นการตอบคำถามเชิงเปรียบเทียบจากคำถามนักข่าว อาตมาจึงยกตัวอย่างจากการที่ได้รู้จากอดีตนายตำรวจใหญ่ท่านหนึ่งที่เล่าให้ฟังว่า ปกติการจับกุมเขาจะเริ่มจากเบาไปหาหนักกันอย่างไรเท่านั้น ซึ่งว่าตามจริงหากเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะกระทำอะไรกับพระที่มีลูกศิษย์ลูกหามากมายและเป็นที่เคารพนับถือขนาดนี้ ข่าวที่ออกมาดูจะเว่อร์เอิกเกริกเกินไปด้วยซ้ำ การเจรจาพูดคุยน่าจะเป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุด ไม่ใช่การใช้กำลังอย่างแน่นอน
แต่ในส่วนอื่น ๆ ในการแสดงความคิดเห็น เช่น การบ้าบุญ หลงบุญ และชวนให้ทำบุญกันจนเพลียบุญ ถึงขนาดมีบางคนต้องหมดเนื้อหมดตัวกับการทำบุญนั้น อาตมาไม่เห็นด้วย ไม่ใช่แค่วัดพระธรรมกายเท่านั้น แต่หมายถึงทุกวัด ทุกองค์กร ถ้าทำบุญจนตนเองต้องเดือดร้อนนั้นย่อมไม่ใช่สิ่งที่สมควร”
นอกจากนี้ รายงานข่าวแจ้งว่า เฟซบุ๊ก “DMC.tv - Dhamma Media Channel” ของสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมดีเอ็มซี ได้ทำภาพอินโฟกราฟิกส์ ระบุว่า “ความแตกต่าง ระหว่าง เสือ กับ สุนัข เสือจะคำราม เฉพาะเวลาที่ต่อสู้ แต่ที่เห่าอยู่ตลอดเวลานั้น คือ สุนัข” ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นการสื่อไปถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่กำลังดำเนินคดีกับพระธัมมชโยหรือไม่