ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 7
บริเวณท่าน้ำ ดาวกำหมัดแน่นแทบจะตะลึงตะลาน พวงแก้วนิ่งอึ้ง เอื้อยตกใจ มั่นอ้าปากค้าง ทุกคนมองหาญที่กำลังประกบปากเดือน
"คุณหาญทำอะไรเจ้าคะ คุณหาญทำอะไรเจ้าคะ"
ดาวพล่ามราวกับไม่ได้สติ
หาญยังคงประกบปากเดือน เป่าปากเป็นจังหวะ สลับกับมือกดที่หว่างอก ปั๊มหัวใจ เดือนได้สติ สำลักน้ำออกมา เดือนลืมตาเจอหาญ
"คุณหาญ !"
หาญแอบยิ้มกับเดือนแวบหนึ่งแล้วรีบห่างจากเดือน เพราะตอนนี้ทุกคนกำลังมองมา ทุกคนโล่งใจที่เดือนฟื้น ยกเว้นดาว
"นังเดือน ! ขวัญเอ๊ยขวัญมา บุญรักษานะนังเดือนเอ๊ย" ชื่นว่า
"เอ็งไม่เป็นอะไรแล้ว...ขอบคุณนายน้อยมากๆขอรับ ที่...เอ้อ ช่วยให้เดือนฟื้น"
"บ่าวก็ขอบคุณนะเจ้าค่ะ นังเดือน กราบคุณหาญสิ" เอื้อยว่า
เดือนจะกราบ แต่ยังไม่ไหว
"ไม่เป็นไรหรอกแม่เดือน เจ้ายังประคองตัวนั่งไม่ไหวเลย"
"ฟื้นขึ้นมาก็ดีแล้วนังเดือน ลูกหาญเองก็ทำให้แม่ตกอกตกใจหมด...ทำอย่างนั้น...มัน" พวงแก้วว่า
พวงแก้วกระดากปากไม่อยากพูด หาญพูดตรงๆชัดเจน เพื่อให้แก้วคลายใจและบ่าวไพร่จะได้ไม่ไปซุบซิบเดือนต่อไปได้อีก
"วิชาการกู้ชีพ กระผมจำมาจากหมอฝรั่งน่ะขอรับ เขาว่าเป็นวิทยาการสมัยใหม่ ฟื้นลมหายใจให้คนหมดสติขอรับ"
"เป็นอันเข้าใจกันนะพวกเอ็งทุกคน ลูกข้ากระทำการเพื่อกู้ชีวิตนังเดือน ส่วนเหตุที่นังเดือนตกน้ำนั้น ข้าจะต้องทวนความให้กระจ่าง...มีใครรู้ใครเห็นบ้าง"
พวงแก้วสำทับเป็นเชิงปรามเรื่องที่หาญประกบปากเดือนเป็นการช่วยชีวิต เพื่อกันการพูดต่อของบ่าวไพร่ พวงแก้วต้องการสืบสาวราวเรื่อง บ่าวไพร่มองมาที่ดาวเป็นตาเดียว
เดือนมีผ้าห่มคลุมตัว นั่งพับเพียบอยู่ตรงหน้าพวงแก้ว ฟังดาวโกหกฉอดๆ นายหญิงชั่งใจว่าเป็นความจริงหรือไม่จริง
"บ่าวก็ไม่ค่อยรู้เห็นอะไรหรอกเจ้าค่ะ อีพวกนี้ก็ปั้นน้ำเป็นตัว"
"แต่พวกข้า ไอ้ฉอด ป้าแย้ม เขาก็เห็นว่าเอ็งเดินตามนังเดือนมาที่ท่าน้ำ เห็นคุยกันสักพัก นังเดือนก็ตกน้ำไป" มั่นบอก
"เอ๊ะ พวกเอ็งหาว่าข้าแกล้งนังเดือนมันหรือไง ข้าไม่ได้แกล้ง ใช่ไหมนังเดือน"
ดาวแอบบีบขาเดือนให้รับลูก
"จ้ะ...ดาวไม่ได้แกล้งอะไรข้า"
"เห็นไหมล่ะ นังเดือนมันยังบอก ที่มันตกน้ำก็โจนไปเอง"
"นังเดือนมันจะลงไปน้ำไปทำไม ในเมื่อมันก็รู้ตัวว่าว่ายน้ำไม่เป็น"
"จะไปรู้มันเหรอ ก็เห็นทำขวดน้ำปรุงตกน้ำ คร่ำครวญว่าเสียดายนักหนา แล้วมันก็พุ่งลงไป"
"เจ้าลงไปเก็บขวดน้ำปรุง"
หาญใจเต้น เมื่อรู้ว่าเดือนให้ความสำคัญกับน้ำปรุงที่เขาให้มากแค่ไหน แต่ยิ่งเสียใจเพราะเดือนเกือบเอาชีวิตไม่รอด พวงแก้วเริ่มสงสัย
"ขวดน้ำปรุง"
เดือนอึกอัก มองขวดน้ำปรุงในมือ จะบอกความจริงได้อย่างไร ยิ่งตอนนี้ดาวก็อยู่ด้วย พวงแก้ว หยิบขวดน้ำปรุงจากมือเดือนมาดู
"น้ำปรุงห้างขายยาไทยกลิ่นสุคนธ์ ของมีราคาเยี่ยงนี้ นังเดือน เอ็งได้น้ำปรุงนี้มาจากที่ใด"
เดือนตกใจวาบ จะบอกความจริงได้เยี่ยงไร เดือนไม่กล้าแม้จะชำเลืองมองหาญให้เป็นพิรุธ
"บ่าว...เอ้อ"
"ว่าอย่างไรนังเดือน เอ็งได้มาจากที่ใด"
หาญเห็นเดือนอึดอัด อ้าปากจะบอกความจริงกับแม่
"คุณแม่ขอรับ"
"บ่าวให้มันเองแหละขอรับ"
หาญตะลึง มั่นรีบออกตัว พวงแก้วมองหาญว่าลูกจะพูดอะไรหรือ หาญเลยเงียบไป มั่นรีบต่อประโยคสำทับเสียงมั่นใจ
"บ่าวได้มาเมื่อครั้งที่ท่านเจ้าสัวใช้บ่าวไปส่งของที่นั่น ท่านเจ้าของร้านเห็นบ่าวไปเมียงมองดมน้ำปรุง ท่านจึงเมตตาให้บ่าวมาขอรับ บ่าวเห็นว่ากระจุ๋มกระจิ๋มไม่เหมาะกับบ่าว จึงเอามาให้นังเดือนมันอีกทอดหนึ่ง"
"เยี่ยงนั้นเองรึ"
พวงแก้วมองมั่นที่มีสีหน้าใสซื่อ พยักหน้า เชื่อในถ้อยนั้น เดือนแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก หาญมองมั่นกับเดือน อะไรยังไง ทำไมมั่นต้องปกป้องเดือน
เดือนกับมั่นจะตรงไปเรือนทาส หาญเหลียวซ้ายขวาเห็นว่าไม่มีใครเห็นแล้ว เลยรีบมาขวางเดือนกับมั่นไว้ เดือนสบตาหาญ ก็รู้ว่าหาญจะมาถามเรื่องน้ำปรุงที่มั่นโกหก
หาญเปิดประเด็นเรื่องน้ำปรุงไปแล้ว กำลังฟังมั่นว่าเหตุใด
"บ่าวก็ไม่ทราบดอกขอรับว่านังเดือนมันไปได้น้ำปรุงมาจากที่ใด"
หาญมองหน้าเดือน ทั้งสองรู้กันว่าน้ำปรุงนั้นหาญให้เดือนแทนใจนั่นเอง
"บ่าวพอรู้ขอรับว่าน้ำปรุงเป็นของมีราคา น้ำหน้าอย่างบ่าวหาซื้อไม่ไหว แต่บ่าวก็จำต้องโกหกคุณท่าน เพราะบ่าวไม่อยากให้นังเดือนมันเดือดร้อน"
"ฉันขอบใจพี่มั่นมากนะจ๊ะ"
"อย่างไรก็ตามเราต้องขอบใจเอ็งมาก ไอ้มั่น ที่โกหกเพื่อปกป้อง..."
"นายน้อยก็เห็นแล้วนี่ขอรับ คุณท่านกำชับไม่ให้บ่าวไพร่ในใต้หล้ามักใหญ่ใฝ่สูง เพียงไร"
"เราไม่เห็นคิดเช่นนั้น ชนชั้นแค่บทบาททางสังคม ไม่อาจขวางกั้นความรู้สึกได้หรอก"
หาญแอบสบตาเดือน เดือนอึ้ง ตกใจ ซึ้งใจในความใจกว้างของหาญ มั่นยังไม่เอะใจในความสัมพันธ์ระหว่างเดือนกับหาญเท่าใดนัก
"ไม่จริงดอกขอรับนายน้อย ฟ้ากับดินไม่มีวันเอื้อมถึงกันดอกขอรับ"
"เอ็งไม่เคยเห็นเส้นขอบฟ้าหรือไอ้มั่น เส้นขอบฟ้านั้นไงที่เชื่อมฟ้ากับดินไว้แนบกัน"
"แต่คุณท่านยิ่งใหญ่กว่าเส้นขอบฟ้าขอรับ คุณแม่ของนายน้อยยังไงละขอรับ"
มั่นตัดบทอย่างมั่นใจ หาญหมองลงเมื่อนึกถึงแม่ เดือนก้มหน้า รู้สึกทดท้อในความรักเสียเหลือเกิน จึงตัดสินใจเดินออกไป มั่นออกไปด้วย ทิ้งหาญให้มองตามอย่างคิดหนัก
คืนนั้น เดือนเก็บขวดน้ำปรุงใส่หีบ ซุกไว้อย่างดี ชื่นมอง
"น้ำปรุงขวดนั้นคงสำคัญกับเอ็งมาก เอ็งถึงได้ยอมเสี่ยงชีวิตลงไปเก็บ"
"คุณค่าของน้ำปรุงขวดนี้ไม่ได้อยู่ที่ราคาค่างวดดอกจ้ะแม่"
"ใครให้เอ็งมาหือ นังเดือน เอ็งบอกแม่ได้ไหม"
เดือนนิ่งไป ปิดหีบ ราวกับจะเก็บเป็นความลับ
"แม่จ๋า แม่รู้ไหมจ๊ะ น้ำปรุงที่ปิดขวดไว้สนิท จะยิ่งรักษากลิ่นได้นานยิ่งขึ้น"
ชื่นรู้ทัน
"เออ ไม่บอกก็ไม่บอก แต่เอ็งจำคำแม่ไว้นังเดือน เกิดเป็นทาสต้องเจียมตนอย่าได้มักใหญ่ใฝ่ปองของสูงเด็ดขาด"
เดือนขมขื่น
"จ้ะแม่ ข้าจะจำไว้"
เดือนรับคำ ในใจเศร้า แต่พยายามทำปกติยิ้มแย้ม พอจะลุกขึ้นก็วูบ จนชื่นจับตัวไว้
"นังเดือน ! เอ็งตัวร้อนนี่ สงสัยจะจับไข้"
"ฉันไม่เป็นอะไรมากดอกจ้ะ ฉันจะออกไปช่วยแม่ทำงานต่อนะ"
"ไม่ต้อง ข้าว่าเอ็งพักดีกว่า อีกไม่กี่วันจะมีงานใหญ่ในใต้หล้า เอ็งต้องรำต้องช่วยงาน พักเสียแต่วันนี้ จะได้หายไวๆ"
ชื่นบังคับจับตัวเดือนนอนลง เดือนจำยอม
เวลากลางคืน มั่นพัดเตาไฟ ชื่นคนข้าวต้มในหม้อ
"เดี๋ยวข้าวต้มสุก เอ็งเอาไปให้นังเดือนมันทีนะไอ้มั่น" เอื้อยบอก
"จ้ะน้าเอื้อย เหยาะเกลือนิดๆ มันจะได้สร่างไข้"
กลางลานครัว ดาวเด็ดผักกระแทกกระทั้น โวยวาย
"โธ่เอ๊ย ตกน้ำแค่นี้ ทำผู้คนสนใจทั้งใต้หล้า อีนี่มันเป็นใครมาจากไหน"
ชื่นใช้ทัพพีกะลามะพร้าวเคาะหัวดาว
"โอ๊ย... เอ๊ะ น้าชื่น เดือดร้อนอะไรเล่า"
"ทำไมกูจะเดือดร้อนไม่ได้ ก็อีคนที่ตกน้ำเกือบตาย นอนจับไข้อยู่นั่นมันเป็นลูกข้า แถมเป็นเพื่อนเอ็งมาแต่เล็กแต่น้อย"
"ทาสทั้งใต้หล้านี่กินข้าวหม้อเดียวกัน ข้าวมันมียาง อย่างน้อยก็มีเยื่อใยห่วงกันบ้างแหละวะ ใครจะเหมือนเอ็ง" เอื้อยว่า
"แค่ตกน้ำทำสำออย จับไข้จริงหรือเปล่าไม่รู้ ข้าเดือดร้อนต้องมาทำงานแทนมัน"
"จำเริญเถิดอีดาว แล้งน้ำใจนักก็อย่าทำเลยวะ แล้วไสหัวไปตกน้ำเลยไป ข้าอยากรู้นักว่าจะมีใครช่วยเอ็งหรือไม่" มั่นบอก
"คุณหาญจะช่วยข้า แล้วก็จูบข้าด้วย ข้าจะทำเป็นแกล้งหมดสติให้คุณหาญจูบจนปากเปื่อยเลย"
ทุกคนโพล่ง "ถุย"
ไม่มีใครสนใจฟังดาวอีก ดาวผละงาน ไปนั่งฝันเฟื่องคนเดียว ยิ่งคิดยิ่งอิจฉาเดือน
"คอยดูนะ กู...อีดาว กูจะเป็นเมียคุณหาญ กูเป็นใหญ่เมื่อไหร่จะมาเหยียบหน้าอ้ายอีที่เรือนครัวนี่ทุกตัว"
ยามกลางวัน วันรุ่งขึ้น เสียงพวงแก้วดังก้องอย่างวางอำนาจ
"ข้าเป็นแม่เรือนใหญ่ คุมบ่าวไพร่ทุกตัวคน"
หาญอยู่ที่เรือนใหญ่มองออกไปด้านนอก ดูแก้วที่กำลังกำราบบ่าวไพร่ในบ้านที่ประพฤติผิด
"คุณแม่ลงโทษบ่าวไพร่เรื่องอะไรขอรับพี่กล้า"
กล้าอยู่ข้างๆหาญ มองออกไป
"อ้ายอีสองคนนั้นลักลอบเป็นชู้กัน น้องหาญก็รู้ คุณแม่รังเกียจเรื่องนี้มากเพียงใด"
แก้วยืนชี้นิ้วกราด บ่าวไพร่ก้มหัวราบหมอบกับพื้นด้วยความหวาดกลัว
"อ้ายอีผู้ใดริอาจทำผิดกฎใต้หล้า กระทั่งผิดศีลธรรมจรรยา ข้าจะไม่ละเว้น ไอ้อ่ำ ลงหวาย"
เสียงหวดหวาย ขวับ ขวับ...ดังสะท้านไปทั้งใต้หล้า หาญและกล้ามองอยู่กลืนน้ำลาย ต่างคนต่างรู้สึกคนละอย่าง
หาญ ถอนหายใจ นึกถึงตัวเองที่หลงรักเดือน ถ้าแม่รู้จะเป็นอย่างไร กล้าเองก็ถอนหายใจ นึกถึงที่ตัวเองชอบหยก ถ้าแก้วรู้ คงมีหวังหลังลายหรือตายแน่ๆ
พี่น้องสองคนสบตากัน ต่างคนต่างกริ่งเกรงความเฉียบขาดของแก้ว
แสน พวงแก้ว กล้า และหาญ นั่งร่วมสำรับมื้อค่ำกลางโต๊ะใหญ่ ดาวกระมิดกระเมี้ยนมาเสิร์ฟอาหารเข้าหาทางหาญ พวงแก้วมองไม่เห็นเดือนจึงถาม
"นังเดือนไปไหนล่ะ นังเอื้อย"
"มันจับไข้เจ้าค่ะ คงเพราะตกน้ำเมื่อกลางวัน"
หาญได้ยิน นิ่งไป นึกเป็นห่วงเดือน ดาวพยายามสบตา แต่หาญไม่ได้สนใจ ยกน้ำขึ้นดื่ม
กล้าเห็นกิริยาดาแล้วนึกขำ
"น้องหาญ ปีนี้ก็เป็นหนุ่มฉกรรจ์แล้ว หากมีใครเสนอตัวให้ขึ้นครู น้องจะว่าอย่างไร"
หาญสำลักน้ำ ตกใจ ทำแก้วน้ำตก หกใส่หน้าอกดาว
"ว้าย คุณหาญเจ้าคะ"
ดาวทำเป็นเช็ดถูอก หาญตกใจจะหยิบผ้าเช็ดปากจะส่งให้ดาว ดาวนึกว่าจะเช็ดให้ แอ่นอกรอ หาญเก้อ กล้าหัวเราะ พวงแก้วจ้องเขม็ง อดไม่ได้
"นังดาว เปียกแล้วก็ออกไป ไม่ต้องพิรี้พิไรอยู่ตรงนี้ ...ไป๊"
ดาวจำต้องคลานถอยหลังออกไป
แสนหัวเราะลั่น มองตาม ดาวคลานต่ำเห็นอกขาววอบแวบ แก้วหันมามองก็เห็นสายตาของแสน มองดาวอยู่
"ท่านเจ้าสัว"
เอื้อยมาช่วยเสิร์ฟอาหาร เห็นท่าทางดาว ก็คันไม้คันมือมาก เอื้อยรีบเสิร์ฟ สบตาพวงแก้ว เอื้อยพยักหน้ารู้กัน
แสนยังยิ้ม หันมามองหน้ากล้าและหาญแบบแซวๆ รู้สึกสนุกที่เห็นลูกเป็นชายสมชาย
"ท่านเจ้าสัวคะ"
"อะไรเล่า แม่แก้ว ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย"
"อิฉันไม่ชอบให้ท่านมองบ่าวไพร่ด้วยสายตาแบบนั้น"
"ข้าแค่มอง ยังไม่ได้กระทำ ไว้ข้าทำเมื่อไหร่ แม่แก้วค่อยเดือดร้อน"
แสนตอบอย่างไม่เกรงใจ แก้วเริ่มเหลืออด แสนไม่สนใจเร่งถามลูกต่อ
"ว่าไง เจ้าหาญ ที่พี่กล้าถาม เจ้าพร้อมจะสำราญหรือยัง พ่อจะพาไป"
"ไม่ได้"
พวงแก้วตวาดลั่นด้วยความลืมตัว
"อิฉันไม่ยอม ไม่ว่าจะพ่อหรือลูก ต้องไม่มีการเล่นสวาทเป็นของสนุก เรื่องเสเพล เถลลงต่ำ ต้องไม่มีวันเกิดขึ้น"
แสนเบื่อ รำคาญ กินข้าวไม่ลง วางช้อนแรง พวงแก้วและแสนมองหน้ากัน ในบรรยากาศอึดอัดที่สุด
อ่านต่อหน้า 2
ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 7 (ต่อ)
อีกมุมหนึ่ง ดาวยิ้มร่าคลานจากห้องออกมาได้ สมใจที่ได้ยั่วหาญ
"แหม...อีกนิดเดียวแท้ๆ เนื้อนวลข้าก็ต้องมือคุณหาญ"
เอื้อยตามหา หยิกแขนดาว
"อีดาว !"
"โอ๊ย...น้าเอื้อย"
"มึง...โดน"
"อ๊าก....น้าเอื้อยเป็นบ้าอะไร ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด โอ๊ย...อุ๊บ"
เอื้อยจิกหัวดาวออกไปจากตึกใหญ่ ดาวร้องโวยวาย เอื้อยรีบอุดปากไม่อยากให้ได้ยินถึงด้านใน
บุหงาเข้ามายังตึกใหญ่ เห็นบรรยากาศอึดอัด ไม่มีใครกินข้าวลง บุหงายิ้มร่า ตีหน้าเนียน
"อาหารไม่ถูกปากหรือคะ แหม รับทานแต่รสชาติเดิมๆอาจจะเบื่อ"
บุหงาจงใจชายตามองพวงแก้ว เมื่อใช้คำว่า “รสชาติเดิมๆ”
"ลองเปลี่ยนมาชิมรสชาติจีนบ้างไหมคะ อิฉันตั้งใจปรุงให้ท่านเจ้าสัวเลยนะคะ"
บุหงาพูดสองแง่สองง่าม ส่งสายตาอ่อยแสนไปพลาง
"ต่ำ"
"แม่แก้ว"
"คุณพี่คิดอะไรต่ำๆหรือคะ บุหงาหมายถึงเหลาจีนชุดใหญ่นี่ต่างหาก"
สายฝนและเจียมยกสำรับเหลาจีนเข้ามา สายฝนเข้าไปประจบแสน
"คุณพ่อเจ้าคะ สายฝนช่วยคุณแม่ปรุงสำรับชุดนี้เพื่อทุกคนเลยเจ้าค่ะ อาหารบำรุงกำลังวังชาเพศชายสำหรับคุณพ่อและพี่กล้า พี่หาญ"
"ส่วนสำรับของคุณพี่ มีแกงจืดตุ๋นยาจีน สรรพคุณลดความดัน ปรับสมดุลอารมณ์ และบำรุงเลือดลมผู้เข้าสู่วัยชรา"
บุหงาเลื่อนโถแกงจืดให้ พวงแก้วผลักออก บุหงาใส่แรงเพิ่มทำเป็นดึงออก ทำให้น้ำแกงหกกระฉอก
"ฉันไม่กิน"
บุหงาปั้นหน้าเสียใจ
"โธ่ คุณพี่ไม่รับไมตรีน้องก็พูดจากันดีๆสิคะ ใยต้องปัดป้องรังเกียจเช่นนี้ด้วย"
พวงแก้วรู้ว่าบุหงาแกล้ง เจ้าสัวแสนโมโหพวงแก้ว เพราะรูปการณ์เห็นว่า เธอปัดออกจริงๆ
"แม่แก้ว ! อารมณ์ขึ้นลงของหล่อนชักจะมากเข้าทุกวัน กินอาหารลดความดันเสียหน่อยคงดี....มื้อนี้ข้าคงกิน “สำรับเดิม” ไม่ลงแล้ว"
แสนวางผ้าเช็ดปากลงโต๊ะ ลุกขึ้น บุหงาแอบยิ้มร่า ควงแขนเจ้าสัว
"ไปทานที่เรือนเล็กไหมเจ้าคะ บุหงาจัดสำรับพิเศษรอท่านเจ้าสัวไว้แล้วค่ะ"
แสนพยักหน้า เดินออกไปพร้อมบุหงา
พวงแก้วมองตามอย่างโกรธจัด สายฝนมองหน้าคนนั้นคนนี้ ทำทีไม่ใสซื่อ
"พี่กล้าพี่หาญเจ้าคะ ตุ๋นยาจีนพวกนี้ รับทานแล้วคึกเหมือนโคถึกเปลี่ยวเปล่า... พวกพี่คงต้องหาที่ระบาย อย่าเก็บกดไว้เหมือน..."
สายฝนปรายตาไปทางพวงแก้ว แล้วยิ้มเยาะ เล่นเอาเธฮปรี๊ดแตกทันที
"ออกไป๊"
สายฝนหัวเราะ เดินเชิดตามบุหงาและแสนออกไป
พวงแก้วใจเต้นแรง โกรธจนแทบทรงตัวไม่อยู่ ลูกทั้งสองต้องเข้ามาประคอง
"คุณแม่ขอรับ คุณแม่"
เอื้อยจิกหัวลากดาวเข้ามาในห้อง ดาวโวยวายเสียงดัง เดือนตื่น ลุกขึ้นนั่ง งง
"น้าเอื้อย โอ๊ย ! ข้าเจ็บนะโว้ย"
"ขึ้นโว้ยกะข้าเหรอ อีดาว"
"ก็เออสิโว้ย ! มีอะไรไหมวะ"
ฉาด ! เอื้อยตบหน้าดาวจนกระแทกถลาลงไปทับเดือน เอื้อยจะเข้ามาซ้ำ เดือนปกป้องดาว
"น้าเอื้อยจ๋า อย่าตีดาวเลย พูดกันดีๆสิจ๊ะ"
"นังเดือน เอ็งไม่ต้องช่วยมัน"
"อีดาวมันทำอะไร ห๊า นังเอื้อย"ชื่นถาม
"มันกำเริบเสิบสาน กินบนเรือนริจะขี้รดหลังคา"
"ข้ายังไม่ได้ทำโว้ย"
"ยังไม่ได้ทำ หนอย ! เอ็งยั่วคุณหาญต่อหน้าท่านเจ้าสัว ต่อหน้าคุณแก้ว"
เดือนอึ้งไป ดาวลอยหน้าใส่เอื้อย
"คุณหาญทำน้ำหก รด อกข้าเอง คุณหาญจะเช็ดอกให้ข้าเองด้วย ในเมื่อคุณหาญเสนอ ทำไมข้าไม่มีสิทธิ์สนอง"
"โอ๊ย ! อีคางคก เดี๋ยวกูจะตบมึงให้แบนแต๊ดแต๋ ให้มันรู้ที่ต่ำที่สูงเสียมั่ง" ชื่นบอก
เอื้อยจะดึงตัวดาวไปตบ ดาวผลักเดือนมาตรงหน้า แล้วหลบหลังเดือน
"ถ้าจะตบ น้าเอื้อยต้องตบอีเดือนด้วย มันก็เป็นคางคกอยากขึ้นวอเหมือนกัน มันแอบอ่อยคุณหาญกี่ครั้งแล้ว ถามมันดู"
เอื้อยอึ้ง ไม่เชื่อ ชื่นมองเดือนที่ส่ายหน้า
"ข้าไม่เคยคิดหรือกระทำอะไรเยี่ยงนั้น ไม่เลยจริงๆจ้ะแม่จ๋า น้าเอื้อย"
"ไม่ว่าเอ็งจะเคยหรือไม่เคย เอ็งก็ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคิด เกิดเป็นทาส เป็นบ่าวรับใช้เจ้านาย เอ็งต้องตระหนักพระคุณ อย่าได้เนรคุณเอาตัวเข้าแลกเพื่อยกระดับตัวเองเด็ดขาด จำไว้" ชื่นบอก
"จำใส่กะลาหัวไว้ อีเดือน"
"มึงด้วย อีดาว" เอื้อยบอก
เอื้อยจิกหน้าผากดาวแรง ดาวเชิดหน้า ดูไม่ใส่ใจจะรับฟังคำสอนใส่หัวสักนิด เอื้อยสบตาชื่นที่เหนื่อยหน่ายใจ ลูกหลานโตเป็นสาวขึ้นทุกวัน ความหวั่นเกรงเริ่มก่อตัว
เดือนก้มหน้าก้มตา แอบซ่อนพิรุธเรื่องความรักที่มีต่อหาญ
พวงแก้วนอนซม กล้าประคองแม่ หาญป้อนยาหอมชงให้ พวงแก้วจิบเป็นพิธี น้ำตาแทบร่วง
"ลูกดูนะ นังผู้หญิงหยำฉ่ามันมาเหยียบหน้าแม่ถึงเรือนใหญ่ ท่านเจ้าสัว พ่อของลูกก็ดูดาย ปล่อยให้มันหยามเกียรติแม่"
"คุณแม่อย่าคิดมากเลยขอรับ พักผ่อนดีกว่า"
"คุณพ่อของลูกก็เป็นเสียอย่างนั้น ลูกกล้าลูกหาญอย่าทำอะไรให้แม่เสียใจนะลูก รับปากกับแม่ กล้า...หาญ ลูกจะไม่ฝืนใจแม่ จะไม่คว้าขี้ตมมาแปดเปื้อนวงศ์ตระกูล...เหมือนคุณพ่อของลูก"
หาญอึ้งไป นึกถึงเดือน
"เจ้าจะไม่ประพฤติผิดลู่รอยสุภาพบุรุษ"
กล้านิ่ง ใจนึกถึงหยก กล้าเก็บซ่อนความปรารถนาไว้มิดชิด พวงแก้วไม่เอะใจ
"รับปากกับแม่ได้ไหม ลูกกล้า ลูกหาญ"
"ขอรับคุณแม่ ลูกรับปาก" กล้าบอก
"กระผมกับพี่กล้าจะไม่ทำอะไรให้คุณแม่ไม่สบายใจเด็ดขาดขอรับ"
พวงแก้วผ่อนคลายลง ลูบหัวลูกทั้งสอง ฝ่ายลูกซบไหล่แม่ หลบสายตาความนัยของแต่ละคน
ยามเย็น เดือนนั่งอยู่ที่ศาลา หัวใจเต็มไปด้วยความรู้สึกหวั่นไหวมองไปที่ขอบฟ้า นึกถึงคำพูดของหาญ
"เอ็งไม่เคยเห็นเส้นขอบฟ้าหรือไอ้มั่น เส้นขอบฟ้านั้นไงที่เชื่อมฟ้ากับดินไว้แนบกัน"
เดือนมองเส้นขอบฟ้า
ดวงตะวันกำลังจะลับฟ้า แสงสนธยาอาบไล้ขอบฟ้าและแผ่นดิน ย้อมเป็นผืนแผ่นเดียวกัน
"มันจะเป็นไปได้หรือคะคุณหาญ เส้นขอบฟ้าจรดแผ่นดิน สถานที่แห่งนั้นเหมือนจะอยู่ไกลแสนไกล...ไกลจนไม่มีทางเป็นจริง"
เดือนนั่งเศร้า สักพักแปรความเศร้าผ่านเสียงซอ... เดือนสีซอเพลง "บุหลันลอยเลื่อน"
หาญหยิบขวดแก้วสีชา ใส่ยาเม็ดแก้ไข้ ของฝรั่ง เขามองอย่างชั่งใจอยู่สักพัก ตามองไปที่เรือนทาสที่จุดไฟวอมแวม เขานึกถึงคำพูดของแม่
"ลูกจะไม่ฝืนใจแม่ จะไม่คว้าขี้ตมมาแปดเปื้อนวงศ์ตระกูล"
หาญถอนหายใจ มองเรือนทาส กำขวดยาแน่น แล้วจำใจเก็บขวดยาใส่ไว้ในลิ้นชักแล้วดับไฟนอน
วันใหม่ เดือนกวาดใบไม้อยู่มุมหนึ่ง ดูท่าทางยังไม่สบาย ไอเล็กน้อย มีผ้าคลุมไหล่เพราะหนาวไข้ มั่นช่วยอยู่มุมหนึ่ง
"เอ็งทำไมฝืนตัวอย่างนี้"
มั่นแตะหลังมือที่หน้าผากเดือน
หาญเดินลงจากตึกใหญ่ เห็นมั่นแตะหน้าผากเดือนก็อดหึงวูบไม่ได้ มั่นดึงไม้กวาดมากวาดเอง
"ไข้ยังไม่สร่างเลย มา...ข้าทำเอง"
หาญเดินเข้ามา ซ่อนมือไว้ข้างหลัง ชื่นเห็นหาญมาตกใจ
"คุณหาญ"
ชื่นมองเดือนที่รีบหลบหน้าหลบตาหาญ
"นายน้อยมีอะไรให้บ่าวรับใช้ขอรับ" มั่นถาม
ชื่นเกรงว่าจะมีเรื่องไม่งามรีบตัดบทไล่เดือน
"นังเดือน ไปหยิบไม้กวาดมาให้แม่ที แล้วเอาเศษใบไม้ไปทิ้งด้วย"
"จ้ะแม่"
เดือนคว้าเข่งเศษใบไม้จะออกไป
"แม่เดือน...เจ้าทำเศษกิ่งไม้หล่นไว้แน่ะ"
หาญทำเป็นก้มลงเก็บ แล้ววางมือลงในเข่ง เดือนเห็นว่าเป็นลูกตะกร้อเล็กสานด้วยทางมะพร้าว
"นังเดือนไม่ค่อยสบาย เลยไม่ได้ระมัดระวังน่ะขอรับ" มั่นบอก
"ไม่สบายก็ต้องกินยาจะได้หาย"
หาญมองที่ตะกร้อ ส่งสัญญาณว่ายาอยู่ในตะกร้อ
"เอ็งรีบไปสินังเดือน"
เดือนรีบไป หาญไม่ตาม เกรงจะเป็นพิรุธ
"คุณหาญไม่ต้องกังวลดอกเจ้าค่ะ นังเดือนมันไม่เป็นอะไรดอก"
"ข้าแค่กังวลเพราะอีกไม่กี่วันใต้หล้าจะมีงานใหญ่ คุณแม่กำชับให้ข้าดูแลทุกอย่างให้เรียบร้อย แต่ถ้าแม่ชื่นว่า แม่เดือนไม่เป็นอะไรข้าก็เบาใจ งั้นข้าไปก่อนนะ"
หาญทำเป็นดูนั่นดูนี่ ไม่เหลียวไปมองเดือน ชื่นโล่งใจ ไม่คิดมากหาญเดินกลับเรือน อมยิ้ม
เดือนเดินอมยิ้มมาในมุมปลอดคน เหลียวซ้ายขวา เห็นว่าไม่มีใคร ก็วางเข่งลงแล้วหยิบตะกร้อขึ้นมา
"คุณหาญพูดว่า...ยา"
เดือนค่อยๆคลี่ตะกร้อทางมะพร้าว อย่างตื่นเต้น ภายในมียาเม็ด 1 เม็ด และม้วนเศษกระดาษเล็ก เดือนคลายม้วนกระดาษ ค่อยๆสะกด อ่าน
"ทาน...ยา...หอ...ลัง...หลัง....อา....ทานยาหลังอาหาร"
เดือนดีใจ อมยิ้ม
"ขอบคุณนะคะคุณหาญ"
เดือนรีบเอาผ้าเช็ดหน้ามาห่อยาเก็บไว้ด้วยความชื่นใจ
บุหงาช่วยแต่งตัวให้เจ้าสัวแสน เตรียมออกไปทำงาน
"บุหงาดีใจที่ท่านยังเมตตาบุหงา"
"ข้าจะไม่เมตตาเจ้าได้เยี่ยงไร ในเมื่อเจ้าทำให้ข้ากระปรี้กระเปร่า เหมือนเป็นหนุ่มฉกรรจ์อีกครั้ง"
"ท่านเจ้าสัวล่ะก็ ปากหวาน ท่านยังหนุ่มแน่นแข็งแรงจริงๆนะคะ"
"นึกแล้วก็คิดถึงหอจันทร์ฉาย"
บุหงาสะดุ้งวาบ หลุมดำของตนเองอยู่ที่นั่น....ฟ้าหยาด ! บุหงาบ่ายเบี่ยงโน้มน้าวให้แสนไม่พูดถึงหอจันทร์ฉายอีก
"จะนึกถึงทำไมเล่าคะ หอจันทร์ฉายเป็นอดีตไปแล้ว บุหงาก็อยู่ตรงนี้กับท่านแล้ว"
"เจ้าได้ติดต่อกับเว่ยชิงบ้างหรือเปล่า นางเป็นเยี่ยงไรบ้าง"
"นาง....เอ้อ ก็คงสบายดี ดูเหมือนว่านางเริ่มเหนื่อยแล้ว จะปิดหอจันทร์ฉายเร็วๆนี้แหละคะ"
"จริงรึ"
"จริงค่ะ ท่านเจ้าสัวอย่าไปที่หอนั่นอีกเลยนะคะ ท่านมีชื่อเสียงทั่วพระนคร คนจะลือเอาได้ หากท่านต้องการสำราญ บุหงาจะปรนนิบัติท่านเจ้าสัวสุดความสามารถ ขอท่านอย่าไปที่หอจันทร์ฉายอีกนะคะ"
บุหงาออดอ้อนโน้มน้าว แสนพยักหน้ารับไว้ก่อน แล้วออกจากเรือนไป บุหงากังวลใจ กลัวความลับถูกเปิดเผย
"ความลับข้าอยู่ที่หอจันทร์ฉาย...ท่านเจ้าสัวต้องไม่ไปที่นั่น เด็ดขาด"
หอจันทร์ฉาย ตอนกลางวัน ฟ้าหยาดนอน เซ็ง ตรม เบื่อ ป่วยใจป่วยกาย เนื่องจากเมื่อวันก่อนโดนเว่ยชิงตบหน้า
"ทำไมข้าจะรักคนที่ข้าหมายปองไม่ได้...ทำไมข้าจะรักคุณหาญไม่ได้"
ฟ้าหยาดถอนหายใจด้วยความตรอมตรม
ที่หน้าห้อง เว่ยชิง จดๆจ้องๆไม่กล้าเข้าห้องฟ้าหยาด เพราะรู้ตัวว่าเมื่อคืนทำรุนแรงไว้ ได้แต่เดินกลับไปกลับมา
"ตายๆ วันก่อนไม่น่าไปตบอาฟ้าหยาดเลย อีจะเจ็บไหมว๊า"
นางโลม 2 คนเดินผ่านมา เว่ยชิงดักไว้
"นี่ พวกลื้อ สองสามวันนี่ มีใครได้คุยกับฟ้าหยาดบ้าง อีเป็นยังไง"
นางโลม 1บอก
"เมื่อเช้าข้าเอาข้าวไปให้ ฟ้าหยาดก็ไม่ได้พูดอะไร"
นางโลม 2 ถาม
"เจ๊ทำอะไรนังฟ้าหยาดมันไว้เหรอ"
"ไฮ้ พูดจาซี้ซั้วต่า อั๊วไม่ได้ทำอะไรเว้ย ไปเลย รีบไปลงรับแขกได้แล้ว"
นางโลมไปแล้ว เว่ยชิงสูดลมหายใจ เอาวะ !
"หรือว่าอีจะยังโกรธอั๊วไม่หายว๊า เอาวะ.... อาฟ้าหยาดเอ๊ย..."
เว่ยชิงส่งเสียงหวานก่อนเปิดประตูเข้าไป
อ่านต่อหน้า 3
ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 7 (ต่อ)
ฟ้าหยาดผุดลุกจากเตียงมองที่ประตู เห็นว่าเว่ยชิงจะเปิดเข้ามา ก็รีบนอนลง ห่มผ้า ทำเป็นหลับเพราะไม่อยากคุยกับด้วย เพราะยังงอนอยู่
"อาเว่ยใจร้าย !"
เว่ยชิงเข้ามา เห็นสำรับอาหารของฟ้าหยาดที่ยังไม่พร่อง เว่ยชิงเปิดม่านหน้าต่าง แสงจ้าส่องเข้ามา
"ไม่กินข้าวกินปลา ไม่ลงไปทำงาน ลื้อเป็นอะไร"
เว่ยชิงมาถึงเตียง เห็นว่าฟ้าหยาดหลับ
"ยังมัวนอนอุตุอยู่อีก" เว่ยชิงเอะใจ "เอ๊ะ แต่ลื้อไม่เคยขี้เกียจสันหลังยาว"
เว่ยชิงรีบมาจับหน้าผากฟ้าหยาด ฟ้าหยาดยังทำเป็นหลับต่อไป
"อั๊ยหยา ! ซี้เลี้ยวหว่า"
ฟ้าหยาดอดไม่ได้ ลืมตา
"ยังไม่ตาย"
"เออ ค่อยยังชั่ว แต่ลื้อตัวร้อนจี๋เลยฟ้าหยาด ลื้อไม่สบายมาก โธ่ๆ"
ฟ้าหยาดไม่อยากพูดด้วย หันหลังนอนตะแคงให้อีกข้าง เว่ยชิงพอจะรู้ว่า ฟ้าหยาดยังงอนไม่หาย
"ไฮ้ ! ลื้อยังงอนเรื่องที่อั๊วตบหน้าใช่ไหม ฟ้าหยาด อั๊วเตือนด้วยความหวังดี ห้ามไปสุงสิงกับผู้ชายใต้หล้า เห็นไหม แค่พูดถึงลื้อก็จับไข้ มันไม่ดี มันเป็นของแสลง"
"อาเว่ยบ้าไปแล้ว ผู้หญิงสวยอย่างฉัน กับคุณชายรูปงามอย่างคุณหาญ จะแสลงกันได้ยังไง สมกันจะตาย"
เว่ยชิงจุก ผะอืดผะอม เพราะฟ้าหยาดกับหาญเป็นพี่น้องกัน
"อั๊วบอกว่าแสลงก็แสลง ผู้ชายมีเกลื่อนเหมือนใบพุทรา จะเอาคนไหนก็ได้ แต่ห้ามยุ่งกับคนใต้หล้าเด็ดขาด"
ฟ้าหยาดไม่ฟัง ดึงผ้าห่มปิดหัวปิดหู แต่ส่งเสียงเถียงฉอดๆออกมา
"ฉันจะชอบใครจะเป็นคนในใต้หล้า มันก็เรื่องของฉัน ถ้าจะตายเพราะความรักฉันก็ยอม"
เว่ยชิงนั้นทั้งรักทั้งเอ็นดูฟ้าหยาด แต่ความรักของนางแสดงออกไม่เป็น มีแต่คำเหน็บแนม มือไม้ถึงเท่านั้น
เว่ยชิงถลกผ้าออกหยิก
"อีนี่...ถ้าลื้อคิดจะยุ่งกับผู้ชายใต้หล้า อั๊วจะฆ่าลื้อให้ตายเองกับมือ อั๊วเตือน ลื้อต้องเชื่อ แหม่...ตัวก็ร้อน ยังจะดื้อ แหม่ๆ จะตีลื้อตายใครเขาจะหาว่าอั๊วรังแกคนป่วย...ลื้อต้องหายมาให้อั๊วจัดการ"
เว่ยชิงร่ายยาวด้วยความโมโห แต่ก่อนออกจากห้อง ยังวกกลับมาคลุมผ้าห่มให้ฟ้าหยาดเพราะเป็นห่วง คล้อยหลังเว่ยชิง ฟ้าหยาดแอบมอง
"อาเว่ยบ้า !"
เจ้าสัวแสนจิบน้ำชาอยู่กับซินแสเทียนกลางร้านค้าอันโอ่อ่า กว้างขวาง ซินแสมองที่หน้าร้าน เห็นลูกค้ามากมาย อ่ำวิ่งรับลูกค้าแล้วสั่งทาสต่ออีกทีหนึ่ง
"ลูกค้ามากมาย น่าชื่นใจแทนท่านเจ้าสัว"
"เป็นจริงดั่งที่ท่านซินแสทำนาย ตั้งแต่ลูกหาญกำเนิดมา กิจการของข้าก็ดีวันดีคืน"
อีกมุมหนึ่ง กล้าตรวจงานคุมบ่าวไพร่อยู่ ได้ยินที่แสนพูด หน้าก็หมองลง เดินหนีไปทางอื่น ไม่อยากฟัง หยกสังเกตเห็นความเศร้าของกล้า รีบเดินตามไปปลอบใจ
"น้องกล้า !"
เจ้าสัวแสนแสดงความภาคภูมิใจกับซินแสต่อไป
"อีกสองวัน ครบรอบวันเกิดลูกหาญ ข้าขอเชิญซินแสร่วมงานบุญที่ใต้หล้า ข้าอยากให้ท่านซินแสดูดวงให้ตระกูลข้าอีกครั้ง"
"ยินดีอย่างยิ่ง งานนี้ข้าจะปรุงยาจีน ยาบำรุงให้ทุกคนในใต้หล้าตามธาตุตามขันธ์ของแต่ละคน"
"ท่านซินแสเทียนช่างเมตตา ทุกคำทำนายที่ท่านเคยดูไว้กับข้าไม่เคยมีผิดพลาด ข้าก็หวังแต่เพียงประการเดียวให้ท่านพลาด"
"คำทำนายที่ผิดพลาด"
ซินแสเทียนตกใจ แต่ไม่ได้คิดไปถึงว่าแสนจะปรามาสตน เทียนคิดว่าแสนต้องมีเรื่องขัดข้องอันใด
"คำทำนายที่ท่านซินแสทำนายลูกกล้า...ว่าลูกกล้าจะนำมาซึ่งความเสื่อมยศของตระกูล ข้าหวังอย่าให้เรื่องนี้เป็นจริง"
เทียนพยักหน้าเข้าใจ
"ตั้งมั่นอยู่ในความไม่ประมาทเถิดเจ้าสัว หากอะไรจะเกิด พึงอยู่ในสติแลความเมตตาธรรม"
แสนถอนใจ ยังไม่อยากเชื่อ และก็ประมาทชีวิตเกินไป
ซินแสเทียนเตือนด้วยความหวังดี แต่ไม่รู้ว่าความอัปยศของกล้านั้นจะมาด้วยเรื่องใด
กล้าเสียใจและน้อยใจ เดินมาระบายอารมณ์ที่มุมหนึ่ง ทุบมือกับกำแพงตึก
"ชะตาไอ้กล้า เกิดมาพร้อมความอัปยศแก่วงศ์ตระกูล ทำไม ทำไม"
หยกจับมือกล้าไว้ ไม่ให้กล้าทุบกำแพงอีก
"พี่หยก...ปล่อยเรา"
"พอเถอะครับน้องกล้า ทำร้ายตัวเองไม่มีประโยชน์อันใด"
"เรายอมเจ็บตัว ดีกว่าเจ็บใจ"
"เห็นน้องกล้าเจ็บ พี่หยกก็เจ็บไปด้วยนะครับ"
กล้าอึ้งไป หยกจับมือกล้าไว้ บีบอ่อนโยนอย่างมีใจ
"อย่าถือคำทำนายนั่นเลยครับ เก็บไว้ก็ทำร้ายใจน้องกล้า ปล่อยวางไปเถิด"
"เรากลัวว่ามันอาจจะเป็นความจริง"
มือกล้ายังอยู่ในมือหยก ทั้งคู่สบตากัน
ซินแสเทียนเดินผ่านตรอก มองเข้ามาเห็นภาพดังกล่าวก็อึ้ง
"คุณกล้า....เจ้าหยก"
ทั้งคู่รีบปล่อยมือ หันไป กลบสีหน้าพิรุธ
"เราโดนมดกัดที่มือ พี่หยกทายาเขียวของซินแสให้ หายบวมทันใจดีจริงครับ"
"อ๋อ เยี่ยงนั้นเองรึ"
หยกรับลูก
"งั้น... หายเร็วๆนะครับคุณกล้า"
กล้าพยักหน้า หยกเดินออกไปสมทบซินแส แต่แอบหันมาสบตากล้า โดยนึกว่าซินแสไม่เห็น
เวลาต่อเนื่องมา กลางศาลเจ้าเก่าแก่โบราณ ซินแสเทียนจุดธูปไหว้องค์เทพ
"ยืนนิ่งอยู่ใยเจ้า จุดธูปไหว้เทพยดาฟ้าดินเสียสิ"
"วันนี้เจ็กดูแปลกๆ"
"ต่อหน้าองค์เทพ เจ้าให้วาจากับเจ็กได้ไหมหยก"
"ให้วาจา...เรื่องอะไรครับอาเจ็ก"
"หยกจะต้องไม่สนิทกับคุณกล้าไปมากกว่านี้"
หยกก้มหน้านิ่ง ซินแสปรายตามองธูปในมือหยก เห็นว่าก้านธูปสั่น ซินแสเทียนรู้ว่าใจหยกไม่สงบ ไม่ยอมรับ
"หยกต้องรักษาระยะห่างจากคุณกล้า ไม่สร้างสะพานทอดสัมพันธ์เกินเลยใดๆ ทั้งสิ้น"
หยกพยักหน้ารับ ปักธูปลงกระถางต่อหน้าเทพเจ้า สีหน้าหยกดูสับสนแต่เก็บความรู้สึกไว้
"แค่นี้ใช่ไหมครับอาเจ็ก...สบายใจแล้วนะครับ"
หยกเดินออกไป ซินแสเทียนมองตามหยกที่เดินออกประตูหน้าศาลเจ้าออกไป เทียนถอนหายใจ
ลมวูบพัดเข้ามาจากปากประตู พรึ่บ ! พัดเศษธูปของหยกหักลงมา เปลวไฟที่ติดสว่างดับไป ซินแสเทียนสังหรณ์ใจวาบ
"ชีวิตหนอ สุดแต่ชะตาจะพัดพาไปทางใด จะฝืนดวง มีแต่ฟ้าดินเท่านั้นจะรู้ได้"
เวลาต่อมา เว่ยชิงออกมาซื้อยาให้ฟ้าหยาด แปะเจ้าของร้านชั่งยาสมุนไพร ห่อใส่กระดาษส่งให้ เว่ยชิงจ่ายตังค์ไปพลาง บ่นไปพลาง
"อั้ยย่ะ ตั้งหลายอัฐ...นังฟ้าหยาดนะ ถ้าลื้อหาย อั๊วจะให้ทำงานหาอัฐให้น่าดู"
เว่ยชิงหอบห่อยาใส่ตะกร้า มองๆ นับๆ
"แปะเล้ง ยาพวกนี้แก้ไข้แก้ตัวร้อนได้แน่นะ แล้วยาบำรุงสตรีล่ะ"
"ยาบำรุงอั๊วไม่ได้จัดให้ สมุนไพรบางตัวยังขาดอยู่ ถ้าลื้อรีบใช้ ไปซื้อที่ร้านเถ้าแก่แสนทางโน้นนะ"
"ขอบใจ"
เว่ยชิงเดินออกมา จะไปร้านเถ้าแก่แสน พอใกล้ถึงก็เห็นแสนคุมอ่ำทำงานอยู่หน้าร้าน พลันนึกได้
"เถ้าแก่แสน"
เว่ยชิงชะงักเท้าทันที
"ไม่ได้"
แสนมองมาพอดี เหมือนจะเห็นเว่ยชิงแว่บๆ นางตกใจ หลบวูบเข้ามุมตึกโดยพลัน
เว่ยชิงไม่อยากเจอแสน เพราะความลับค้ำอยู่
"ชะตาเล่นตลกหรือไงเนี่ย ไม่ได้ ข้าจะให้เจ้าสัวแสนไปที่หอจันทร์ฉายไม่ได้"
เว่ยชิงรีบจ้ำหนีไปทางหนึ่ง แล้วพลันชนเข้ากับชายคนหนึ่ง แล้วอุทาน
" ไอ๊หยา...ล้วงลึกๆฉึกๆยักๆ"
เจ้าสัวแสนหัวเราะ เว่ยชิงตกใจ ตะกร้าแทบร่วงจากมือ
"ไม่ได้เจอกันนาน ยังอุทานเหมือนเดิมนะ เว่ยชิง"
เว่ยชิงปรับสีหน้าทันที ยิ้มแย้มแจ่มใส ทำเป็นตื่นเต้น
"อ๊า...ท่านเจ้าสัว แหม ยินดีๆ ได้เจอท่านเป็นบุญอย่างยิ่ง ท่านสบายดีนะ อั๊วก็สบายดี อั๊วขอตัวก่อนนะ"
เว่ยชิงรวบรัดตัดความ แล้วรีบไป
แสนเดินตามมา
"เดี๋ยวสิ เว่ยชิง ข้าได้ข่าวว่าลื้อใกล้จะปิดหอจันทร์ฉาย"
เว่ยชิงทั้งโกรธ ทั้งด่า
"ไอ๊หยา ใครปากเก๋าเจ้ง ซี้ซั้วต่า ยังไม่ปิด หอจันทร์ฉายเปิดตามปกติ"
"อ้าวเหรอ เห็นบุหงาว่าลื้อจะปิด"
"นังบุหงา"
เว่ยชิงเปลี่ยนท่าที จากโมโห เริ่มคิดได้ว่าเป็นเพราะความลับของบุหงาอยู่ที่หอจันทร์ฉาย
เว่ยชิงเมินหน้าไปบ่นเอง คิดเอง
"ปิดหอจันทร์ฉาย...จริงสิ ความลับนังบุหงาอยู่ที่นั่น"
เว่ยชิงหันมา เปลี่ยนท่าทีปุ๊บปั๊บ
"อ๋อ จริงฮ่า ช่วงนี้กิจการไม่ดี อั๊วท้อถอนใจ ก็ว่าจะเลิกๆไปซะ"
"อืม ข้าก็ไม่ได้ไปแวะเวียนโรงน้ำชาเจ้านานแล้ว ไม่รู้ว่าชะตาเจ้าจะเป็นเยี่ยงนี้...ข้าเห็นใจเจ้าจริงๆ"
"ขอบใจเจ้าค่ะท่านเจ้าสัว"
"งั้นข้าจะเมตตาแวะไปเยี่ยมโรงน้ำชาเจ้าสักวัน"
เว่ยชิงตกใจ ตาโต ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง
อ่ำขายของให้ลูกค้าเสร็จ มองตามลูกค้าไป เลยเห็นแสนคุยกับเว่ยชิง
"ท่านเจ้าสัว แล้วนั่น...เจ้าของโรงน้ำชาคนนั้น"
เว่ยชิงเดินจากแสนไปทางหนึ่ง แสนโบกมือให้ ยิ้มแย้ม อ่ำตีความตามท้องเรื่อง
"ท่านเจ้าสัว พบกับเว่ยชิง จะมีอะไรได้นอกจาก..."
อ่ำตาเหลือก หมุนตัวจะวิ่งไปจากร้าน แต่แสนคว้าคอเสื้อไว้
"เอ็งจะรีบไปไหน"
อ่ำลืมตัว
"รีบไปหาคุณนายแก้วขอรับ"
"ไอ้อ่ำ"
อ่ำตาเหลือกหันมา แสนสอยไม้ตะพดซัดปลายคางเบาๆ อ่ำลงไปกอง
"เรื่องของข้า ข้าจะไปไหนมาไหน หากเอ็งปูดข่าวบอกแม่แก้วหรือแม้แต่แม่บุหงา ข้าจะเฆี่ยนเอ็งให้หลังลาย แล้วขายทิ้งไปเป็นทาสขนข้าวหมูในตะแลงแกง"
อ่ำกลัวจัด
"อู๊ย เลือดกลบปากท่วมเยี่ยงนี้ บ่าวพูดไม่ได้แน่ขอรับ รับรองหุบปากขอรับ ท่านเจ้าสัวอย่าขายบ่าวไปเลยนะขอรับ"
อ่ำแทบกราบ แสนชี้หน้า อ่ำพนมมือพยักหน้าหงึกๆ แสนพอใจกับอำนาจของตน
เว่ยชิงกลับมา ยื่นตะกร้าให้นางโลมคนหนึ่ง
"เอายาหม้อพวกนี้ไปเก็บ แล้วอย่าเพิ่งต้มให้ฟ้าหยาดกิน"
"อาเว่ยใจร้าย"
เว่ยชิงเหวอหันไป เจอฟ้าหยาดมองหน้ากวนอารมณ์
"อีนี่ ลื้อยังไม่หายดี ลงมาทำไม ขึ้นไปนอนพัก"
"พักทำไม ก็อาเว่ยไม่ได้อยากให้ฉันหายป่วย"
"ไม่อยากให้หาย แล้วอั๊วอุตส่าห์ถ่อไปซื้อยามาทำไมเว้ย"
"ซื้อมาแล้วไม่ให้กิน ตกลงจะให้หายหรือไม่ให้หาย"
"หายก็ดีจะได้ทำงาน....เอ้ย ไม่หายดีกว่า ลื้ออย่าเพิ่งหาย นอนป่วยไปอย่างนั้นแหละดี อั๊วชอบทรมานคน ขึ้นไปนอน ไป๊"
"อาเว่ย บ้าไปแล้ว"
"เออ บ้า...ลื้อขึ้นไปซะ แล้วห้ามลงมาอีก รำคาญนัก อั๊วปิดร้านนอนเล่นก็ได้"
เว่ยชิงไล่ ฟ้าหยาดงง แต่ก็ขึ้นไปข้างบนด้วยความสงสัย
เว่ยชิงโผล่หน้าดูหน้าร้าน อย่างลังเลใจ
"เอาไงดีว๊าอั๊ว...ถ้าปิดก็เสียลูกค้า ไม่มีรายได้ แต่ถ้าเปิด เกิดเจ้าสัวแสนมา แล้วได้เจออาฟ้าหยาด ? ยุ่งชิบป๋งชีวิตอั๊ว"
บริเวณเชิงบันได ฟ้าหยาดทำเป็นขึ้นบันไดเพื่อให้เว่ยชิงตายใจ ด้านฟ้าหยาดแอบมองลงมา เห็นท่าทางของเว่ยชิงก็ยิ่งสงสัย
"อาเว่ยต้องมีอะไรปกปิดแน่ๆ"
เวลากลางคืน คนใช้ออกมาจุดโคมไฟหน้าโรงน้ำชา เป็นสัญญาณว่าเปิดสำนัก เว่ยชิงโผล่หน้าออกมา เหลียวซ้ายขวา สั่งคนใช้ชาย
"ลื้อคอยดูต้นทางหน้าตรอก ถ้าเห็นเจ้าสัวแสนรีบให้สัญญาณ"
คนใช้พยักหน้า เดินไปอยู่หน้าตรอก ลูกค้าทะยอยมาโรงน้ำชา เว่ยชิงยิ้มแย้มต้อนรับขับสู้
คนใช้ทำเป็นนั่งขอทาน จุดส้มโอแห้งเป็นยากันยุง จนเปลือกส้มโอไหม้ไปครึ่งนึง คนใช้มองไปทางหนึ่ง แล้วรีบลุกกลับเข้าตรอกไป
แสนนั่งรถลากมา โดยมีอ่ำวิ่งตามมาอย่างกระวนกระวาย
ภายในโรงน้ำชา คนใช้เปิดประตูเข้ามา
"เจ้ !"
เว่ยชิงมองหน้าคนใช้รู้ทันที
"รีบปิดประตูปิดหน้าต่าง ดับโคมหน้าร้าน เร็วเข้า"
อ่านต่อหน้า 4
ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 7 (ต่อ)
โรงน้ำชา โคมไฟหน้าร้านที่เปิดอยู่ ใต้ชายคา คนใช้กำลังจะปีนขึ้นไปดับไฟโคม ด้านบนโรงน้ำชา ฟ้าหยาดเปิดหน้าต่างมองลงข้างล่าง เห็นโคมไฟสว่าง
"อาเว่ยก็เปิดร้านเป็นปกตินี่...เฮ้อ หญิงแก่ แปรปรวนชะมัด"
ฟ้าหยาดส่ายหน้าไม่ถือสา ปิดหน้าต่างร้านไป
คนใช้ดับไฟทันที
บริเวณหน้าตรอก รถลากมาถึง แสนมองไปที่ตรอก ไม่ทันเห็นฟ้าหยาด อ่ำวิ่งตามมา อย่างเหนื่อยหอบ
"สมน้ำหน้าไอ้อ่ำ อยากเสือกเรื่องข้า ก็วิ่งตามให้ตลอด"
"คุณแสนจะมาเที่ยวโรงน้ำชาอีกหรือขอรับ คุณท่านอาจจะไม่พอใจ"
"ใครจะพอใจหรือไม่ข้าไม่สน ข้าพอใจจะมา ข้าก็จะมา อ่ำมองไป เห็นโคมหน้าร้านดับสนิท
"แต่ค่ำนี้โรงน้ำชาปิดนะขอรับ โคมไฟดับ ประตูก็ปิดสนิท"
แสนมองอย่างแปลกใจ
"กิจการเว่ยชิงไม่ดีจริงๆรึเนี่ย... ก็ได้ กลับใต้หล้า"
หน้าโรงน้ำชา เว่ยชิงค่อยๆแง้มประตูออกมา เมื่อเห็นแสนไปแล้ว เว่ยชิงก็โล่งใจ เปิดประตูร้านกว้างเหมือนเดิม เสียงคึกคักสรวลเสเฮฮาดังลั่นออกมา
ในเรือนเล็ก แสนนั่งโต๊ะหินอ่อน บุหงาปรนนิบัติรินน้ำชา สายฝนเสิร์ฟขนมเปี๊ยะ
"ขนมเปี๊ยะเยาวราชเจ้าค่ะคุณพ่อ"
"ขอบใจลูก เตรียมตัวพร้อมหรือยังล่ะสายฝน งานที่จะถึงพรุ่งนี้"
"อ๋อ งานวันเกิด"
สายฝนตื่นเต้น คิดว่าแสนให้ความสำคัญกับวันเกิดตน
" งานวันเกิดเจ้าหาญน่ะ สายฝนก็เตรียมตัวรำให้แขกเหรื่อดูมิใช่รึ"
สายฝนวางจานขนมลงอย่างแรง จานกระเบื้องกระทบหินอ่อนเสียงดังเคร้ง ระคายหูทั้งแสนและบุหงา
"คุณพ่อ"
"มีอะไร ทำไมต้องทำกิริยากระด้างแบบนั้น...ไม่น่ารัก"
"คุณพ่อลืมสายฝน คุณพ่อลืมสายฝน"
สายฝนงอนจัด กระทืบเท้าปึงปังออกไป แสนงง และไม่พอใจ
"ลูกหล่อนเป็นอะไรไป แม่บุหงา"
"ท่านเจ้าสัวคงลืมแล้วกระมัง สายฝนเป็นลูกบุหงาแต่ก็ลูกท่านเจ้าสัวด้วย ที่สำคัญ พรุ่งนี้ ก็วันเกิดสายฝนเหมือนกันนะคะ"
"อืม หล่อนอยู่กับฉันมายี่สิบกว่าปีแล้วสินะ"
"ขอบพระคุณนะค่ะ ท่านเจ้าสัวยังอุตส่าห์มีเมตตาจำได้ บุหงาไม่เคยลืมพระคุณท่านเจ้าสัวแม้เพียงสักวัน "
แสนวางถุงอัฐลงตรงหน้าบุหงา บุหงางง ท่าทีบึ้งตึงคลายลงไป
"เอาไป"
บุหงาดีใจ
"ขอบพระคุณเจ้าค่ะ ท่านเจ้าสัวให้บุหงาเป็นของขวัญ"
"เอาไปให้มิตรเก่าของหล่อน"
"มิตรเก่า"
"เว่ยชิง... เอาเงินนี่ไปให้เว่ยชิง โรงน้ำชาปิดจริงอย่างที่หล่อนบอก ท่ากิจการของเว่ยชิงจะแย่ หากหล่อนเป็นผู้ระลึกพระคุณคน หล่อนควรไปดูแลค้ำจุนเว่ยชิง ผู้มีพระคุณของหล่อนเช่นกัน"
แสนสวมหมวก ออกจากเรือนเล็กไปทำงาน
บุหงามองตาม เจ็บใจจึ้ก
"ท่านเจ้าสัวไปที่หอจันทร์ฉายอีกแล้ว"
สายฝนกรีดร้องดังในห้อง เจียมพับผ้า เตรียมเสื้อผ้าสำหรับสายฝนในพรุ่งนี้ เจอสายฝนเตะกองผ้ากระเจิง
"ว้าย วินาศสันตะโรโก ... เกิดอะไรคะคุณสายฝน"
"แอร๊ย...คุณพ่อลืมวันเกิดฉัน ทำไม ทำไม"
"ก็วันพรุ่งนี้วันเกิด.... วันเกิดคุณหาญ"
"อ๊าย...อีเจียม"
สายฝนลงกับเจียม ผลักจนหน้าหงาย เจียมลนลาน
"เอ้อ...ถ้าไม่มีใครให้ความสำคัญกับคุณหนู"
"เอ็งวอนโดนตบใช่ไหมอีเจียม"
สายฝนเงื้อมือ เจียมถอยกรูด ยกของบัง
"มิได้เจ้าค่ะ บ่าวแค่จะบอกว่า หากใครๆไม่สนใจ...คุณสายฝนก็ต้องแย่งความสนใจจากทุกคนให้ได้เจ้าค่ะ แขกเหรื่อมากหน้า มีแต่คหบดี ขุนน้ำขุนนาง คุณสายฝนต้องโดดเด่น จนใครๆต่างเหลียวมองเจ้าค่ะ"
เจียมชูผ้านุ่งชิ้นนั้นชิ้นนี้ส่งให้บุหงาเลือก
บุหงาจับผ้าทาบตัว ประโคมเครื่องประดับ มองกระจก
"ใช่สินะ....พรุ่งนี้ ข้าจะไม่ยอมให้ไอ้หาญเกิดอยู่คนเดียว ข้าต้องเด่นกว่ามัน เผลอๆพี่หยกจะตะลึงแล้วตกหลุมรักข้าด้วย"
สายฝนสีหน้าเอาจริง
บริเวณลานครัว บ่าวไพร่กำลังช่วยกันทำอาหารคาวหวานมากมายหลายสิ่ง เพื่อให้ทันงานวันเกิดหาญที่จะจัดขึ้น ที่มุมหนึ่ง ดาวไม่ค่อยอยากทำอะไรเท่าไหร่ เดือนแกะสลักแตงอ่อนไว้ใส่น้ำพริก
"นังดาว ชาวบ้านเค้าทำงานล้นมือ เอ็งนั่งเพ้อหาวิมานอะไร ห๊า ! มาช่วยกันสิ"ชื่นว่า
"ข้าไม่ทำหรอก งานกุลีงานไพร่ ข้าจะถนอมมือไม้ไว้รำอวดคุณๆทั้งหลาย"
"เฮ้ยๆ หม้อร้อน ข้าจับไม่ไหวแล้ว หกแน่ๆ ตกใส่หัวเอ็งแน่ๆ อีดาว" มั่นว่า
มั่นหิ้วหม้อแกงร้อนๆ ตูดหม้อดำปี๋ด้วยเขม่าถ่าน แกล้งเซมาทางดาว ดาวรีบหดแขน กระเถิบตัวหนี กลัวโดนหม้อร้อน
"ไอ้มั่น เอ็งแกล้งข้า เกิดมือไม้ข้าพองเพราะน้ำแกงราด ข้าไม่ได้รำจะทำยังไง"
"นังเดือนมันก็รำเป็นตัวเด่น สวยไปคนเดียว ก็เท่านั้น ฮ่าๆ"
มั่นหัวเราะเยาะ ชื่นและเอื้อยส่ายหน้าด้วยความระอาดาว
ดาวเห็นหาญเดินมาทางหนึ่ง ก็ตื่นเต้น
"คุณหาญมา !"
เดือนพลอยตกใจไปด้วย หันไปมอง
ทันใดนั้น ดาวฉวยผักและมีดไปจากมือเดือน ทำเป็นว่ากำลังแกะสลักขยันขันแข็ง หาญเข้ามา เห็นดาวทำงาน เดือนดูงงๆ
"ทำงานกันขะมักเขม้นเชียว"
ดาวเอาหน้า ชูแตงอ่อนแกะสลัก
"สวยไหมเจ้าคะ คุณหาญ"
"เอ้อ...สวยดีนะ"
"จะไม่สวยได้อย่างไรเล่าขอรับ แตงอ่อนลูกนั้น นังเดือนมันนั่งแกะอยู่นานสองนาน"
ดาวหันไปค้อนขวับใส่มั่น มั่นหัวเราะเยาะ
หาญมองเดือน ยิ้มให้
"คุณหาญเข้ามาทำไมเจ้าคะ ควันฟืนออกคลุ้ง เดี๋ยวจะสกปรกนะเจ้าคะ"
"เราก็มาดู มาให้กำลังใจ ทุกคน"
หาญเจาะจงประโยคสำคัญดูเฉพาะกับเดือนเป็นพิเศษ
"สองสามวันนี้คงเหนื่อยหน่อยนะ คุณแม่เชิญแขกมากมายจนเราเองก็ตกใจ"
"คุณหาญไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะ บ่าวจะดูแลกำชับบ่าวไพร่พวกนี้มิให้ขาดตกบกพร่องเลยเจ้าค่ะ"
ชื่นรำคาญดาว รีบตัดบทเพราะรู้ว่าหาญก็ไม่พูดอะไรหักน้ำใจบ่าวไพร่คนใดๆ
"คุณหาญเจ้าคะ รีบกลับเรือนเถอะเจ้าค่ะ ป่านนี้นายท่านคงจะถามหาแล้ว"
หาญพยักหน้าอย่างจำยอม ทั้งที่เสียดายยังไม่ได้พูดคุยกับเดือนให้ชื่นใจนัก
ใกล้ลานครัวลับตาคนเล็กน้อย เดือนออกมาฝัดเปลือกถั่วลิสง หาญแอบเข้ามาทางด้านหลัง กระซิบข้างหู
"เรามาให้กำลังใจเจ้า"
เดือนสะดุ้ง แทบจะทำกระด้งถั่วตกพื้น เปลือกถั่วปลิวว่อน
"คุณหาญล่ะก็"
"จะรำอยู่แล้ว ยังจะมาฝัดถั่ว ดูสิ เปลือกถั่วติดตัวเจ้าเต็มไปหมด"
หาญหยิบเปลือกถั่วที่ลอยมาติดผมเดือน เดือนอิ่มใจยิ่งนัก
"คุณหาญเจ้าคะ ใครมาเห็นเข้า"
"งั้นเราจะรีบพูด"
หาญกุมมือเดือนทั้งที่มือเดือนยังจับกระด้งไว้ เดือนยังงง
" หากเจ้ารำเสี่ยงมาลัย ได้โปรดเสี่ยงให้เรา... แม่เดือน"
"บ่าว เอ้อ"
"รับปากกับเราสิ แม่เดือน"
"เจ้าค่ะ...บ่าวจะเสี่ยงมาลัยให้คุณหาญ"
"ได้ยินอย่างนี้ เราชื่นใจนัก"
"ฝัดถั่วกะเทาะเปลือกหมดหรือยังนังเดือนเอ๊ย" มั่นส่งเสียงถามมา
หาญและเดือนยิ้มให้กัน มีเวลาสองเราเพียงน้อยนิดแต่ก็ชื่นฉ่ำหัวใจ
"เราจะรอมาลัยจากเจ้า แม่เดือน"
เดือนพยักหน้ารับเขินๆ หาญรีบไป มั่นเข้ามา
"อ้าว ยังไม่เสร็จอีกหรือ"
"ข้าจะรีบทำเดี๋ยวนี้แหละจ้ะ"
"มาๆ ข้าฝัดเอง เดี๋ยวข้าต้องเอาไปตำอีก น้าชื่นก็เร่งจะรีบทำน้ำพริกขนมจีน"
มั่นเอากระด้งถั่วมาฝัด เดือนเผลอมองตามหาญ แอบอมยิ้ม มั่นมอง งง เดือนรีบทำหน้านิ่ง ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ผ่านเวลา ชื่นเทน้ำซาวข้าวลงอ่างดินเผา
"เดือน แม่เอาน้ำซาวข้าวมาให้ดัดมือ"
"ขอบใจจ้ะแม่"
เดือนแช่มือในน้ำซาวเข้าสักครู่ แล้วดัดมือ
มุมหนึ่ง ดาวนุ่งกระโจมอก พอกขมิ้นทั่วตัว
"วันพรุ่ง ข้าจะเป็นนางรำที่ผ่องที่สุด สะดุดตาคุณชายทั้งหลาย"
ดาวบรรจงใช้บวบขัดผิวอย่างมีความหวัง
"สาธุ...ขอให้มีคุณหาญมองแล้วตะลึง ตกหลุมรักข้าแต่ผู้เดียว"
เมฆมาแอบดู เห็นดาวถลกผ้าถุงขึ้นสูงเพื่อขัดขาอ่อน เมฆอดไม่ได้ เผลอไผล ขยับตัว เหยียบใบไม้ แกรบ !
"ใคร"
เมฆโดนจับได้ เดินออกมาจ้องดูดาวตรงๆ กวาดตาเลียทั้งตัว
"ว่าที่ผัวของเอ็งไงล่ะจ๊ะ นังดาว"
"ไอ้เมฆ ออกไป๊"
ดาวสาดน้ำไล่ เมฆกระโดดหลบไปทางหนึ่ง แต่ยังมอง
"ไอ้ข้อศอกหมา หน้าด้าน....ออกไป๊"
ดาวคว้าขันน้ำเขวี้ยงใส่ เมฆรีบหลบไป ครึ้มใจที่ได้ดูแล้วพอจินตนาการได้ ดาวโมโห ที่มีคนมาขัดจังหวะ
ฝนซ้อมรำ แต่แขนยังไม่อ่อนพอ บุหงาเดินเข้ามาดัดแขน ดัดมือ
"แม่"
"เงียบนะ สายฝน แกต้องอดทน จำไว้สิ เราต้องเป็นใหญ่ในใต้หล้า"
"ถ้าเราเป็นใหญ่...หลังจากนั้น อะไรๆที่เราต้องการก็จะเป็นของเรา"
สายฝนมุ่งมั่น ประการเดียวที่นางต้องการคือหยก สายฝนรำอ่อนช้อน หมุนตัว สวยงาม ... "พี่หยก !"
เดือนซ้อมรำ มั่นเคาะไม้ให้จังหวะ ชื่นมองลูกสาวอย่างชื่นชม ปลาบปลื้ม จังหวะเดือนยกขาข้างหนึ่งขึ้นสูง ดาวเดินเข้ามา มองเดือนรำสวย ก็หมั่นไส้ แกล้งเดินเฉียดชนเดือน เดือนเสียหลัก เกือบล้ม ดีว่ามั่นลุกมารับไว้ทัน
ดาวเชิดใส่ ผละไปประแป้งดินสอพองทั่วตัว เดือนส่ายหน้าระอา
ดาวตบแป้งดินสอพองให้เป็นผง แล้วแกล้งเป่าใส่หน้า จนเดือนสำลัก ดาวหัวเราะ เดือนหลับตาเพราะแป้งเข้าตา แป้งฟุ้งไปทั่ว
เอื้อย ปัดแป้งให้เดือน
"วุ้ย...หลานข้า ผิดหูผิดตาเชียวนะเอ็ง"
เดือนแต่งหน้าแล้ว ดวงตามีรอยยิ้ม เอื้อยเติมแต่งหน้าให้อีก ส่งสีชาดให้ทาปาก เดือนเม้มกระดาษแผ่นสีชาดนั้นที่ริมฝีปาก
ชื่นขยับชุดผ้านุ่งของเดือนให้เข้าที่เข้าทาง
"พร้อมหรือยังลูก"
เดือนค่อยๆคลี่แย้มยิ้ม ริมฝีปากอิ่มเป็นสีกุหลาบ
"ลูกพร้อมแล้วค่ะ"
คันฉ่องบนโต๊ะฉายหน้าเดือนเต็มๆ เป็นนางรำ หวาน สวยผุดผาด ชื่นซ้อนเข้ามาด้านหลังเดือน
"เมื่อนายท่านเมตตา ก็ทำหน้าที่ของเอ็งให้ดีที่สุด"
เดือนลุกขึ้น เห็นชายกระโปรง หางสไบขยับพริ้ว
เสียงพิณพาทย์เพลงรำเสี่ยงมาลัย มั่นอยู่ในวงพิณพาทย์ เล่นฉิ่งเคาะเข้าจังหวะ แขกเหรื่อทุกคนจับจ้องที่นางรำที่เดินเข้ามาจากด้านหนึ่ง
สายฝนนำเข้ามา ยิ้มหวาน สวย ส่งสายตาไปที่หยกเพียงผู้เดียว กล้ากลั้นยิ้ม แอบสะกิดหยก
ดาวเข้ามา ผิวขาวผ่องยองใย เตะตาผู้ชายทุกคน แสนก็มอง เจ้าพระยาขรรค์ชัยจ้องที่ดาวตาเป๋ง แสนมองเจ้าพระยา นึกรู้ว่าต้องการอะไร !
หาญ หันไปมองที่ทางออก รอเดือนซึ่งจะต้องออกมาเป็นคนสุดท้ายด้วยหัวใจตูมตาม
ที่ประตู เดือนก้าวเท้ามา เดือนรำเข้ามา ชายสไบไหวพริ้ว เอวอ่อนอ้อนแอ้น สวยงามเหมือนภาพวาดในวรรณคดี เจ้าพระยาขรรค์ชัยมองเดือน ตะลึง ขยับตัวแทบนั่งไม่ติด
หาญสบตาเดือน เหมือนจะหยุดเวลานั้นเป็นของกันและกัน
สายฝน รำเป็นตัวเด่นด้านหน้า ดาวและเดือนอยู่ด้านหลัง เจ้าพระยาขรรค์ชัยมองดาวและเดือนสลับกัน สวยคนละแบบแต่ถูกใจทั้งคู่
พวงแก้วมองลูกชายตัวเอง เกรงว่าจะมองเดือนและดาวมากเกินไป แต่หาญสำรวมกิริยาไม่มีพิรุธ ยิ่งกล้ายิ่งดูไม่ได้ตื่นเต้นกับความสวยงามของเดือนและดาว แม้แต่น้อย
แก้วเห็นเจ้าพระยาขรรค์ชัยมองเดือนและดาว
สายฝนรำเสียจังหวะไปนิด ผู้คนต่างมอง....สายฝนรำสวยสู้ทาสทั้งสองไม่ได้ แก้วชำเลืองมองบุหงาเป็นเชิงเยาะ
เพลงจบ สายฝนรู้งาน เสี่ยงพวงมาลัยให้แสน แล้วเข้าไปกราบตักแสน
"ลูกสวยมาก สายฝน ขอให้ลูกมีความสุขมากๆนะ"
"ขอบคุณเจ้าค่ะ คุณพ่อ"
เดือนและดาวยังไม่ได้เสี่ยงมาลัย ท่ารำขยักไปมา
เจ้าพระยาขรรค์ชัยทนไม่ได้ ลุกขึ้นประกาศ
"นางรำสองนางนั่น เสี่ยงมาลัยให้ข้าได้หรือไม่"
ดาวและเดือนอึ้งไป
"เจ้าพระยาขรรค์ชัย ท่านอยากได้มาลัยเสี่ยงทายหรอกรึ" แสนถาม
"มิใช่ว่าข้าอยากได้มาลัย....หากข้าอยากได้นางรำเสี่ยงมาลัยทั้งสองนั่น"
เดือนตกใจ หันไปมองหน้าหาญ หาญอึ้ง ผุดลุกขึ้น ดาวตาโต ระริก รู้สึกลำพองใจว่า ตัวเองมีเสน่ห์จนมีคนอยากได้
"หากเจ้าสัวแสนไม่ขัดข้อง ข้าจะไถ่ตัวทาสทั้งสองไปเป็นนางสนองที่เรือน"
ชิ้ง ! มั่นทำฉิ่งตกกระทบกัน ฉิ่งร่วงหลุดจากมือตกพื้น เสียงฉิ่งเบาๆแต่ดังก้องไปทั้งใต้หล้า
เดือนสบตาหาญ หัวใจแทบหลุดจากขั้ว !
อ่านต่อตอนที่ 8