เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยรังสิตได้มีการแถลงข่าวประจำปี พ.ศ.2559 พร้อมกับเปิดตัวหนังสือ “แกะดำโลกสวย” หนังสือที่รวบรวมอัตชีวประวัติของ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ณ โรงแรม แกรนด์ เซ็นเตอร์พอยท์ เทอร์มินอล ทเวนตี้ วัน ถนนสุขุมวิท
โดยภายในงานได้มีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับ ดร.อาทิตย์ พร้อมกันนี้ได้มีผู้ร่วมงานเข้ามาเป็นสักขีพยานเป็นจำนวนมาก ทั้งครอบครัว และ เพื่อนร่วมรุ่นของ ดร.อาทิตย์ จนไปถึงบุคคลสำคัญต่างๆ อาทิเช่น นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี, นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ (ส.ศิวรักษ์), นายพิภพ ธงไชย, นายสุริยะใส กตะศิลา, นายพินิจ จารุสมบัติ เป็นต้น
ช่วงแรกของงาน ทางมหาวิทยาลัยได้แถลงข่าวถึงการเปิดหลักสูตรใหม่ของทางมหาวิทยาลัย ทั้งหมด 3 หลักสูตร คือ หลักสูตรรังสีเทคนิค โดย รศ.มานัส มงคลสุข คณบดีคณะรังสีเทคนิค, หลักสูตรเทคโนโลยีระบบราง โดย รศ.ดร.ธรรมศักดิ์ รุจิระยรรยง คณบดีวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ และหลักสูตรศิลปะและเทคโนโลยีการประกอบอาหาร โดย อ.เสรี วงส์ไพจิตร อธิการวิทยาลัยการท่องเที่ยวและการบริการ ก่อนที่ทาง ดร.อาทิตย์ ในฐานะอธิการบดี ได้กล่าวเสริมขยายความเพิ่มเติมจากทั้ง 3 คณบดี ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
จากนั้น ทางมหาวิทยาลัย ได้เปิดตัวหนังสือ “แกะดำโลกสวย” พร้อมกับได้เชิญ นายอานันท์ ได้กล่าวถึงตัวตนของ ดร.อาทิตย์ จากความรู้สึก ซึ่งนายอานันท์ ได้กล่าวภายในงานว่า
“ตอนที่ท่านอาทิตย์บอกมาเมื่อกี้ว่า ที่ท่านเสนอชื่อผมเป็นนายกครั้งที่ 2 เพราะว่าผมเป็นอาจารย์ของท่านนั้น ท่านเป็นลูกศิษย์ผม ผมเป็นอาจารย์ของเขา ผมอยากจะบอกว่า ความจริงทั้งหมดนี่ ยังเล่าไม่หมดครับ ผมจะเปิดเผยอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งทำไมท่านถึงแต่งตั้งผม เพราะว่าผมกับท่านอาทิตย์เป็นศิษย์กรุงเทพคริสเตียนด้วยกัน (ผู้ร่วมงานปรบมือ)
“ผมได้สอนที่จุฬาฯ อยู่พักหนึ่ง ตอนนั้นเป็นความสัมพันธ์แบบอาจารย์กับลูกศิษย์ แต่ผมมีความชื่นชม ดร.อาทิตย์ หลังจากที่ท่านได้เรียนจบแล้ว ถ้าในแง่เรื่องการศึกษา ในระดับมัธยม ในระดับมหาวิทยาลัย เมื่อครู่นี้ เราได้ดูภาพยนตร์ประวัติสั้นๆ ของท่าน ผมคิดว่า ผมชอบวิธีคิดของ ดร.อาทิตย์ ถึงแม้ว่าท่านจะบอกว่า ในชีวิตเจอแต่ความล้มเหลว แต่จริงๆ แล้ว ผมอยากจะบอกว่า ไม่มีใครที่ไม่ประสบความสำเร็จ โดยไม่ผ่านความล้มเหลว เมื่อดูประวัติศาสตร์ของบุคคลสำคัญในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเมือง วิทยาศาสตร์ วรรณคดี ประวัติศาสตร์ ทุกคนผ่านความล้มเหลวมาแล้ว แต่ที่จริงแล้ว คนที่มีความคิด มีความตั้งใจจะใช้ความล้มเหลวตรงนั้น มาใช้สร้างความสำเร็จให้กับตัวเอง คนๆ นั้น คือคนอย่าง ดร.อาทิตย์
“ผมมองดูชีวิตท่านแล้ว ก็คงอายุน้อยกว่าผมไม่กี่ปี คนๆ นี้ ยังมีไฟแรงอยู่นะครับ คนๆ นี้เกิดมาคุ้มค่า เป็นสิ่งที่น่าภูมิใจ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนฝูง หรือแม้กระทั่งคนอย่างผม ที่อยู่ห่างไกลหน่อย เพราะเขาสร้างตัวเขาเอง เป็นคนช่างคิด คิดแล้วทำ ทำแล้วพูด พูดแล้วทำ ในระหว่างนั้นก็ฟังไปด้วย และพูดอะไรก็พูดความจริง เกิดมาคุ้มค่า แต่ที่สำคัญที่สุด ดร.อาทิตย์นี้ มีวิสัยทัศน์นะครับ แต่ไม่ใช่ในเชิงฝันหวาน แต่มีวิสัยทัศน์แบบมีแผนงานที่จะทำ และก็ทำได้ดี ทำตามระบบที่ตัวเองคิดอยู่ว่า ได้ศึกษา ได้ฟังความเห็นคนอื่นแล้ว สิ่งเหล่านี้ทำให้เป็นคนคุณภาพ แล้วผมก็หวังว่า มหาวิทยาลัยของท่านที่เจริญมา โดยมีคณะต่างๆ ต้องไม่เป็นมหาวิทยาลัยที่ผลิตแบบโรงงาน แล้วผมมั่นใจว่า ท่านจะทำให้เป็นแบบ Harvard ของประเทศไทย
“คุณภาพของคนสำคัญที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่อาจจะได้มาจากโรงเรียน หรือ มหาวิทยาลัยมาบ้าง แต่จริงๆ แล้ว คุณภาพจะได้มาจากประสบการณ์ การผ่านชีวิตที่มีความล้มเหลว ความสำเร็จ การอดทน ความพยายาม และความสำเร็จ ผมแน่ใจว่าสิ่งเหล่านี้มีอยู่ในตัว ดร.อาทิตย์ ซึ่งผมถือว่าเป็นผู้ที่มีความสำเร็จ ในทุกๆ ด้านที่ท่านจับ และท่านก็ยังคิดต่อไป ไม่ท้อถอย ผมต้องถือว่า ท่านเป็นแรงดลบันดาลของเด็กรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา หรือคนที่อายุน้อยกว่าท่าน มองว่าท่านคนนี้ เป็นไอดอล จริงๆ เป็นไอดอลที่ยังทำงานอยู่ ยังคิดอยู่ ยังพยายามสร้างสรรค์ต่อไป
“วันนี้เป็นวันเกิดของท่าน ผมไม่แน่ใจว่าท่านอายุ 63 หรือ 64 (ผู้ร่วมงานหัวเราะ) แต่เมื่อท่านเกิดมาคุ้มค่าแล้ว ท่านต้องอยู่นานๆ นะ ในยามที่เมืองไทยมีแต่ข่าวร้าย แต่ท่านมาสร้างความหวังไว้ มาสร้างให้คนไทยมีจิตสำนึกว่า เรานี้ไม่ได้ด้อยกว่าใคร เราอาจจะเป็นชาติที่บ่นมากหน่อย ทำน้อยเกินไป หรือฝันหรูหราเกินไป ไม่มีความพอเพียงในทุกๆ อย่าง ดร.อาทิตย์นี่คือเกิดมาคุ้มค่า แสดงให้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า เป็นคนที่มีคุณค่า แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตก็คือ ตนเองเห็นคุณค่าของตน เพราะความทรงจำที่ดี ความระลึกถึงคุณค่าของตนเป็นลาภอันประเสริฐ เลยเป็นของขวัญที่น่าได้รับที่สุข ขอบคุณ”
โดยภายในงานได้มีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับ ดร.อาทิตย์ พร้อมกันนี้ได้มีผู้ร่วมงานเข้ามาเป็นสักขีพยานเป็นจำนวนมาก ทั้งครอบครัว และ เพื่อนร่วมรุ่นของ ดร.อาทิตย์ จนไปถึงบุคคลสำคัญต่างๆ อาทิเช่น นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี, นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ (ส.ศิวรักษ์), นายพิภพ ธงไชย, นายสุริยะใส กตะศิลา, นายพินิจ จารุสมบัติ เป็นต้น
ช่วงแรกของงาน ทางมหาวิทยาลัยได้แถลงข่าวถึงการเปิดหลักสูตรใหม่ของทางมหาวิทยาลัย ทั้งหมด 3 หลักสูตร คือ หลักสูตรรังสีเทคนิค โดย รศ.มานัส มงคลสุข คณบดีคณะรังสีเทคนิค, หลักสูตรเทคโนโลยีระบบราง โดย รศ.ดร.ธรรมศักดิ์ รุจิระยรรยง คณบดีวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ และหลักสูตรศิลปะและเทคโนโลยีการประกอบอาหาร โดย อ.เสรี วงส์ไพจิตร อธิการวิทยาลัยการท่องเที่ยวและการบริการ ก่อนที่ทาง ดร.อาทิตย์ ในฐานะอธิการบดี ได้กล่าวเสริมขยายความเพิ่มเติมจากทั้ง 3 คณบดี ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
จากนั้น ทางมหาวิทยาลัย ได้เปิดตัวหนังสือ “แกะดำโลกสวย” พร้อมกับได้เชิญ นายอานันท์ ได้กล่าวถึงตัวตนของ ดร.อาทิตย์ จากความรู้สึก ซึ่งนายอานันท์ ได้กล่าวภายในงานว่า
“ตอนที่ท่านอาทิตย์บอกมาเมื่อกี้ว่า ที่ท่านเสนอชื่อผมเป็นนายกครั้งที่ 2 เพราะว่าผมเป็นอาจารย์ของท่านนั้น ท่านเป็นลูกศิษย์ผม ผมเป็นอาจารย์ของเขา ผมอยากจะบอกว่า ความจริงทั้งหมดนี่ ยังเล่าไม่หมดครับ ผมจะเปิดเผยอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งทำไมท่านถึงแต่งตั้งผม เพราะว่าผมกับท่านอาทิตย์เป็นศิษย์กรุงเทพคริสเตียนด้วยกัน (ผู้ร่วมงานปรบมือ)
“ผมได้สอนที่จุฬาฯ อยู่พักหนึ่ง ตอนนั้นเป็นความสัมพันธ์แบบอาจารย์กับลูกศิษย์ แต่ผมมีความชื่นชม ดร.อาทิตย์ หลังจากที่ท่านได้เรียนจบแล้ว ถ้าในแง่เรื่องการศึกษา ในระดับมัธยม ในระดับมหาวิทยาลัย เมื่อครู่นี้ เราได้ดูภาพยนตร์ประวัติสั้นๆ ของท่าน ผมคิดว่า ผมชอบวิธีคิดของ ดร.อาทิตย์ ถึงแม้ว่าท่านจะบอกว่า ในชีวิตเจอแต่ความล้มเหลว แต่จริงๆ แล้ว ผมอยากจะบอกว่า ไม่มีใครที่ไม่ประสบความสำเร็จ โดยไม่ผ่านความล้มเหลว เมื่อดูประวัติศาสตร์ของบุคคลสำคัญในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเมือง วิทยาศาสตร์ วรรณคดี ประวัติศาสตร์ ทุกคนผ่านความล้มเหลวมาแล้ว แต่ที่จริงแล้ว คนที่มีความคิด มีความตั้งใจจะใช้ความล้มเหลวตรงนั้น มาใช้สร้างความสำเร็จให้กับตัวเอง คนๆ นั้น คือคนอย่าง ดร.อาทิตย์
“ผมมองดูชีวิตท่านแล้ว ก็คงอายุน้อยกว่าผมไม่กี่ปี คนๆ นี้ ยังมีไฟแรงอยู่นะครับ คนๆ นี้เกิดมาคุ้มค่า เป็นสิ่งที่น่าภูมิใจ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนฝูง หรือแม้กระทั่งคนอย่างผม ที่อยู่ห่างไกลหน่อย เพราะเขาสร้างตัวเขาเอง เป็นคนช่างคิด คิดแล้วทำ ทำแล้วพูด พูดแล้วทำ ในระหว่างนั้นก็ฟังไปด้วย และพูดอะไรก็พูดความจริง เกิดมาคุ้มค่า แต่ที่สำคัญที่สุด ดร.อาทิตย์นี้ มีวิสัยทัศน์นะครับ แต่ไม่ใช่ในเชิงฝันหวาน แต่มีวิสัยทัศน์แบบมีแผนงานที่จะทำ และก็ทำได้ดี ทำตามระบบที่ตัวเองคิดอยู่ว่า ได้ศึกษา ได้ฟังความเห็นคนอื่นแล้ว สิ่งเหล่านี้ทำให้เป็นคนคุณภาพ แล้วผมก็หวังว่า มหาวิทยาลัยของท่านที่เจริญมา โดยมีคณะต่างๆ ต้องไม่เป็นมหาวิทยาลัยที่ผลิตแบบโรงงาน แล้วผมมั่นใจว่า ท่านจะทำให้เป็นแบบ Harvard ของประเทศไทย
“คุณภาพของคนสำคัญที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่อาจจะได้มาจากโรงเรียน หรือ มหาวิทยาลัยมาบ้าง แต่จริงๆ แล้ว คุณภาพจะได้มาจากประสบการณ์ การผ่านชีวิตที่มีความล้มเหลว ความสำเร็จ การอดทน ความพยายาม และความสำเร็จ ผมแน่ใจว่าสิ่งเหล่านี้มีอยู่ในตัว ดร.อาทิตย์ ซึ่งผมถือว่าเป็นผู้ที่มีความสำเร็จ ในทุกๆ ด้านที่ท่านจับ และท่านก็ยังคิดต่อไป ไม่ท้อถอย ผมต้องถือว่า ท่านเป็นแรงดลบันดาลของเด็กรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา หรือคนที่อายุน้อยกว่าท่าน มองว่าท่านคนนี้ เป็นไอดอล จริงๆ เป็นไอดอลที่ยังทำงานอยู่ ยังคิดอยู่ ยังพยายามสร้างสรรค์ต่อไป
“วันนี้เป็นวันเกิดของท่าน ผมไม่แน่ใจว่าท่านอายุ 63 หรือ 64 (ผู้ร่วมงานหัวเราะ) แต่เมื่อท่านเกิดมาคุ้มค่าแล้ว ท่านต้องอยู่นานๆ นะ ในยามที่เมืองไทยมีแต่ข่าวร้าย แต่ท่านมาสร้างความหวังไว้ มาสร้างให้คนไทยมีจิตสำนึกว่า เรานี้ไม่ได้ด้อยกว่าใคร เราอาจจะเป็นชาติที่บ่นมากหน่อย ทำน้อยเกินไป หรือฝันหรูหราเกินไป ไม่มีความพอเพียงในทุกๆ อย่าง ดร.อาทิตย์นี่คือเกิดมาคุ้มค่า แสดงให้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า เป็นคนที่มีคุณค่า แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตก็คือ ตนเองเห็นคุณค่าของตน เพราะความทรงจำที่ดี ความระลึกถึงคุณค่าของตนเป็นลาภอันประเสริฐ เลยเป็นของขวัญที่น่าได้รับที่สุข ขอบคุณ”