xs
xsm
sm
md
lg

ล้ำแบบเลวๆ! ติวเตอร์ยุคดิจิตอล “จ่าย 8 แสน” ส่งคำตอบถึงห้องสอบ!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ติวสอบเข้าแพทยศาสตร์ ทันตศาสตร์ เภสัชศาสตร์ ม.รังสิต รับประกันติดแน่นอน ถ้าสอบไม่ผ่าน ยินดีคืนเงิน!! ที่กล้าขึ้นประกาศออกตัวแรงได้ขนาดนี้ ก็เพราะสถาบันกวดวิชาเจ้าปัญหารายนี้รับประกันด้วย “กลโกงขั้นล้ำ” จ้างนักศึกษาแฝงตัวสวม “แว่นตาซ่อนกล้อง” เข้าไปถ่ายคลิปข้อสอบ ก่อนส่งข้อมูลให้ทีมแก้โจทย์ แล้วส่ง sms คำตอบกลับมายัง “นาฬิกาดิจิตอล” บนข้อมือนักศึกษาผู้ว่าจ้างอีกที!! การรับสารภาพของผู้ร่วมกระบวนการครั้งนี้ เล่นเอาสะเทือนรั้วการศึกษาครั้งใหญ่ นี่หรือนักศึกษาไทย...อยากได้ดีจนยอมโกง!!?




“ติวเตอร์โคตรโกง” กระบวนการใหญ่ผ่านระบบดิจิตอล!!
“ผู้ว่าจ้างรับสารภาพว่า เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการ เขาต้องจ่ายเพิ่มอีก 800,000 (หลังมัดจำไปแล้ว 50,000 บาท) ให้กับสถาบันกวดวิชาแห่งนี้” ผศ.นเรฏฐ์ พันธราธร รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยรังสิต เฉลยกลโกงสะเทือนรั้วการศึกษาไทยครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในการสอบเข้าศึกษาคณะแพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ และเภสัชศาสตร์ ม.รังสิต ระหว่างวันที่ 7-8 พ.ค.ที่ผ่านมาให้ฟัง หลังทางมหาวิทยาลัยจับผู้ร่วมกระบวนการได้ พร้อมรับสารภาพว่าคือฝีมือของสถาบันกวดวิชา หรือที่เรียกกันว่า “ติวเตอร์” ซึ่งรวมกลุ่มทำกันเป็นทีม!!

เมื่อตกลงกันเรียบร้อยก่อนเข้าห้องสอบ นักศึกษาผู้ยอมโกงเพื่อให้ได้เข้าเรียนในสถาบันที่ต้องการ จะได้ “นาฬิกาดิจิตอล” เรือนหนึ่งมาเข้าห้องสอบ เพื่อใช้เป็นตัวรับสัญญาณในช่วงท้ายชั่วโมงของการสอบ หลังทีมโกงขั้นเทพปฏิบัติการแก้โจทย์สดๆ ผ่านเทคโนโลยีมาให้แล้ว!!

[ส่ง sms คำตอบของข้อสอบมาบอกผู้ว่าจ้างผ่าน "นาฬิกาดิจิตอล" หลังวางเงินให้ 50,000 บาท หากสอบติด จ่ายเพิ่มอีก 800,000!!]

สถาบันกวดวิชาแห่งนี้ได้จ้างนักศึกษากลุ่มหนึ่ง ซึ่งทางเราจับได้ เป็นนักศึกษาทั้ง 3 คน โดยเขาได้รับสารภาพว่าได้รับเงินมาประมาณ 6,000 บาท ในการเข้ามาถ่ายวิดีโอ ให้เด็กกลุ่มนี้ใส่แว่นเข้ามา ซึ่งแว่นนี้ดูจากภายนอกเผินๆ แล้ว จะดูไม่ออกเลย ดูเหมือนแว่นธรรมดาๆ เหมือนแว่นผมนี่แหละ แต่จะต่างก็คือความหนาของก้านเพราะมันมีวงจรอิเล็กทรอนิกส์อยู่ในนี้

หลักการก็คือ พอเข้าไปแล้ว จะมีการกดปุ่มถ่ายเก็บไว้ ภาพที่ได้ก็จะออกมาเหมือนคนที่กำลังมองข้อสอบ เขาก็ถ่ายไปเรื่อยๆ แต่เนื่องจากมหาวิทยาลัยกำหนดไว้ว่า ไม่อนุญาตให้ผู้เข้าห้องสอบทุกคนออกจากห้องสอบก่อน 45 นาทีแรก เขาเลยนั่งถ่ายวิดีโอไปเรื่อยๆ จน 09.45 น. เด็กกลุ่มที่ว่าจ้างให้มาถ่ายวิดีโอผ่านแว่นก็ลุกออกจากห้องไป


[แว่นตาซ่อนกล้อง ถ่ายภาพข้อสอบแทนสายตา ก่อนส่งให้ทีมโกงช่วยแก้โจทย์มาให้]
จากนั้นจะมีคนมารับแว่นตา เอาไปถอดข้อมูล เอาแว่นตัวนี้ไปเสียบสาย เอาข้อมูลเข้าระบบคอมพิวเตอร์ จนได้ภาพข้อสอบชัดมาก แล้วจะส่งไปยังศูนย์บัญชาการแห่งหนึ่งซึ่งเรายังไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน ซึ่งคนที่ศูนย์นี้น่าจะต้องเก่งมากๆ ทางวิชาที่เขาสอบ เช่น ถ้าสอบวิชาคณิตศาสตร์อยู่ ก็จะมีคนกลุ่มนี้กลุ่มหนึ่งคอยแก้โจทย์ แบ่งข้อสอบเฉลยกันคนละไม่กี่ข้อก็เสร็จแล้ว

สมมติมีอยู่ 10 คน แบ่งกันคนละ 4-5 ข้อ เขาก็เฉลยได้เสร็จได้ภายในครึ่งชั่วโมง แล้วจากนั้น เขาก็จะส่ง sms เข้ามาที่นาฬิกาของนักเรียน (คนที่อยากเข้าแพทย์ ซึ่งกำลังอยู่ในห้องสอบ) ให้ได้เห็นคำตอบ

เรียกได้ว่าเป็นการจับกระบวนการโกงข้อสอบที่สะเทือนวงการศึกษาครั้งใหญ่มาก และที่เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นร้อนที่สุดขณะนี้ขึ้นมาได้ ก็เพราะ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต ออกมาประกาศยกเลิกการสอบคัดเลือกครั้งนี้ด้วยตัวเองผ่านเฟซบุ๊ก “Arthit Ourairat” พร้อมแนบภาพหลักฐานดิจิตอลชิ้นสำคัญที่ผู้ร่วมกระบวนการใช้ในการตุกติก นั่นก็คือ “แว่นตาซ่อนกล้อง” ที่ใช้ถ่ายข้อสอบ และ “นาฬิกาดิจิตอล” ตัวรับสัญญาณเฉลยคำตอบที่ทำขึ้นมาพิเศษเพื่อการนี้นั่นเอง



“ขณะนี้บอกตามตรงว่า เราไม่รู้ว่ามีการทุจริตมากน้อยแค่ไหน เพื่อความบริสุทธิ์ยุติธรรม เราจึงต้องจัดสอบใหม่ เราได้เชิญตำรวจมาช่วยสอบสวนด้วย เพราะไม่แน่ใจว่าพวกเขาเป็นกลุ่มเดียวกันหรือไม่ หรือเป็นคนละกลุ่มกัน ซึ่งถ้าเป็นคนละกลุ่มกันยิ่งทำให้รู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นการทำกันอย่างเป็นขบวนการซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มากๆ เพราะเป็นการเอาเทคโนโลยีอย่างกล้องสายลับมาส่งข้อมูลออกไป และคราวหน้าเราคงต้องระมัดระวังมากขึ้น ห้ามเอาอุปกรณ์ทุกชนิดเข้าไป

เบื้องต้นสำหรับเด็กที่ทุจริตในการสอบก็จะถูกตัดสิทธิ ถูกขึ้นบัญชีดำไม่ให้เข้าสอบอีก ส่วนโรงเรียนกวดวิชานั้น เราตั้งใจว่าจะเอาผิดให้ได้ เพราะสิ่งที่เขาทำถือเป็นความเลวร้ายของสังคมที่เขาเอาเด็กมาหาประโยชน์และโกง เราจะดำเนินคดีอย่างที่สุด ทั้งทางอาญาและทางแพ่ง เพราะมหาวิทยาลัยต้องจัดสอบใหม่ และยังมีผู้สมัครสอบอีกหลายคนที่ได้รับผลกระทบ หลายคนมาจากต่างจังหวัด ทางเราก็เสียใจที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น และขอให้ทุกคนมาสอบใหม่โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ในวันที่ 31 พ.ค.-1 มิ.ย.ที่จะถึงนี้ครับ”




เตือนใจเด็กแพทย์... ห้องผ่าตัดจริง ไม่มี “แว่นวิเศษ-นาฬิกาคำตอบ”
"ต้องผ่าตัดด่วนเลยค่ะหมอ!" พยาบาลสาวรายหนึ่งเอ่ยขึ้นระหว่างอยู่ในห้องฉุกเฉิน
"โอเค ทุกคนรอแพ้บ..." หมอรายหนึ่งมองดูที่นาฬิกาข้อมือของตัวเอง ก่อนตอบออกไปว่า "มันยังไม่ส่งคำตอบมาเลยว่ะ"

เล่นเอาเจ็บจี๊ดโดนใจกันใหญ่ หลังนักวาดการ์ตูนประจำแฟนเพจ “TMHS” หยิบเอาประเด็นร้อนนี้ไปวาดล้อเลียน จำลองสถานการณ์ในห้องผ่าตัดจริง เพื่อเตือนใจให้เหล่าเด็กแพทย์ที่ยอมจ่ายเงินร่วมกระบวนการโกง เพราะอยากสอบติดสถาบันที่ต้องการในครั้งนี้ให้ได้ตาสว่าง สะท้อนให้เห็นว่าถึงจะโกงสำเร็จในวันนี้ แต่ในวันข้างหน้าที่ไม่มีตัวช่วยแล้ว ก็ใช่ว่าจะรอด...


เมื่อให้ลองวิเคราะห์ว่าเป็นเพราะเหตุใด นักศึกษาแพทย์กลุ่มหนึ่งจึงยอมเสียเงินก้อนโตเพื่อแลกกับการได้เข้าสถาบัน อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิตจึงให้คำตอบว่า เป็นเพราะการแข่งขันมันสูงมากนั่นเอง จากผู้สมัครเข้าสอบกว่า 3,000 คน คณะแพทยศาสตร์เปิดรับเพียง 30 คน, คณะทันตแพทยศาสตร์เปิดรับ 30-40 คน และคณะเภสัชศาสตร์เปิดรับ 40-50 คนเท่านั้นเอง

“นักศึกษาที่เข้าสอบมีประมาณ 3,000 คน เป็นผู้ที่สนใจเข้าเรียนในคณะแพทย์ ทันตแพทย์ และเภสัชศาสตร์ โดย 1 คน อาจจะเลือกได้มากกว่า 1 คณะ ใน 3,000 คนนี้ จะรับเข้าวิทยาลัยการแพทย์ได้ประมาณ 30 คน ทันตแพทย์ 30-40 คน และเภสัชศาสตร์ 40-50 คน รวมแล้วเราจะรับได้ประมาณ 100 กว่าคน ก็ถือว่าการแข่งขันสูงมาก

เด็กให้การรับสารภาพว่า เขาได้ติดต่อกับสถาบันกวดวิชา ซึ่งเป็นสถาบันกวดวิชาที่มีป้ายโฆษณาติดอยู่ใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัยเลยว่า 'ติวเข้มเข้าแพทย์ ทันตฯ เภสัชฯ ไม่ติดยินดีคืนเงิน' แต่ถึงเขาจะใช้คำว่า 'ติว' แต่วิธีการที่เขามันก็คือการทุจริต ครั้งนี้อาจารย์ที่คุมสอบได้ตรวจดูและพบว่า ผู้เข้าสอบบางคนมีพิรุธ คือมีนาฬิกาที่เป็นสมาร์ทวอทช์ติดตัวอยู่ และเมื่อตรวจสอบดูก็พบว่า มีคำตอบของวิชาคณิตศาสตร์อยู่จริงๆ


เมื่อเกิดเหตุแบบนี้แล้ว เราก็จำเป็นที่จะต้องห้ามผู้เข้าสอบ ไม่ให้นำอุปกรณ์ต่างๆ เข้าไป ส่วนกรณีของแว่นตา เราจะต้องขอตรวจเป็นรายบุคคล และต้องเขียนประกาศไว้ว่าเขาต้องยินยอมให้เราตรวจ ถึงจะมีสิทธิสอบ และจริงๆ แล้ว เราต้องตรวจที่หูด้วย เพราะเรารู้ว่าเทคโนโลยีมันมาแล้ว คือ 'หูฟังขนาดเล็ก' ที่ซ่อนอยู่ที่หู เราจึงคุยกันว่าในการสอบคราวหน้า เราต้องตรวจกันละเอียดมาก

เด็กที่เคยโกงข้อสอบแบบนี้ ถ้าคิดจะโกงอีกตอนสอบขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ บอกเลยว่ายาก!! ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา ช่วยแสดงความคิดเห็นอีกหนึ่งมุมมอง เพื่อแสดงจุดยืนในการสนับสนุนให้เยาวชนของชาติ “โตไปไม่โกง” โดยให้รายละเอียดว่าการสอบขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพจะมีมาตรการป้องกันการทุจริตที่เข้มงวดมากอยู่แล้ว โดยมีการเช็กบัตรประชาชนว่าเป็นตัวจริงมาสอบหรือไม่ และไม่อนุญาตให้นำเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดเข้าห้องสอบเลยแม้แต่อย่างเดียว

เนื่องจากวิชาชีพแพทย์ต้องมีความซื่อสัตย์ และเป็นวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับชีวิตคนจำนวนมาก ถ้าในอดีตขนาดข้อสอบยังโกง ต่อไปในอนาคตก็อาจโกงการตรวจคนไข้ หรือทำเรื่องทุจริตที่ส่งผลกระทบได้อีก จึงต้องคัดออกไปเสียตั้งแต่แรก และการเรียนแพทย์ ทันตฯ เภสัชฯ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ถ้าไม่มีความพร้อมก็อย่าเรียนดีกว่า เพราะอาจเรียนไม่จบ ทำให้เสียเวลา และต้องมาโกงสอบอีก

“ก่อนสอบใบอนุญาตฯ และขึ้นทะเบียนเป็นแพทย์ เรามีการตรวจสอบประวัติอยู่แล้ว ซึ่งอดีตจะบอกอนาคตทุกอย่าง หรือต่อให้เป็นแพทย์แล้ว แต่ตรวจสอบพบว่ามีการโกง การทุจริต ก็ให้ออกเช่นเดียวกัน เพราะคนที่มีประวัติโกงไม่เหมาะสมกับวิชาชีพนี้ ให้อยู่ต่อไปคงไม่ได้ ตัดออกไปตั้งแต่แรกเลยจะดีกว่า


[ผศ.นเรฏฐ์ พันธราธร รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยรังสิต ช่วยเฉลยกลโกง]

ข่าวโดย ผู้จัดการ Live
ขอบคุณภาพ: fb.com/arthit.ourairat.9 และ fb.com/TMHS




มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น