วันนี้ (12 ก.พ.) เมื่อเวลา 10.30 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ลงพื้นที่ตรวจความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองบางซื่อ จากคลองลาดพร้าวถึงแม่น้ำเจ้าพระยา สถานที่ก่อสร้างบริเวณถนนกําแพงเพชร (บ่อ 3) เขตจตุจักร เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเนื่องจากฝนตกหนัก โดยมี นายสมพงษ์ เวียงแก้ว รองผู้อํานวยการสํานักการระบายน้ำ และคณะผู้บริหาร กทม. และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมลงพื้นที่
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า โครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองบางซื่อ จากคลองลาดพร้าว ถึงแม่น้ำเจ้าพระยา เริ่มจากถนนรัชดาภิเษกลอดใต้คลองบางซื่อไปออกแม่น้ำพระยาบริเวณเกียกกาย สร้างขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเนื่องจากฝนตกหนัก ครอบคลุมพื้นที่ ประมาณ 56 ตารางกิโลเมตร รวมพื้นที่ 6 เขต อีกทั้งจะช่วยแก้ไขปัญหาพื้นที่จุดอ่อนน้ำท่วมทั้ง 6 จุด ประกอบด้วย 1. ถนนพหลโยธินช่วงจากสี่แยกสะพานควายถึงห้าแยกลาดพร้าว 2. ถนนวิภาวดีรังสิต ช่วงจากสี่แยกสุทธิสารถึงห้าแยกลาดพร้าว 3. ถนนรัชดาภิเษก ช่วงจากสี่แยกรัชโยธินถึงคลองบางซื่อ 4. ถนนลาดพร้าว ช่วงจากสี่แยกรัชดาลาดพร้าวถึงคลองบางซื่อ 5. ถนนกําแพงเพชร ช่วงจากใต้ทางด่วนศรีรัช ถึงตลาดนัดสวนจตุจักร 6. ถนนสามเสน ช่วงจากคลองบางกระบือถึงสี่แยก เกียกกาย นอกจากนี้ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในคลองบางซื่อบริเวณคอขวดช่วงถนนพหลโยธิน ถึงถนนวิภาวดีรังสิตด้วย
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ อุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองบางซื่อ มีสถานีสูบน้ำตั้งอยู่ตอนปลายของอุโมงค์แนวริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่บริเวณเกียกกาย โดยมีกําลังสูบรวมขนาด 60 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที มีอาคารรับน้ำจํานวน 3 แห่ง อุโมงค์มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5.0 เมตร ระยะทางยาวประมาณ 6,400 เมตร พร้อมกับมีอาคารสํานักงานจํานวน 1 แห่ง ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 2,442 ล้านบาท เป็นเงินอุดหนุนจากรัฐบาล 50 เปอร์เซ็นต์ โดยมีค่าว่าจ้างที่ปรึกษาจํานวน 41 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งโครงการ 2,483 ล้านบาท ซึ่งสํานักการระบายน้ำได้ว่าจ้างบริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จํากัด (มหาชน) เป็นผู้ดําเนินการ ก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำฯ และได้ว่าจ้างบริษัท ไทยเอนยิเนียริ่งคอนซัลแตนทส์ จํากัด ร่วมกับบริษัท คอนซัลติ้ง เอนยิเนีย จํากัด เป็นที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงาน ซึ่งขณะนี้ ผลงานการก่อสร้างดําเนินการไปแล้ว 46.50 เปอร์เซ็นต์ เร็วกว่าตามแผนงานจากเดิมที่ 44.74 เปอร์เซ็นต์ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณต้นปี 2560 เมื่อแล้วเสร็จอุโมงค์ยักษ์บางซื่อจะระบายน้ำได้ 60 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะสามารถแก้ไขพื้นที่ที่มีน้ำท่วมเรื้อรัง อาทิ ถนนรัชดาภิเษก ถนนวิภาวดีรังสิต และถนนพหลโยธินได้
ส่วนมาตรการก่อนอุโมงค์ยักษ์เสร็จสิ้น กทม. ต้องเตรียมพร้อมทั้งการลอกท่อ เปิดทางน้ำไหล และติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือฤดูฝนให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม ภารกิจต่อไปที่ต้องดำเนินการคือการเปลี่ยนท่อระบายน้ำกรุงเทพฯ ซึ่งต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล เพราะต้องใช้ระยะเวลา และงบประมาณในการดำเนินงานจำนวนมาก ซึ่งตนและทางกระทรวงมหาดไทยได้มีการพูดคุยถึงแนวทางในการขยายท่อระบายน้ำในกรุงเทพฯ ในอนาคตต่อไปด้วย