ท่ามกลางยุคสมัยที่กระแสสุขภาพกำลังมาแรง บวกกับฟิตเนสที่ผุดขึ้นราวดอกเห็ด ทว่ายังคงมีฟิตเนสในตำนานที่ยังดำรงคงอยู่มาจนถึงวันนี้ กับโปสเตอร์โฆษณาที่ ใช้ภาพชายหนุ่มหุ่นล่ำกล้ามปูยืนบิดกาย แปะติดตามเสาไฟฟ้าบ้าง กำแพงบ้าง บางคนเห็นแล้วอาจจะขำ แต่นี่คือความทรงจำที่ผูกพันเคียงคู่อยู่กับคนกรุงเทพฯ มานานหลายทศวรรษ..ประเวศร์ยิม...

ด้วยราคาที่ถูกแสนถูก แถมไม่ต้องเสียค่าสมัครสมาชิกหลักหมื่น เพราะจ่ายเพียงหลักร้อยก็สามารถเข้ามาออกกำลังกายในฟิตเนสแห่งนี้ได้ “ประเวศร์ยิม” บริหารงานโดยนักเพาะกายวัยเก๋า “ประเวศร์ เตชะอธิก” ผู้ชื่นชอบกีฬาเพาะกายจนถึงขั้นลงแข่งและได้รับรางวัลมาหลายต่อหลายเวที อีกทั้งชื่นชอบชนิดที่ว่าทำเครื่องออกกำลังกายต่างๆ มาใช้ในฟิตเนสของตัวเองอีกด้วย
แม้ว่าปัจจุบันจะมีฟิตเนสที่ทันสมัยเกิดขึ้นหลากหลายที่ แต่ลุงประเวศร์กลับย้ำชัดว่าไม่เคยคิดว่าตัวเองนั้นจะเสียเปรียบเลยแม้แต่น้อย เพราะสิ่งที่ทำขึ้นมานั้นเกิดจากใจรัก ใจชอบล้วนๆ
และนี่คงจะเป็นคำกล่าวชี้ชัดไปถึงความรู้สึกของลุงประเวศร์ได้ดี
“ผมมองว่าดีนะครับ สมัยนี้ยิ่งมีฟิตเนสเปิดขึ้นมามากมาย ผมว่าดีมาก เปิดให้ทั่วๆ เปิดให้เยอะๆ เพราะคนที่เขาสะดวกบ้านใกล้แถวไหนเขาจะได้สะดวกแล้วไปใช้บริการได้ จะได้สะดวกแก่การเดินทางด้วย มันเหมือนเป็นที่ๆ ช่วยให้คนแข็งแรง ไม่เจ็บไม่ป่วย มันดีมากๆ นะ”

• อยากให้คุณลุงช่วยเล่าที่มาที่ไปตั้งแต่ยุคเริ่มก่อตั้งของประเวศร์ยิมหน่อยค่ะว่าเป็นมาอย่างไร
มันเริ่มมาจากการที่ผมสนใจการเพาะกายมาตั้งแต่อายุ 17 ปีแล้วครับ แต่ก่อนผมเป็นคนตัวเล็กมาก น้ำหนักแค่ 52 กิโลกรัมเอง พอเล่นไปได้เกือบสองปี น้ำหนักก็เพิ่มขึ้นมาเป็น 75 กิโลกรัม แต่เป็นกล้ามเนื้อ ผมก็เล่นและชอบมาตลอด พออายุได้ประมาณ 19 ปี ผมก็เปิดยิม แต่ว่าตอนนั้นเปิดที่อื่นมาก่อนประมาณ 2-3 ปีก็ย้ายมาอยู่ที่นี่ได้ 40 กว่าปีแล้วครับ (ยิ้ม)
ผมเปิดประเวศร์ยิมเพราะใจรัก ใจชอบ ไม่ได้คิดในเชิงธุรกิจ ไม่ได้คิดว่ามันจะไม่คุ้ม เราแค่อยากเปิดให้คนที่ชอบเหมือนกันมาเล่น มาเป็นสมาชิก มาเป็นเพื่อนฝูงคุยกัน ได้แลกเปลี่ยนความรู้ต่างๆ มันทำให้เรามีความสุขไปอย่างหนึ่ง ซึ่งอันนี้ผมว่าเงินไม่สามารถซื้อมาได้
• ทำไมตอนนั้นถึงสนใจกีฬาเพาะกายคะ เห็นว่าถึงขั้นลงแข่งขันมาหลายเวทีเลย
ตอนนั้นเราอยากจะออกกำลังกายเพื่อให้รูปร่างเราดูดี มีกล้ามเนื้อซึ่งพอเล่นไปเล่นมา เห็นคนเขาไปแข่งขันกัน เราก็เลยได้ไปแข่งขันกับเขา ได้ตำแหน่งมาหลายตำแหน่งเหมือนกันนะ (ยิ้ม) มันทำให้ผมชื่นชอบตั้งแต่ตอนนั้น
สมัยก่อนจะมีหลายเวทีมาก ทั้งเวทีของจังหวัดราชบุรี, ชลบุรี, นครราชสีมา ปักษ์ใต้ก็มี มีที่ไหนผมก็ไปกับเขาหมด ได้รางวัลที่ 1-5 ได้มาหมด แต่ช่วงหลังๆ ผมก็ไม่ได้แข่งเท่าไหร่เพราะว่าเราไม่มีเวลา ผมแค่เล่นและสนับสนุนให้คนในยิมไปแข่งขันมากกว่า ซึ่งเวทีที่ผมภูมิใจที่สุด เป็นเวทีที่ชลบุรี เพราะที่นี่เป็นงานที่ใหญ่กว่าที่อื่น (ยิ้ม)
• นอกจากจะสนใจกีฬาเพาะกายจนถึงขั้นลงแข่งขันแล้ว ลุงประเวศร์ยังทำเครื่องออกกำลังกายขึ้นมาเองอีกด้วย
ตอนนั้น ผมเห็นว่าอุปกรณ์ที่เราไปซื้อเขามันแพง แล้วเราก็ไม่มีเงินซื้อด้วย แต่ว่าใจเราชอบ เราอยากเล่น พอไม่มีเงินซื้อเราก็หาวิธี จะทำยังไง เราถึงจะสร้างขึ้นมาเองได้ ผมเลยดูและศึกษาเอาจากหนังสือ จากแม็กกาซีน จากยิมต่างๆ บ้าง ซึ่งเราก็ค่อยๆ ศึกษาไปเรื่อยๆ จนได้มาทดลองทำเครื่องออกกำลังกายเอง แรกๆ ที่ทำมันก็ใช้ไม่ได้นะ เสียเยอะเลย ก็ต้องหาประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ทำไปทำมามันก็ดีขึ้น จนปัจจุบันก็ถือว่าโอเคแล้ว ตอนนี้ก็มีเครื่องออกกำลังกายเต็มไปหมด (หัวเราะ)
ผมทำเองแล้วก็ประกอบเองทั้งหมดคนเดียว เราศึกษามาจากประสบการณ์ที่เราเล่น อย่างบริหารกล้ามเนื้อหน้าอกมีเครื่องแบบนี้แบบนั้นนะ เราก็ฝึกทำไปจนมันตรงกับความต้องการ
แรกๆ ผมจะไปซื้อเหล็กตามร้านว่าเราจะสร้างอุปกรณ์แบบไหน เครื่องออกกำลังกายแต่ละตัวจะมีเซ็นเตอร์ มีองศา แต่ละส่วนเราจะต้องทำด้วยความชำนาญมันถึงจะโดนกล้ามเนื้อในส่วนที่เราอยากบริหาร เราต้องศึกษามันเยอะมากๆ
การทำเครื่องออกกำลังกายมันจะลำบากตอนคิด พอคิดเสร็จเราต้องร่างแบบแล้วก็มานั่งคำนวณเซ็นเตอร์ซึ่งเราต้องคำนวณให้พอดีกับสรีระร่างกายของแต่ละคนตรงนี้มันสำคัญมากๆ เพราะถ้าเราคำนวณผิดพลาด บริหารไปแล้วจุดที่เราต้องการบริหารมันไม่โดน มันก็ไม่ได้ผลอะไรนะ อันนี้ก็มาจากประสบการณ์เรา ทุกเครื่องจะต้องเป๊ะ จะมานั่งทำมั่วๆ ไม่ได้ เราต้องออกแบบวาดโครงสร้างเองทั้งหมด บางอย่างเราก็ต้องดัดแปลง ดูจากคนอื่นแล้วเอามาดัดแปลง ผมจะทำทุกอย่างเอง เชื่อมเหล็กเองทั้งหมด บางที่ทำแล้วมีคนมาขอซื้อไปก็เยอะนะ ผมก็มีทำขายเขาไปด้วย จริงๆ ผมก็อยากเปิดโรงงานทำอุปกรณ์ออกกำลังกายไปเลยนะ แต่ตรงนี้ผมคิดได้ก็เลยวัยเกษียณไปแล้ว เราทำไม่ไหวแล้ว (ยิ้ม)
• เห็นว่าสมัยก่อนประเวศร์ยิมก็เป็นที่ที่สนับสนุนเพื่อส่งคนไปแข่งขันกีฬาเพาะกายด้วยเหรอคะ
เมื่อ 20 ปีที่แล้ว สมาชิกที่ประเวศร์ยิมส่วนใหญ่จะไปแข่งขันเพาะกาย ซึ่งสมาชิกที่นี่ ถ้าใครกล้ามเนื้อพอที่จะไปแข่งขันได้ ผมก็จะส่งไป มีหลายคนที่เขาโด่งดังมากเลย จริงๆ มีคนเป็นศิษย์จากที่นี่จบไปเยอะมาก มีทุกค่าย ซึ่งผมก็จะจำชื่อพวกเขาไม่ค่อยได้เท่าไหร่ จะจำชื่อได้แค่ไม่กี่คน อย่างคุณทรงเกียรติ คุณสมจิตร มีหลายคนมากจนจำแทบไม่ได้ (หัวเราะ) แต่ยุคนี้คนที่เล่นส่วนใหญ่จะเล่นเพื่อสุขภาพ สิบปีหลัง ผมจะไม่ค่อยได้ส่งนักเพาะกายไปแข่งขันแล้วครับ


• ค่าสมาชิกประเวศร์ยิมจากแต่ก่อนจนถึงปัจจุบันนี่คิดอย่างไรคะ
สมัยแรกๆ ผมจะเก็บค่าสมาชิก 30 บาท ก็ปรับมาเรื่อยๆ สมัยก่อนค่าใช้จ่ายยังถูก ตอนนั้นมันยังไม่แพงทั้งค่าสัญญาบ้าน ค่าเช่า ค่าอะไร ส่วนปัจจุบันผมจะเก็บค่าสมาชิก 500 บาทต่อเดือน หรือเล่นรายวัน วันละ 50 บาท ที่เก็บค่าสมาชิกจริงๆ ผมไม่ได้ทำเพื่อธุรกิจอะไรนะครับ ผมให้เล่นเต็มที่เลย อย่างบางคนเล่น 3-4 ชั่วโมงก็มี ผมก็ให้เล่น แล้วแต่เขา
• คนมาเล่นที่ประเวศร์ยิมส่วนใหญ่เป็นกลุ่มไหนคะ
ที่นี่จะมีคนมาเล่นทุกวัยเลย วัยรุ่น วัยกลางคน ผู้สูงอายุ อายุ 60 ปีขึ้นไปก็มีเยอะ บางคนที่เล่นมากับผม 20-30 ปีแล้วก็มี หรือบางคนอยู่กับผมมาตั้งแต่สมัยที่ผมเปิดใหม่ๆ จนตอนนี้ยังเล่นอยู่ก็มี ส่วนผู้หญิงก็มีครับตั้งแต่เปิดมาจะมีสมาชิกอยู่ประมาณ 40 กว่าคน แต่ว่าผู้หญิงจะเล่นไม่ค่อยทนเท่าไหร่
• เห็นว่ามีดารา-คนดังมาด้วยเหมือนกัน
ดาราก็มีนะครับ แต่ผมนึกชื่อไม่ออกรู้ แต่ว่าเขาเคยเป็นพระเอกละคร แล้วก็มีคุณส้มเช้ง สามช่าก็เคยมา (ยิ้ม)
• ในฐานะผู้บุกเบิกเปิดยิมหรือฟิตเนสขึ้นมา คุณลุงประเวศร์มองว่าสมัยนั้นผู้ที่สนใจในเรื่องสุขภาพมีมากเหมือนสมัยนี้ไหมคะ
ช่วงนั้นยังไม่เยอะนะครับ เพราะตอนนั้น คนหนุ่มๆ เขายังไม่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับสุขภาพเท่าไหร่ บางคนเขาเล่นเพราะอยากมีมัดกล้ามก็แค่นั้น ผมว่าคนยุคนี้เขาฉลาดนะ เขารู้จักออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ สมัยนี้ ผมมองว่ามีพวกดารา นักแสดงที่เขาออกสื่อ ออกทีวีแล้วเขาเล่นฟิตเนสกันส่วนใหญ่ คนก็เลยนิยมตามไปด้วย แต่คนที่เขาอยากเล่น มีใจรัก ใจชอบก็มีเยอะแล้วก็เล่นได้ยาวนานเลย อย่างคนที่มายิมผม ก็มาด้วยใจรักกันทั้งนั้นเลย (ยิ้ม)
• จะว่าไปแล้ว หลายสิบปีก่อนหลายคนคงรู้จักประเวศร์ยิมจากแผ่นโปสเตอร์โฆษณาที่แปะเกือบทั่วทั้งกรุงเทพมหานครเลย เหมือนเป็นช่วงยุคบุกเบิกฟิตเนสเลยก็ว่าได้ ตรงนี้ได้ไม่ทราบว่าไอเดียมาจากไหนคะ
ที่ผมทำโปสเตอร์โฆษณาเป็นเพราะว่ายิมของผมอยู่ในซอย ไม่ได้อยู่ริมถนน ผมเลยต้องไปโฆษณา ประชาสัมพันธ์ข้างนอก โปสเตอร์ผมคิดค้นขึ้นมาเองเลยครับ สมัยนั้นแทบจะมีผมรายเดียวในประเทศไทยเลย (หัวเราะ) ที่เริ่มทำมา แต่ตอนนี้จะติดน้อยลงแล้วครับ จะมีบ้างที่สมาชิกเอาไปโปรโมทลงในอินเตอร์เน็ต
ผมจะหารูปภาพนักเพาะกายเองซึ่งผมมีเก็บเป็นลังๆ เลย นักเพาะกายที่เห็นๆ อยู่ มาจากต่างประเทศทั้งนั้น ซึ่งกระแสที่ผมติดโปสเตอร์ออกไปก็มีคนสนใจนะครับ มีคนเข้ามาถามเยอะเหมือนกัน
โปสเตอร์ที่ทำขึ้นมามีหลายรุ่นแล้วนะ แรกๆ จะเป็นแผ่นขนาดเท่าหนังสือพิมพ์ หลังๆ จะเป็นขนาด A4 ส่วนคนที่เราเลือกแบบมาลง ผมจะมองว่ารูปร่างแบบนี้แหละน่าจะเป็นนายแบบได้ ผมจะเลือกคนที่เขามีรูปร่างดี หน้าตาหล่อ กล้ามเนื้อพอดีๆ มาทำโปสเตอร์ เพราะกล้ามใหญ่ไปผมก็ว่ามันน่ากลัว มันไม่สวย ไม่ควรเอามาลงโฆษณา (หัวเราะ)

• สมัยแรกๆ ที่ลุงประเวศร์เปิดยิมหรือฟิตเนสขึ้นมา มีคู่แข่งบ้างหรือเปล่าคะ
ไม่ค่อยมีนะครับ นี่แหละเลยเป็นสาเหตุให้ผมมาเปิดเพราะว่าผมไปหาที่เล่นลำบาก อีกอย่างมันคับแคบ ไม่สะดวก จะว่าไปตอนนั้นคนรุ่นผมเล่นเยอะนะครับ แต่สถานที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวย อุปกรณ์ก็ไม่มี ผมเลยคิดว่าทำยังไง เราถึงจะได้ทำแล้วเราเล่นได้ด้วย ผมเลยเปิดประเวศร์ยิม
• ปัจจุบันกับสมัยก่อน ตอนไหนลูกค้าเยอะกว่ากันคะ
เมื่อปี พ.ศ. 2538 ตอนนั้นลูกค้าจะเยอะมากเป็นพิเศษ แต่ตอนนี้ ด้วยความที่ฟิตเนสเยอะเต็มไปหมด เราก็ต้องยอมรับกับตรงนี้ด้วย แต่ตอนนี้ก็ยังมีคนมาเล่นเยอะอยู่ครับ
ผมมองว่าคนที่เปิดฟิตเนสบางครั้ง ไม่ได้มีความรู้อะไร พอคนเข้ามาใหม่ เขาก็ไม่สามารถตอบคำถามหรืออธิบายให้เขาได้ เขาเข้ามาเล่นกับผมก็มี คือเข้ามาไม่เข้าใจอะไร สามารถถามได้เลยครับ ผมจะให้คำตอบหมดทุกอย่าง เพราะถ้าเราตอบเขาไม่ได้แสดงว่าเราเปิดมาแบบไม่มีความรู้อะไร มีหลายคนที่เขามาเล่นแล้วสอบถามเราเยอะมาก เราก็ต้องตอบให้ได้ด้วย ซึ่งคำถามที่เขาจะถามเยอะมากๆ เลยว่าเครื่องนี้บริหารส่วนไหนทำไมเขาเล่นแล้วกล้ามไม่โต เราก็ต้องคอยอธิบายและถามการพักผ่อน การกิน การเล่นของเขา
• คิดเห็นอย่างไรที่สมัยนี้คนหันมาสนใจเรื่องสุขภาพกันเยอะเลย
ผมมองว่าดีนะครับ สมัยนี้ยิ่งมีฟิตเนสเปิดขึ้นมามากมาย ผมว่าดีมาก เปิดให้ทั่วๆ เปิดให้เยอะๆ เพราะคนที่เขาสะดวก บ้านใกล้แถวไหน เขาจะได้สะดวกแล้วไปใช้บริการได้ จะได้สะดวกแก่การเดินทางด้วย มันเหมือนเป็นที่ๆ ช่วยให้คนแข็งแรง ไม่เจ็บไม่ป่วย มันดีมากๆ นะ


• อยากให้เปรียบเทียบระหว่างประเวศร์ยิมที่เปิดมา 40 กว่าปีกับฟิตเนสสมัยใหม่ๆ หน่อยค่ะว่ามันมีข้อแตกต่างกันอย่างไรบ้าง แล้วที่นี่มีข้อได้เปรียบหรือเสียเปรียบอย่างไรบ้าง
ข้อแตกต่าง ผมว่าอย่างบางคนที่เขาอยากไปเล่นในที่ที่มีสังคมที่สูงหน่อย เขาก็จะไปเล่นที่ฟิตเนสอื่นๆ แต่ถ้าบางคนเขายังไงก็ได้ เขาก็จะมาเล่นที่ผม บางคนที่เขามีเงินมีทอง ร่ำรวย มาเล่นที่ผมก็มี เพราะที่นี่จะต้อนรับคนทุกระดับชั้น มีตั้งแต่กรรมกรยันเถ้าแก่ ไม่ว่าจะเป็นกรรมกร วินมอเตอร์ไซค์ อธิบดี ผู้พิพากษา ทหาร ตำรวจ หมอ คนต่างชาติก็มีตั้งแต่ฝรั่ง แขก อินเดีย นิโกร มีทุกรูปแบบ
ผมว่าข้อได้เปรียบน่าจะเป็นเพราะเราเปิดมานาน อีกอย่างผมมีความรู้ในเรื่องอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ แน่นอนสามารถบอกคุณได้แน่ๆ ถ้าคุณมาเล่นอยากให้โดนกล้ามเนื้อส่วนไหน รับรองว่าโดนส่วนนั้น อันนี้จากที่สมาชิกบอกๆ กันมานะครับ ส่วนข้อเสียเปรียบของเราก็ตรงที่เราไม่ได้หรูหราอะไร อย่างฟิตเนสอื่นๆ เขาก็จะมีห้องแอร์แต่ของเราจะเป็นอากาศธรรมชาติ แต่จริงๆ ผมว่าผมไม่เสียเปรียบนะเพราะเราทำด้วยใจรัก ใจชอบ ไม่ได้ไปแข่งขันกับใคร
• ถ้าพูดถึงคำว่าเพาะกายบางคนอาจมองว่าน่ากลัวตรงนี้ลุงประเวศร์มองว่าอย่างไรบ้างคะ
คนที่ไม่เคยมาสัมผัส เขาก็อาจจะกลัว แต่จริงๆ ไม่น่ากลัวหรอก บางคนใหญ่แต่ตัว แต่จิตใจดีนะ (หัวเราะ)
• แล้วตอนสมัยลุงประเวศร์หนุ่มๆ มีสาวๆ ให้ความสนใจบ้างไหมคะ หรือว่าเขากลัวเรามากกว่า
ก็มีบ้างนะที่กลัว (หัวเราะ) แต่ผมก็ไม่ได้อะไร เพราะเราไม่ได้ไปทำอะไรเสียหายนี่นา
• บางคนอาจจะมองว่าคนเล่นกล้ามส่วนใหญ่เป็นเกย์ ตรงนี้ลุงประเวศร์คิดเห็นอย่างไรบ้างคะ
ไม่นะ (ตอบเร็ว) ตรงนี้ผมมองว่ามันแล้วแต่คน มันอยู่ที่สิทธิของคน เราอย่าไปรังเกียจเขาเพราะชีวิตมันคนละชีวิต ถึงเขาจะเป็นแต่เขาชอบแบบนั้น เขาทำแบบนั้นไม่ได้หมายความว่าเขาจะไปสร้างความเดือดร้อนให้ใครที่ไหน พวกนี้เสียอีกที่เขาจะเป็นคนที่นิสัยดีเสียส่วนใหญ่ เขาจะพูดจาเรียบร้อย ผมไม่ได้รังเกียจเลยเพราะมันเป็นสิทธิส่วนบุคคล เราอย่าไปก้าวก่าย
ผมว่าความเป็นสุภาพบุรุษไม่ได้สัมพันธ์กับเพศนะครับ อย่างบางคนเป็นผู้ชายแท้ๆ ก็ไม่ได้แมนหรือเป็นสุภาพบุรุษเสมอไป มันขึ้นอยู่ที่จิตใจของคนด้วย

• ชื่นชอบกีฬาเพาะกายมากขนาดนี้ แบบนี้มีนักเพาะกายในดวงใจบ้างไหมคะ
ผมชอบอยู่คนหนึ่ง เป็นนักเพาะกายรุ่นพี่อยู่จังหวัดชลบุรี พี่เขาชื่อว่าณรงค์ หิริสัจจะ ถ้าจำไม่ผิดพี่เขาเป็นมิสเตอร์เอเชียเมื่อปี พ.ศ.2514 หรือ พ.ศ.2516 ผมชอบเพราะพี่เขากล้ามสวยมากเป็นคนไทยเรานี่แหละซึ่งพี่เขากินอาหารธรรมชาติด้วยปัจจุบันเขา 73 ปีแล้วก็ยังแข็งแรงอยู่ ไม่เจ็บป่วยด้วย
ส่วนนักเพาะกายต่างชาติผมจะชอบสตีฟ รีฟส์ (Steve Reeves) ผมชอบเพราะเขารูปร่างสไตล์นายแบบ ผมจะไม่ชอบกล้ามที่ใหญ่เว่อร์เกินเพราะมันมองดูแล้วไม่ธรรมชาติ
• ในฐานะผู้ที่เป็นเจ้าของโรงเพาะกายเรียกได้ว่าแทบจะโรงแรกๆ ของประเทศไทยเลย อีกทั้งยังเคยเป็นนักเพาะกายด้วย ตรงนี้อยากเชิญชวนให้คนหันมาดูแลสุขภาพอย่างไร
ขั้นแรกเราต้องมีใจรัก ใจชอบ ถ้าเรารักตัวกลัวตาย รักชีวิตเรา เราก็ต้องหาวิธีออกกำลังกายบ้างเพราะเราจะได้แข็งแรง ไม่เจ็บไม่ป่วย อายุเราจะได้ยืนยาว ถ้าเราเอาแต่รักสนุก สำมะเลเทเมา บางทียังไม่ทันแก่เลย ก็เจ็บป่วยซะแล้ว แล้วมันจะไปดีตรงไหน เป็นภาระคนอื่นด้วย
• เห็นว่าตอนนี้ลุงประเวศร์ยังคงออกกำลังกายแถมยกเวทอยู่เลย
ผมจะออกกำลังกายไปจนกว่าวินาทีสุดท้าย ยังจะเล่นอีกยาวๆ เพราะการออกกำลังกายมันเป็นยา เราแข็งแรง เลือดลมเดินได้สะดวก มันคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ตอนนี้ผมยังบริหารทุกส่วนแต่จะเล่นให้เบาลง สุขภาพแข็งแรงซื้อไม่ได้ ต้องออกกำลังกายด้วยตัวเอง
ผมเล่นมาตั้งแต่วัยหนุ่ม ณ ตอนนี้ผมก็อายุ 66 ปีแล้ว ผมจะบอกว่ามันดีนะกับการที่เราลงทุนออกกำลังกายมาตั้งแต่เด็กเพราะพอเราอายุมากขึ้นมันดีต่อสุขภาพ มันได้ในเรื่องของสุขภาพ เพราะมันส่งผลในระยะยาว ร่างกายผมแข็งแรง โรคภัยไข้เจ็บไม่มี ผมไม่เคยหาหมอเลยนะ ตั้งแต่ออกกำลังกายมา การออกกำลังกายสำหรับผมแล้วมันเหมือนกับยาชนิดหนึ่งที่เราเสียเวลาไปกับมันแค่ 30-60 นาที มันคุ้มนะ
ทุกวันนี้ ตอนเย็นผมจะออกกำลังกาย 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง ยังคงยกเวทอยู่แต่จะเล่นตามวัย ไม่เหมือนกับสมัยหนุ่มๆ ผมจะเอาที่ไหว ไม่หักโหม ตรงนี้ผมจะบอกว่าผู้สูงอายุมาเล่นได้นะครับ เพราะมันจะช่วยลดน้ำตาล ไขมันในเส้นเลือด ถ้าเราขาดการออกกำลังกายมันจะมีพวกพังพืดมาจับ ทำให้ปวดเมื่อย ซึ่งถ้าออกกำลังกายตลอดเวลามันจะไม่เจ็บป่วย
• ท้ายนี้ในอนาคตเราอยากจะทำอะไรหรือพัฒนาอะไรกับประเวศร์ยิมบ้างไหมคะ
ตรงนี้ผมจะพัฒนาอุปกรณ์ให้ดูดีและทันสมัยขึ้นมาหน่อย ส่วนเรื่องอื่นๆ อาจจะไม่ได้คิดแล้ว เพราะวัยเราขนาดนี้แล้วไปทำอะไรให้มันเหนื่อยกว่านี้ คงไม่ไหวเหมือนกัน (หัวเราะ)
.................................................................................................................................

ความรู้เรื่อง “กล้าม”
จากปากนักเพาะกายรุ่นเก๋า

กล้ามนั้นสำคัญไฉน?
ผมมองว่าแล้วแต่คนนะครับ อย่างบางคนที่เขามาออกกำลังกาย เขาก็ไม่ได้อยากมีกล้ามนะ เขาแค่ต้องการสุขภาพที่ดี บางคนก็คิดว่ากล้ามสำคัญ เขาก็จะเล่นให้หนักหน่อย
จำเป็นไหมอยากมีกล้ามต้องเข้าฟิตเนส จ้างเทรนเนอร์
สมัยรุ่นก่อนๆ ที่ผมเล่น ผมไม่มีเทรนเนอร์นะ ก็เล่นด้วยตัวเอง แต่เด็กสมัยนี้ที่เล่นจะต้องมีคู่ ผมว่ามันก็ดีอย่างหนึ่งนะ เพราะเราจะได้ช่วยกันดูแลความปลอดภัย แต่จะพูดไปแล้วมันก็ไม่จำเป็น เราเล่นด้วยตัวเราเอง ยกท่าไหนก็ทำด้วยตัวเราเองได้
อาหารเสริมจำเป็นไหม
ส่วนตัวผมจะไม่ใช้อาหารเสริมนะ ผมจะเน้นอาหารธรรมชาติ เพราะมันจะไม่มีผลข้างเคียงใดๆ เราอย่าไปใช้ตัวช่วยอย่างอื่ นเพราะเราไม่รู้ว่ามันจะมีผลเสียอะไรหรือเปล่า เราต้องเสริมสร้างด้วยอาหารที่ดี อาหารธรรมชาติจะดีที่สุด จะต้องเน้นเนื้อ นม ไข่ ซึ่งเป็นโปรตีนที่มาจากธรรมชาติ
ผมจะไม่แนะนำให้กินอาหารเสริมเลยนะ นี่แม้กระทั่งพวกบริษัทยาหรืออาหารเสริมจะมาให้ผมจำหน่ายผมยังไม่เอาเลย ผมกลัวว่ามันมีผลข้างเคียงภายภาคหน้า ผมว่ามันไม่ดี
ต้องเล่นหนักแค่ไหน นานแค่ไหนกล้ามถึงจะมา
อย่างน้อยต้องใช้เวลา 3 เดือน เล่นติดต่อกันสัปดาห์ละ 3 วัน ครั้งละประมาณชั่วโมงครึ่งถึงสองชั่วโมง มันจะค่อยๆ เริ่มกระชับ มีรูปร่างมากขึ้น
ก่อนและหลังเล่นเวทเราต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
ก่อนอื่นเราต้องเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนครับ แรกๆ ที่เล่นต้องใช้เวทไม่หนักมาก เพราะถ้าเล่นมากไป อาจเกิดการบาดเจ็บได้ ส่วนหลังจากออกกำลังกาย ก็แค่บีบๆ นวดๆ หน่อยแค่นั้นครับ


เรื่อง : วรัญญา งามขำ
ภาพ : วรวิทย์ พานิชนันท์
ด้วยราคาที่ถูกแสนถูก แถมไม่ต้องเสียค่าสมัครสมาชิกหลักหมื่น เพราะจ่ายเพียงหลักร้อยก็สามารถเข้ามาออกกำลังกายในฟิตเนสแห่งนี้ได้ “ประเวศร์ยิม” บริหารงานโดยนักเพาะกายวัยเก๋า “ประเวศร์ เตชะอธิก” ผู้ชื่นชอบกีฬาเพาะกายจนถึงขั้นลงแข่งและได้รับรางวัลมาหลายต่อหลายเวที อีกทั้งชื่นชอบชนิดที่ว่าทำเครื่องออกกำลังกายต่างๆ มาใช้ในฟิตเนสของตัวเองอีกด้วย
แม้ว่าปัจจุบันจะมีฟิตเนสที่ทันสมัยเกิดขึ้นหลากหลายที่ แต่ลุงประเวศร์กลับย้ำชัดว่าไม่เคยคิดว่าตัวเองนั้นจะเสียเปรียบเลยแม้แต่น้อย เพราะสิ่งที่ทำขึ้นมานั้นเกิดจากใจรัก ใจชอบล้วนๆ
และนี่คงจะเป็นคำกล่าวชี้ชัดไปถึงความรู้สึกของลุงประเวศร์ได้ดี
“ผมมองว่าดีนะครับ สมัยนี้ยิ่งมีฟิตเนสเปิดขึ้นมามากมาย ผมว่าดีมาก เปิดให้ทั่วๆ เปิดให้เยอะๆ เพราะคนที่เขาสะดวกบ้านใกล้แถวไหนเขาจะได้สะดวกแล้วไปใช้บริการได้ จะได้สะดวกแก่การเดินทางด้วย มันเหมือนเป็นที่ๆ ช่วยให้คนแข็งแรง ไม่เจ็บไม่ป่วย มันดีมากๆ นะ”
• อยากให้คุณลุงช่วยเล่าที่มาที่ไปตั้งแต่ยุคเริ่มก่อตั้งของประเวศร์ยิมหน่อยค่ะว่าเป็นมาอย่างไร
มันเริ่มมาจากการที่ผมสนใจการเพาะกายมาตั้งแต่อายุ 17 ปีแล้วครับ แต่ก่อนผมเป็นคนตัวเล็กมาก น้ำหนักแค่ 52 กิโลกรัมเอง พอเล่นไปได้เกือบสองปี น้ำหนักก็เพิ่มขึ้นมาเป็น 75 กิโลกรัม แต่เป็นกล้ามเนื้อ ผมก็เล่นและชอบมาตลอด พออายุได้ประมาณ 19 ปี ผมก็เปิดยิม แต่ว่าตอนนั้นเปิดที่อื่นมาก่อนประมาณ 2-3 ปีก็ย้ายมาอยู่ที่นี่ได้ 40 กว่าปีแล้วครับ (ยิ้ม)
ผมเปิดประเวศร์ยิมเพราะใจรัก ใจชอบ ไม่ได้คิดในเชิงธุรกิจ ไม่ได้คิดว่ามันจะไม่คุ้ม เราแค่อยากเปิดให้คนที่ชอบเหมือนกันมาเล่น มาเป็นสมาชิก มาเป็นเพื่อนฝูงคุยกัน ได้แลกเปลี่ยนความรู้ต่างๆ มันทำให้เรามีความสุขไปอย่างหนึ่ง ซึ่งอันนี้ผมว่าเงินไม่สามารถซื้อมาได้
• ทำไมตอนนั้นถึงสนใจกีฬาเพาะกายคะ เห็นว่าถึงขั้นลงแข่งขันมาหลายเวทีเลย
ตอนนั้นเราอยากจะออกกำลังกายเพื่อให้รูปร่างเราดูดี มีกล้ามเนื้อซึ่งพอเล่นไปเล่นมา เห็นคนเขาไปแข่งขันกัน เราก็เลยได้ไปแข่งขันกับเขา ได้ตำแหน่งมาหลายตำแหน่งเหมือนกันนะ (ยิ้ม) มันทำให้ผมชื่นชอบตั้งแต่ตอนนั้น
สมัยก่อนจะมีหลายเวทีมาก ทั้งเวทีของจังหวัดราชบุรี, ชลบุรี, นครราชสีมา ปักษ์ใต้ก็มี มีที่ไหนผมก็ไปกับเขาหมด ได้รางวัลที่ 1-5 ได้มาหมด แต่ช่วงหลังๆ ผมก็ไม่ได้แข่งเท่าไหร่เพราะว่าเราไม่มีเวลา ผมแค่เล่นและสนับสนุนให้คนในยิมไปแข่งขันมากกว่า ซึ่งเวทีที่ผมภูมิใจที่สุด เป็นเวทีที่ชลบุรี เพราะที่นี่เป็นงานที่ใหญ่กว่าที่อื่น (ยิ้ม)
• นอกจากจะสนใจกีฬาเพาะกายจนถึงขั้นลงแข่งขันแล้ว ลุงประเวศร์ยังทำเครื่องออกกำลังกายขึ้นมาเองอีกด้วย
ตอนนั้น ผมเห็นว่าอุปกรณ์ที่เราไปซื้อเขามันแพง แล้วเราก็ไม่มีเงินซื้อด้วย แต่ว่าใจเราชอบ เราอยากเล่น พอไม่มีเงินซื้อเราก็หาวิธี จะทำยังไง เราถึงจะสร้างขึ้นมาเองได้ ผมเลยดูและศึกษาเอาจากหนังสือ จากแม็กกาซีน จากยิมต่างๆ บ้าง ซึ่งเราก็ค่อยๆ ศึกษาไปเรื่อยๆ จนได้มาทดลองทำเครื่องออกกำลังกายเอง แรกๆ ที่ทำมันก็ใช้ไม่ได้นะ เสียเยอะเลย ก็ต้องหาประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ทำไปทำมามันก็ดีขึ้น จนปัจจุบันก็ถือว่าโอเคแล้ว ตอนนี้ก็มีเครื่องออกกำลังกายเต็มไปหมด (หัวเราะ)
ผมทำเองแล้วก็ประกอบเองทั้งหมดคนเดียว เราศึกษามาจากประสบการณ์ที่เราเล่น อย่างบริหารกล้ามเนื้อหน้าอกมีเครื่องแบบนี้แบบนั้นนะ เราก็ฝึกทำไปจนมันตรงกับความต้องการ
แรกๆ ผมจะไปซื้อเหล็กตามร้านว่าเราจะสร้างอุปกรณ์แบบไหน เครื่องออกกำลังกายแต่ละตัวจะมีเซ็นเตอร์ มีองศา แต่ละส่วนเราจะต้องทำด้วยความชำนาญมันถึงจะโดนกล้ามเนื้อในส่วนที่เราอยากบริหาร เราต้องศึกษามันเยอะมากๆ
การทำเครื่องออกกำลังกายมันจะลำบากตอนคิด พอคิดเสร็จเราต้องร่างแบบแล้วก็มานั่งคำนวณเซ็นเตอร์ซึ่งเราต้องคำนวณให้พอดีกับสรีระร่างกายของแต่ละคนตรงนี้มันสำคัญมากๆ เพราะถ้าเราคำนวณผิดพลาด บริหารไปแล้วจุดที่เราต้องการบริหารมันไม่โดน มันก็ไม่ได้ผลอะไรนะ อันนี้ก็มาจากประสบการณ์เรา ทุกเครื่องจะต้องเป๊ะ จะมานั่งทำมั่วๆ ไม่ได้ เราต้องออกแบบวาดโครงสร้างเองทั้งหมด บางอย่างเราก็ต้องดัดแปลง ดูจากคนอื่นแล้วเอามาดัดแปลง ผมจะทำทุกอย่างเอง เชื่อมเหล็กเองทั้งหมด บางที่ทำแล้วมีคนมาขอซื้อไปก็เยอะนะ ผมก็มีทำขายเขาไปด้วย จริงๆ ผมก็อยากเปิดโรงงานทำอุปกรณ์ออกกำลังกายไปเลยนะ แต่ตรงนี้ผมคิดได้ก็เลยวัยเกษียณไปแล้ว เราทำไม่ไหวแล้ว (ยิ้ม)
• เห็นว่าสมัยก่อนประเวศร์ยิมก็เป็นที่ที่สนับสนุนเพื่อส่งคนไปแข่งขันกีฬาเพาะกายด้วยเหรอคะ
เมื่อ 20 ปีที่แล้ว สมาชิกที่ประเวศร์ยิมส่วนใหญ่จะไปแข่งขันเพาะกาย ซึ่งสมาชิกที่นี่ ถ้าใครกล้ามเนื้อพอที่จะไปแข่งขันได้ ผมก็จะส่งไป มีหลายคนที่เขาโด่งดังมากเลย จริงๆ มีคนเป็นศิษย์จากที่นี่จบไปเยอะมาก มีทุกค่าย ซึ่งผมก็จะจำชื่อพวกเขาไม่ค่อยได้เท่าไหร่ จะจำชื่อได้แค่ไม่กี่คน อย่างคุณทรงเกียรติ คุณสมจิตร มีหลายคนมากจนจำแทบไม่ได้ (หัวเราะ) แต่ยุคนี้คนที่เล่นส่วนใหญ่จะเล่นเพื่อสุขภาพ สิบปีหลัง ผมจะไม่ค่อยได้ส่งนักเพาะกายไปแข่งขันแล้วครับ
• ค่าสมาชิกประเวศร์ยิมจากแต่ก่อนจนถึงปัจจุบันนี่คิดอย่างไรคะ
สมัยแรกๆ ผมจะเก็บค่าสมาชิก 30 บาท ก็ปรับมาเรื่อยๆ สมัยก่อนค่าใช้จ่ายยังถูก ตอนนั้นมันยังไม่แพงทั้งค่าสัญญาบ้าน ค่าเช่า ค่าอะไร ส่วนปัจจุบันผมจะเก็บค่าสมาชิก 500 บาทต่อเดือน หรือเล่นรายวัน วันละ 50 บาท ที่เก็บค่าสมาชิกจริงๆ ผมไม่ได้ทำเพื่อธุรกิจอะไรนะครับ ผมให้เล่นเต็มที่เลย อย่างบางคนเล่น 3-4 ชั่วโมงก็มี ผมก็ให้เล่น แล้วแต่เขา
• คนมาเล่นที่ประเวศร์ยิมส่วนใหญ่เป็นกลุ่มไหนคะ
ที่นี่จะมีคนมาเล่นทุกวัยเลย วัยรุ่น วัยกลางคน ผู้สูงอายุ อายุ 60 ปีขึ้นไปก็มีเยอะ บางคนที่เล่นมากับผม 20-30 ปีแล้วก็มี หรือบางคนอยู่กับผมมาตั้งแต่สมัยที่ผมเปิดใหม่ๆ จนตอนนี้ยังเล่นอยู่ก็มี ส่วนผู้หญิงก็มีครับตั้งแต่เปิดมาจะมีสมาชิกอยู่ประมาณ 40 กว่าคน แต่ว่าผู้หญิงจะเล่นไม่ค่อยทนเท่าไหร่
• เห็นว่ามีดารา-คนดังมาด้วยเหมือนกัน
ดาราก็มีนะครับ แต่ผมนึกชื่อไม่ออกรู้ แต่ว่าเขาเคยเป็นพระเอกละคร แล้วก็มีคุณส้มเช้ง สามช่าก็เคยมา (ยิ้ม)
• ในฐานะผู้บุกเบิกเปิดยิมหรือฟิตเนสขึ้นมา คุณลุงประเวศร์มองว่าสมัยนั้นผู้ที่สนใจในเรื่องสุขภาพมีมากเหมือนสมัยนี้ไหมคะ
ช่วงนั้นยังไม่เยอะนะครับ เพราะตอนนั้น คนหนุ่มๆ เขายังไม่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับสุขภาพเท่าไหร่ บางคนเขาเล่นเพราะอยากมีมัดกล้ามก็แค่นั้น ผมว่าคนยุคนี้เขาฉลาดนะ เขารู้จักออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ สมัยนี้ ผมมองว่ามีพวกดารา นักแสดงที่เขาออกสื่อ ออกทีวีแล้วเขาเล่นฟิตเนสกันส่วนใหญ่ คนก็เลยนิยมตามไปด้วย แต่คนที่เขาอยากเล่น มีใจรัก ใจชอบก็มีเยอะแล้วก็เล่นได้ยาวนานเลย อย่างคนที่มายิมผม ก็มาด้วยใจรักกันทั้งนั้นเลย (ยิ้ม)
• จะว่าไปแล้ว หลายสิบปีก่อนหลายคนคงรู้จักประเวศร์ยิมจากแผ่นโปสเตอร์โฆษณาที่แปะเกือบทั่วทั้งกรุงเทพมหานครเลย เหมือนเป็นช่วงยุคบุกเบิกฟิตเนสเลยก็ว่าได้ ตรงนี้ได้ไม่ทราบว่าไอเดียมาจากไหนคะ
ที่ผมทำโปสเตอร์โฆษณาเป็นเพราะว่ายิมของผมอยู่ในซอย ไม่ได้อยู่ริมถนน ผมเลยต้องไปโฆษณา ประชาสัมพันธ์ข้างนอก โปสเตอร์ผมคิดค้นขึ้นมาเองเลยครับ สมัยนั้นแทบจะมีผมรายเดียวในประเทศไทยเลย (หัวเราะ) ที่เริ่มทำมา แต่ตอนนี้จะติดน้อยลงแล้วครับ จะมีบ้างที่สมาชิกเอาไปโปรโมทลงในอินเตอร์เน็ต
ผมจะหารูปภาพนักเพาะกายเองซึ่งผมมีเก็บเป็นลังๆ เลย นักเพาะกายที่เห็นๆ อยู่ มาจากต่างประเทศทั้งนั้น ซึ่งกระแสที่ผมติดโปสเตอร์ออกไปก็มีคนสนใจนะครับ มีคนเข้ามาถามเยอะเหมือนกัน
โปสเตอร์ที่ทำขึ้นมามีหลายรุ่นแล้วนะ แรกๆ จะเป็นแผ่นขนาดเท่าหนังสือพิมพ์ หลังๆ จะเป็นขนาด A4 ส่วนคนที่เราเลือกแบบมาลง ผมจะมองว่ารูปร่างแบบนี้แหละน่าจะเป็นนายแบบได้ ผมจะเลือกคนที่เขามีรูปร่างดี หน้าตาหล่อ กล้ามเนื้อพอดีๆ มาทำโปสเตอร์ เพราะกล้ามใหญ่ไปผมก็ว่ามันน่ากลัว มันไม่สวย ไม่ควรเอามาลงโฆษณา (หัวเราะ)
• สมัยแรกๆ ที่ลุงประเวศร์เปิดยิมหรือฟิตเนสขึ้นมา มีคู่แข่งบ้างหรือเปล่าคะ
ไม่ค่อยมีนะครับ นี่แหละเลยเป็นสาเหตุให้ผมมาเปิดเพราะว่าผมไปหาที่เล่นลำบาก อีกอย่างมันคับแคบ ไม่สะดวก จะว่าไปตอนนั้นคนรุ่นผมเล่นเยอะนะครับ แต่สถานที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวย อุปกรณ์ก็ไม่มี ผมเลยคิดว่าทำยังไง เราถึงจะได้ทำแล้วเราเล่นได้ด้วย ผมเลยเปิดประเวศร์ยิม
• ปัจจุบันกับสมัยก่อน ตอนไหนลูกค้าเยอะกว่ากันคะ
เมื่อปี พ.ศ. 2538 ตอนนั้นลูกค้าจะเยอะมากเป็นพิเศษ แต่ตอนนี้ ด้วยความที่ฟิตเนสเยอะเต็มไปหมด เราก็ต้องยอมรับกับตรงนี้ด้วย แต่ตอนนี้ก็ยังมีคนมาเล่นเยอะอยู่ครับ
ผมมองว่าคนที่เปิดฟิตเนสบางครั้ง ไม่ได้มีความรู้อะไร พอคนเข้ามาใหม่ เขาก็ไม่สามารถตอบคำถามหรืออธิบายให้เขาได้ เขาเข้ามาเล่นกับผมก็มี คือเข้ามาไม่เข้าใจอะไร สามารถถามได้เลยครับ ผมจะให้คำตอบหมดทุกอย่าง เพราะถ้าเราตอบเขาไม่ได้แสดงว่าเราเปิดมาแบบไม่มีความรู้อะไร มีหลายคนที่เขามาเล่นแล้วสอบถามเราเยอะมาก เราก็ต้องตอบให้ได้ด้วย ซึ่งคำถามที่เขาจะถามเยอะมากๆ เลยว่าเครื่องนี้บริหารส่วนไหนทำไมเขาเล่นแล้วกล้ามไม่โต เราก็ต้องคอยอธิบายและถามการพักผ่อน การกิน การเล่นของเขา
• คิดเห็นอย่างไรที่สมัยนี้คนหันมาสนใจเรื่องสุขภาพกันเยอะเลย
ผมมองว่าดีนะครับ สมัยนี้ยิ่งมีฟิตเนสเปิดขึ้นมามากมาย ผมว่าดีมาก เปิดให้ทั่วๆ เปิดให้เยอะๆ เพราะคนที่เขาสะดวก บ้านใกล้แถวไหน เขาจะได้สะดวกแล้วไปใช้บริการได้ จะได้สะดวกแก่การเดินทางด้วย มันเหมือนเป็นที่ๆ ช่วยให้คนแข็งแรง ไม่เจ็บไม่ป่วย มันดีมากๆ นะ
• อยากให้เปรียบเทียบระหว่างประเวศร์ยิมที่เปิดมา 40 กว่าปีกับฟิตเนสสมัยใหม่ๆ หน่อยค่ะว่ามันมีข้อแตกต่างกันอย่างไรบ้าง แล้วที่นี่มีข้อได้เปรียบหรือเสียเปรียบอย่างไรบ้าง
ข้อแตกต่าง ผมว่าอย่างบางคนที่เขาอยากไปเล่นในที่ที่มีสังคมที่สูงหน่อย เขาก็จะไปเล่นที่ฟิตเนสอื่นๆ แต่ถ้าบางคนเขายังไงก็ได้ เขาก็จะมาเล่นที่ผม บางคนที่เขามีเงินมีทอง ร่ำรวย มาเล่นที่ผมก็มี เพราะที่นี่จะต้อนรับคนทุกระดับชั้น มีตั้งแต่กรรมกรยันเถ้าแก่ ไม่ว่าจะเป็นกรรมกร วินมอเตอร์ไซค์ อธิบดี ผู้พิพากษา ทหาร ตำรวจ หมอ คนต่างชาติก็มีตั้งแต่ฝรั่ง แขก อินเดีย นิโกร มีทุกรูปแบบ
ผมว่าข้อได้เปรียบน่าจะเป็นเพราะเราเปิดมานาน อีกอย่างผมมีความรู้ในเรื่องอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ แน่นอนสามารถบอกคุณได้แน่ๆ ถ้าคุณมาเล่นอยากให้โดนกล้ามเนื้อส่วนไหน รับรองว่าโดนส่วนนั้น อันนี้จากที่สมาชิกบอกๆ กันมานะครับ ส่วนข้อเสียเปรียบของเราก็ตรงที่เราไม่ได้หรูหราอะไร อย่างฟิตเนสอื่นๆ เขาก็จะมีห้องแอร์แต่ของเราจะเป็นอากาศธรรมชาติ แต่จริงๆ ผมว่าผมไม่เสียเปรียบนะเพราะเราทำด้วยใจรัก ใจชอบ ไม่ได้ไปแข่งขันกับใคร
• ถ้าพูดถึงคำว่าเพาะกายบางคนอาจมองว่าน่ากลัวตรงนี้ลุงประเวศร์มองว่าอย่างไรบ้างคะ
คนที่ไม่เคยมาสัมผัส เขาก็อาจจะกลัว แต่จริงๆ ไม่น่ากลัวหรอก บางคนใหญ่แต่ตัว แต่จิตใจดีนะ (หัวเราะ)
• แล้วตอนสมัยลุงประเวศร์หนุ่มๆ มีสาวๆ ให้ความสนใจบ้างไหมคะ หรือว่าเขากลัวเรามากกว่า
ก็มีบ้างนะที่กลัว (หัวเราะ) แต่ผมก็ไม่ได้อะไร เพราะเราไม่ได้ไปทำอะไรเสียหายนี่นา
• บางคนอาจจะมองว่าคนเล่นกล้ามส่วนใหญ่เป็นเกย์ ตรงนี้ลุงประเวศร์คิดเห็นอย่างไรบ้างคะ
ไม่นะ (ตอบเร็ว) ตรงนี้ผมมองว่ามันแล้วแต่คน มันอยู่ที่สิทธิของคน เราอย่าไปรังเกียจเขาเพราะชีวิตมันคนละชีวิต ถึงเขาจะเป็นแต่เขาชอบแบบนั้น เขาทำแบบนั้นไม่ได้หมายความว่าเขาจะไปสร้างความเดือดร้อนให้ใครที่ไหน พวกนี้เสียอีกที่เขาจะเป็นคนที่นิสัยดีเสียส่วนใหญ่ เขาจะพูดจาเรียบร้อย ผมไม่ได้รังเกียจเลยเพราะมันเป็นสิทธิส่วนบุคคล เราอย่าไปก้าวก่าย
ผมว่าความเป็นสุภาพบุรุษไม่ได้สัมพันธ์กับเพศนะครับ อย่างบางคนเป็นผู้ชายแท้ๆ ก็ไม่ได้แมนหรือเป็นสุภาพบุรุษเสมอไป มันขึ้นอยู่ที่จิตใจของคนด้วย
• ชื่นชอบกีฬาเพาะกายมากขนาดนี้ แบบนี้มีนักเพาะกายในดวงใจบ้างไหมคะ
ผมชอบอยู่คนหนึ่ง เป็นนักเพาะกายรุ่นพี่อยู่จังหวัดชลบุรี พี่เขาชื่อว่าณรงค์ หิริสัจจะ ถ้าจำไม่ผิดพี่เขาเป็นมิสเตอร์เอเชียเมื่อปี พ.ศ.2514 หรือ พ.ศ.2516 ผมชอบเพราะพี่เขากล้ามสวยมากเป็นคนไทยเรานี่แหละซึ่งพี่เขากินอาหารธรรมชาติด้วยปัจจุบันเขา 73 ปีแล้วก็ยังแข็งแรงอยู่ ไม่เจ็บป่วยด้วย
ส่วนนักเพาะกายต่างชาติผมจะชอบสตีฟ รีฟส์ (Steve Reeves) ผมชอบเพราะเขารูปร่างสไตล์นายแบบ ผมจะไม่ชอบกล้ามที่ใหญ่เว่อร์เกินเพราะมันมองดูแล้วไม่ธรรมชาติ
• ในฐานะผู้ที่เป็นเจ้าของโรงเพาะกายเรียกได้ว่าแทบจะโรงแรกๆ ของประเทศไทยเลย อีกทั้งยังเคยเป็นนักเพาะกายด้วย ตรงนี้อยากเชิญชวนให้คนหันมาดูแลสุขภาพอย่างไร
ขั้นแรกเราต้องมีใจรัก ใจชอบ ถ้าเรารักตัวกลัวตาย รักชีวิตเรา เราก็ต้องหาวิธีออกกำลังกายบ้างเพราะเราจะได้แข็งแรง ไม่เจ็บไม่ป่วย อายุเราจะได้ยืนยาว ถ้าเราเอาแต่รักสนุก สำมะเลเทเมา บางทียังไม่ทันแก่เลย ก็เจ็บป่วยซะแล้ว แล้วมันจะไปดีตรงไหน เป็นภาระคนอื่นด้วย
• เห็นว่าตอนนี้ลุงประเวศร์ยังคงออกกำลังกายแถมยกเวทอยู่เลย
ผมจะออกกำลังกายไปจนกว่าวินาทีสุดท้าย ยังจะเล่นอีกยาวๆ เพราะการออกกำลังกายมันเป็นยา เราแข็งแรง เลือดลมเดินได้สะดวก มันคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ตอนนี้ผมยังบริหารทุกส่วนแต่จะเล่นให้เบาลง สุขภาพแข็งแรงซื้อไม่ได้ ต้องออกกำลังกายด้วยตัวเอง
ผมเล่นมาตั้งแต่วัยหนุ่ม ณ ตอนนี้ผมก็อายุ 66 ปีแล้ว ผมจะบอกว่ามันดีนะกับการที่เราลงทุนออกกำลังกายมาตั้งแต่เด็กเพราะพอเราอายุมากขึ้นมันดีต่อสุขภาพ มันได้ในเรื่องของสุขภาพ เพราะมันส่งผลในระยะยาว ร่างกายผมแข็งแรง โรคภัยไข้เจ็บไม่มี ผมไม่เคยหาหมอเลยนะ ตั้งแต่ออกกำลังกายมา การออกกำลังกายสำหรับผมแล้วมันเหมือนกับยาชนิดหนึ่งที่เราเสียเวลาไปกับมันแค่ 30-60 นาที มันคุ้มนะ
ทุกวันนี้ ตอนเย็นผมจะออกกำลังกาย 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง ยังคงยกเวทอยู่แต่จะเล่นตามวัย ไม่เหมือนกับสมัยหนุ่มๆ ผมจะเอาที่ไหว ไม่หักโหม ตรงนี้ผมจะบอกว่าผู้สูงอายุมาเล่นได้นะครับ เพราะมันจะช่วยลดน้ำตาล ไขมันในเส้นเลือด ถ้าเราขาดการออกกำลังกายมันจะมีพวกพังพืดมาจับ ทำให้ปวดเมื่อย ซึ่งถ้าออกกำลังกายตลอดเวลามันจะไม่เจ็บป่วย
• ท้ายนี้ในอนาคตเราอยากจะทำอะไรหรือพัฒนาอะไรกับประเวศร์ยิมบ้างไหมคะ
ตรงนี้ผมจะพัฒนาอุปกรณ์ให้ดูดีและทันสมัยขึ้นมาหน่อย ส่วนเรื่องอื่นๆ อาจจะไม่ได้คิดแล้ว เพราะวัยเราขนาดนี้แล้วไปทำอะไรให้มันเหนื่อยกว่านี้ คงไม่ไหวเหมือนกัน (หัวเราะ)
.................................................................................................................................
ความรู้เรื่อง “กล้าม”
จากปากนักเพาะกายรุ่นเก๋า
กล้ามนั้นสำคัญไฉน?
ผมมองว่าแล้วแต่คนนะครับ อย่างบางคนที่เขามาออกกำลังกาย เขาก็ไม่ได้อยากมีกล้ามนะ เขาแค่ต้องการสุขภาพที่ดี บางคนก็คิดว่ากล้ามสำคัญ เขาก็จะเล่นให้หนักหน่อย
จำเป็นไหมอยากมีกล้ามต้องเข้าฟิตเนส จ้างเทรนเนอร์
สมัยรุ่นก่อนๆ ที่ผมเล่น ผมไม่มีเทรนเนอร์นะ ก็เล่นด้วยตัวเอง แต่เด็กสมัยนี้ที่เล่นจะต้องมีคู่ ผมว่ามันก็ดีอย่างหนึ่งนะ เพราะเราจะได้ช่วยกันดูแลความปลอดภัย แต่จะพูดไปแล้วมันก็ไม่จำเป็น เราเล่นด้วยตัวเราเอง ยกท่าไหนก็ทำด้วยตัวเราเองได้
อาหารเสริมจำเป็นไหม
ส่วนตัวผมจะไม่ใช้อาหารเสริมนะ ผมจะเน้นอาหารธรรมชาติ เพราะมันจะไม่มีผลข้างเคียงใดๆ เราอย่าไปใช้ตัวช่วยอย่างอื่ นเพราะเราไม่รู้ว่ามันจะมีผลเสียอะไรหรือเปล่า เราต้องเสริมสร้างด้วยอาหารที่ดี อาหารธรรมชาติจะดีที่สุด จะต้องเน้นเนื้อ นม ไข่ ซึ่งเป็นโปรตีนที่มาจากธรรมชาติ
ผมจะไม่แนะนำให้กินอาหารเสริมเลยนะ นี่แม้กระทั่งพวกบริษัทยาหรืออาหารเสริมจะมาให้ผมจำหน่ายผมยังไม่เอาเลย ผมกลัวว่ามันมีผลข้างเคียงภายภาคหน้า ผมว่ามันไม่ดี
ต้องเล่นหนักแค่ไหน นานแค่ไหนกล้ามถึงจะมา
อย่างน้อยต้องใช้เวลา 3 เดือน เล่นติดต่อกันสัปดาห์ละ 3 วัน ครั้งละประมาณชั่วโมงครึ่งถึงสองชั่วโมง มันจะค่อยๆ เริ่มกระชับ มีรูปร่างมากขึ้น
ก่อนและหลังเล่นเวทเราต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
ก่อนอื่นเราต้องเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนครับ แรกๆ ที่เล่นต้องใช้เวทไม่หนักมาก เพราะถ้าเล่นมากไป อาจเกิดการบาดเจ็บได้ ส่วนหลังจากออกกำลังกาย ก็แค่บีบๆ นวดๆ หน่อยแค่นั้นครับ
เรื่อง : วรัญญา งามขำ
ภาพ : วรวิทย์ พานิชนันท์