พ่อบังเกิดเกล้าร้อง “ปวีณา” เอาเรื่องลูกสาวติดยาหนักทำร้ายลูกชายตัวเองวัย 2 ขวบ ไหปลาร้าหัก 3 ท่อน กระดูกแขนหัก ขู่วางยาพิษฆ่ายกครัว
วันนี้ (4 ก.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ สน.ท่าข้าม นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พานายนุ้ย (นามสมมติ) อายุ 56 ปี อาชีพเก็บของเก่า เดินทางไปเข้าพบ พ.ต.ท.หญิง ดุษฎีพร สุขเกษม พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ สน.ท่าข้าม เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อนางปู (นามสมมติ) บุตรสาว อายุ 35 ปี หลังจากลงมือทุบตี ด.ช.ป๋อง (นามสมมติ) บุตรชายแท้ๆ วัย 2 ขวบจนไหปลาร้าหักถึง 3 ท่อน, กระดูกต้นแขนหัก และขู่วางยาพิษฆ่ายกครัว
สืบเนื่องจากทางมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้รับแจ้งจากนายนุ้ย (นามสมมติ) ว่าลูกสาวตนเมาสุราทุบตีหลานเป็นประจำ โดยล่าสุดนางปู ด.ช.ป๋องออกไปนั่งดื่มสุรา และใช้มือฟาดเข้าที่ไหล่และลำคออย่างแรงจนล้มหัวทิ่มไปกองกับพื้น ร้องเสียงดังลั่นด้วยความเจ็บปวด นำส่งโรงพยาบาล ทางแพทย์ได้รีบเอกซเรย์พบว่าไหปลาร้าหัก กระดูกไหล่แตก เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา
นายนุ้ยกล่าวว่า นางปูเป็นบุตรสาวคนโต มีนิสัยชอบเที่ยวเตร่ ติดยาบ้าตั้งแต่วัยรุ่น ไม่ทำงาน ต่อมามีสามีชื่อนายสม (นามสมมติ) อาชีพขับรถแท็กซี่ อยู่กินกันมานานกว่า 15 ปี อาศัยอยู่ที่ห้องเช่าใกล้กับตน มีลูก 3 คนก็เอาลูกมาให้ตนเลี้ยงดู ส่วนนางปูวันๆ ก็เอาแต่เมาสุรา ด่าทอพ่อแม่ทุกวัน บางครั้งก็ทุบตีมารดาจนเขียวช้ำตามตัว เมื่อไม่ได้ดั่งใจก็จะทุบตี ด.ช.ป๋อง เป็นการประชดพ่อแม่ ส่วนนายสม สามีก็ขับแท็กซี่หาเงินไม่ค่อยมีเวลา เพราะเคยเข้าห้ามปรามและไม่มีอะไรดีขึ้น เวลาที่นางปูเมาเคยขู่จะวางยาพิษฆ่าให้ตายทั้งบ้าน ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (3 ก.ย.) นางปู บุตรสาวพา ด.ช.ป๋องออกไปนั่งดื่มสุรา และใช้มือฟาดเข้าที่ไหล่และลำคออย่างแรงจนล้มหัวทิ่มไปกองกับพื้น ร้องเสียงดังลั่นด้วยความเจ็บปวด ตนกับภรรยาจึงวิ่งออกไปดูก็เห็นชาวบ้านมุงดูและหลานล้มคว่ำอยู่ ที่หูมีบาดแผลถลอกเลือดออกและยกแขนไม่ไหว จึงได้ถามนางปูว่าทำอะไรลูก นางปูกลับปฎิเสธทั้งยังบอกชาวบ้านว่าตากับยายเป็นคนทำ ตนเป็นห่วงหลานจึงรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที แพทย์ได้รีบเอกซเรย์พบว่าไหปลาร้าหัก กระดูกไหล่แตก เมื่อให้พ่อเด็กสอบถามลูก ลูกก็บอกว่าแม่เป็นคนทำ ตนเชื่อว่าบุตรสาวมีอาการทางประสาทเป็นผลจากการเสพยาเสพติดมาเป็นเวลานาน และพอดื่มสุราเลยไม่เป็นตัวของตัวเอง
นางปวีณากล่าวว่า ทางนายนุ้ยได้ประสานมาทางมูลนิธิฯ ว่าเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น เพื่อให้ทางมูลนิธิเข้ามาช่วยเหลือเนื่องจากเกรงว่าถ้าหากยังไม่มีการดำเนินการใดๆ หลังจากที่หลานชายออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว อาจจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำอีก ในวันนี้ทางมูลนิธิจึงได้พานายนุ้ยเข้าแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้ เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนางปู ไปตรวจสอบหาสารเสพติด รวมทั้งนำตัวไปตรวจสอบเกี่ยวกับอาการทางประสาท หากพบว่ามีการเสพสารเสพติดหรืออาการทางประสาทจะได้นำตัวไปบำบัด โดยหลังจากนี้ทางมูลนิธิจะไปรับ ด.ช.ป๋องออกจากโรงพยาบาลมาให้ทางผู้เป็นตาดูแล ทางมูลนิธิจะมีการติดตามผลและจะให้การช่วยเหลือฟื้นฟูสภาพจิตใจของ ด.ช.ป๋องต่อไป
ต่อมาเมื่อเวลา 14.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวนางปูมาสอบปากคำยัง สน.ท่าข้าม ด้าน นางปูกล่าวว่า ตนไม่ได้ทำงานอะไร ดื่มสุราบ้างเป็นครั้งคราว แต่ไม่ได้เสพยาเสพติดแต่อย่างใด และตนไม่ได้ลงมือทุบตีลูกอย่างที่ถูกกล่าวหา ในวันเกิดเหตุตนได้บอกให้ลูกรออยู่ตรงบันได แล้วเดินไปเอาน้ำมาให้ลูกดื่ม แต่กลับได้ยินเสียงลูกร้องไห้ เมื่อเดินออกมาดูก็พบว่าลูกชายตกบันไดจนได้รับบาดเจ็บ
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ ก่อนทำการสอบปากคำนางปู อย่างละเอียดอีกครั้ง หากพบว่ามีความผิดจริงจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป