มองเผินๆ แบบคนนอกวงการที่หลายคนอาจจะคิดว่านี่เป็นเรื่องปกติ เพราะเป็นผลงานของต่างชาติ ซึ่งเราอาจจะซื้อมาลงแล้วแปลงเป็นเวอร์ชั่นภาษาไทยให้ได้เล่นกันอย่างที่เราคุ้นชิน แต่ทว่านี่คือผลงานฝีมือคนไทยล้วนๆ แถมยังเป็นผลงานของนักศึกษา และไม่ได้มีเอี่ยวทีมงานร่วมกับใคร
"ก็อก จัตุพร รักไทยเจริญชีพ" นักศึกษาคณะ ดิจิทัลมีเดีย สาขาออกแบบอินเตอร์แอคทีฟและเกม มหาวิทยาลัยศรีปทุม คือผู้สร้างเกมและทั้งสร้างเสียงลือเสียงเล่าอ้างนั้น
จากความรักความชอบที่มีให้กับเกมตั้งแต่วัยเด็ก ก่อเกิดเป็นความฝันที่จะเป็นผู้สร้างเกม แม้สถานการณ์ชีวิตไม่เอื้อเฟื้อ ทว่าก็ต่อสู้เก็บเกี่ยวจนเมื่อโอกาสมาถึงก็ไขว่คว้า สะท้อนกลับมาเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย รวมไปถึงคนเกมที่มักจะถูกค่อนขอดว่าไร้สาระ...
• THE HOSPITAL HAUNTED BE LOST VR GAME มีที่มาที่ไปอย่างไร
มาจากผลงานวิทยานิพนธ์ของผมครับ คือผมเรียนสาขาการออกแบบอินเตอร์แอคทีฟและเกม ซึ่งต้องอธิบายก่อนว่า อินเตอร์แอคทีฟคือสิ่งที่ปฏิสัมพันธ์กับคน อย่างเวลาเราขึ้นบันไดเลื่อนขึ้นมา 'อินเตอร์แอคทีฟ' ก็คือตัวเซ็นเซอร์ที่ทำงาน เวลามีคนเดินผ่านปุ๊บ ตัวบันไดเลื่อนก็ขยับขึ้น-ลง แล้วทีนี้ ผมก็มีความรู้สึกว่าอยากจะทำเรื่องความกลัว เพราะนึกถึงบ้านผีสิงแบบที่เราเห็นๆ ที่แดนเนรมิตหรือดรีมเวิลด์ เพราะเรามีความรู้สึกว่าเวลาที่คนเขาเข้าไปอยู่ในนั้น เขารู้อยู่แล้วว่ามันเป็นของปลอม มันเป็นสิ่งที่คนสร้างขึ้น แต่เขาก็ยังกลัว เหมือนหนังผีที่เราก็รู้อยู่ว่าคนแสดง แต่เราก็กลัว (ยิ้ม) นั่นก็เลยทำให้อยากรู้ว่าถ้าเราทำบ้าง เราจะเล่นกับความกลัวเขาได้ไหม
จากนั้นก็ทำการรีเสิร์ชข้อมูลเกี่ยวกับความกลัว ศึกษามู้ดแอนด์โทนต่างๆ เสียงต่างๆ ของต่างประเทศเขามีบ้านผีสิงทั้งหมด 11-12 แบบ ก็คือแบบนั่งรถไฟเหาะเข้าไปดูบ้านผีสิงบ้างหรือเดินบ้าง เราก็มีความรู้สึกว่าถ้าอย่างนั้น เรารวมหลายๆ อย่างมาอยู่ในบ้านผีสิงเราอันเดียวมันจะเป็นไปได้ไหม แต่เพิ่มโจทย์ไปอีกนิดหนึ่งว่าถ้าเป็นรูปแบบไทย เราจะรู้สึกอย่างไร ก็หาข้อมูลว่าเรื่องบ้านผีสิงแบบไทยมีแบบไหนบ้าง อย่างตามงานวัดเมื่อสมัยก่อน ทั้งๆ ที่เขาก็มีแค่โลงตั้งอยู่ เอาผ้าปิดครึ่งหนึ่ง แล้วก็มีคนออกมาแสดง มันก็เป็นความกลัวที่เรารู้สึกได้ว่าตอนเด็กๆ เราก็กลัว เพราะเราโดนบรรยากาศมันกลืนกินเข้าไป หลังจากนั้น ไปค้นเพิ่มว่าความกลัวมีอะไรบ้าง มันก็จะมีอย่างเช่น ความกลัวที่เป็นโรค อาทิ กลัวที่มืด กลัวที่แคบๆ กลัวรู เราก็พยายามหยิบตรงนั้นมาผสมตรงนี้ จะเรียกว่ารวมมิตรก็ได้ คือเราเอามาผสมๆ กัน เพราะคนเรากลัวอะไรไม่เหมือนกัน บางคนไม่กลัวความมืด บางคนกลัวเสียงเด็กร้องไห้ ทั้งๆ ที่มันไม่ได้น่ากลัวอะไรเลย แต่อยู่ๆ บางคนก็กลัว ไม่กล้าเดินต่อ สิ่งที่เขากลัวที่สุด ความน่ากลัวที่สุด คือความคิดของเขาเอง ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในเกม
พอเราได้ข้อมูลว่าเราจะทำบ้านผีสิงแล้ว ก็มาคิดถึงรูปแบบ เราจะทำเป็นอินเตอร์แอคทีฟแล้วก็มีห้องขึ้นมาห้องหนึ่งแทนบ้าน เนื่องจากถ้าเราทำเป็นบ้านผีสิงมันจะใหญ่เกินไป ทีนี้จะทำอย่างไรให้มันย่อลงมาโดยที่คนไม่ต้องไปไหน เขาอยู่ในห้องๆ นี้ แต่ความรู้สึกเหมือนเขาอยู่ที่นั่นเลย เราอยากให้เขารู้สึกอย่างนั้น ก็บังเอิญไปเจอ “อ็อกคูลัส ริฟท์” (Oculus Rife) อุปกรณ์ที่ทำให้เรามองเห็นภาพเสมือนว่าเราอยู่ตรงนั้น แต่ว่าเราก็ไม่แน่ใจว่ามันจะทำได้ในระดับไหน เลยไปปรึกษาอาจารย์ และที่คณะเขามีให้ทดลอง เราก็ไปลองทดลองว่ามันเห็นมันมองแล้วมันรู้สึกได้จริงๆ สัมผัสได้จริงๆ
ต่อมา เราก็คิดว่าอยากให้คนเล่นเขาเล่นได้ง่ายที่สุด คือใครๆ ก็เล่นได้ เราก็เลยออกแบบโดยที่เป็นอินเตอร์แอคทีฟกึ่งเกม ซึ่งผมเรียกมันว่า เวอร์ช่วลอินเตอร์แอคทีฟเกม เวอร์ช่วล (Virtual) ก็คือโลกเสมือนจริงที่คุณเข้าไปอยู่ในนั้น เกมก็คือคุณเดินตามทางที่เราบอกไว้ อีกอย่างหนึ่งที่เห็นในคลิปจะเป็นแค่เล่นกับหน้าจอธรรมดา แต่วิทยานิพนธ์ของผม จริงๆ ทำเป็นระบบ 4D มีสั่นด้วย มีลมด้วย แล้วก็มีเสียงจากทั้งลำโพงและหูฟัง เพื่อให้เสียงเบสเข้าไป อันนี้จะครบอยู่ในห้องๆ เดียว ผลงานชิ้นนี้ของผมตอนเลือกประเภทจึงเป็น Experience ประสบการณ์ คือเราไม่ได้เป็นเกมร้อยเปอร์เซ็นต์เพราะเราไม่ได้มีเงื่อนไขให้คนเล่นไปทำอะไร ความต้องการจริงๆ ของเราก็คือให้เขาได้เดินบ้านผีสิงเฉยๆ แค่นั้น พอเราทำขึ้นมา เราส่งงานอาจารย์เสร็จ เราก็เอาไปแชร์
• นั่นคือสาเหตุที่ทำให้เกิดกระแสแชร์ส่งต่อคลิปแคสเกมโดยคนไทยจากชาวต่างชาติ
ใช่ครับ แต่ต้องบอกก่อนว่าผมไม่ใช่คนแรกของเมืองไทยนะ ผมคิดว่าน่าจะมีคนอื่นด้วย แต่ว่าผมไม่รู้ว่าเขาเป็นเกมแนวไหน เพราะว่าเกมมันจะเยอะ มันจะมีหลายประเภท ไม่ใช่มีเกมแบบเดียว ซึ่งสาเหตุที่ผมเอาไปแชร์ในกลุ่มที่เขาเป็นนักพัฒนา พวกเกี่ยวกับอ็อกคูลัส ริฟท์ ด้วยกัน เพราะเราก็เคยไปโหลดของเขามาเล่น (ยิ้ม) แล้วก็เป็นแรงบันดาลใจของเราอย่างหนึ่ง เราก็เลยลองเอาไปแชร์กับเขาดูบ้างว่ารอบนี้จะผ่านไหม เพราะว่าก่อนหน้าที่จะมีโปรเจ็คนี้ออกมา ผมเคยทำเป็นโปรเจ็คต์ทดลองแบบเดียวกันหนึ่งชิ้นชื่อ Effect เป็นงานเกี่ยวกับผู้หญิงทำแท้ง เราอยากจะให้เขาไปดูว่าสิ่งที่คุณทำมันมีผลกระทบอยู่กับอนาคตของคุณอย่างไร
ผลงานนี้ได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่งถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพฯ ก็ลองเอาไปแชร์ แต่ไม่ผ่านทางเว็บไซต์ เขาให้กลับมาปรับปรุงช่วงอนิเมติกช่วงแรก ตอนแรกก็กะจะส่งกลับไปอีกที แต่ก็คือไม่ส่งกลับไปดีกว่า เพราะงานมันยังไม่พร้อมเท่าไหร่ เราทำออกมาทดลองว่าเขาจะกลัวไหม พอตัวที่สองเสร็จเราก็เลยส่งไปอีกรอบ ทางเว็บเขาก็พิจารณาอยู่เดือนหนึ่ง ก็ได้ขึ้นเว็บเขา ก็ดีใจ แต่เราก็ไม่ได้คิดว่าจะมีใครเอาไปทำแคสต์เกมทำลงยูทูป คือเราคิดว่าให้มีคนโหลดเอาไปเล่นเฉยๆ
• จากกระแสที่ดี เรียกได้ว่าเกินคาดกว่าที่ให้ไปโหลดเล่นเฉยๆ เป็นอย่างไรบ้าง
ก็ดีใจครับ คือกระแสตอบรับมันไม่ใช่อยู่แค่ในอ็อกคูลัสริฟท์ กระแสตอบรับเขาอยากให้เราต่อยอดเป็นเกม แล้วเพิ่มเงื่อนไขเข้าไปอีกหน่อย แต่ขอบรรยากาศสไตล์บ้านเราอย่างนี้ เขาชอบบรรยากาศ ซึ่งมันแตกต่างจากเกมสไตล์ญี่ปุ่นหรือฝรั่ง หรือเกมแถวประเทศเพื่อนบ้านเราอย่างอินโดนีเซีย ที่ก่อนหน้าที่ผมจะทำ ผมเคยไปลองเล่นเกมของประเทศอินโดนีเซียอยู่เกมหนึ่ง เรื่องราวเป็นนักเรียน 5 คนที่ครูพาไปเกาะร้างแห่งหนึ่งซึ่งมีโรงเรียนร้าง สเต็ปก็คือเข้าไปข้างในแล้วก็หายไปคนหนึ่ง เสร็จแล้วอีกสองคนก็เดินตามหา ก็หายไปอีก เหลือเรากับเพื่อนเราสองคน พอสุดท้าย เพื่อนเราก็เดินเข้าไป ก็เหลือเราคนเดียว ทีนี้ก็เดินวนอยู่ในฉากที่เป็นโรงเรียนร้าง ผีของเขาก็ดูออกแนวซอมบี้บ้าง เป็นโปร่งแสงบ้าง หลากหลาย แต่เรามีความรู้สึกว่าเราไม่อินกับมัน คือมีความรู้สึกว่าถ้าผีไทยแค่ยืนเฉยๆ แต่ใส่ชุดขาว ผมยาว เลือดอาบ ตามสเต็ปบ้านเราอย่างเมื่อก่อนมันน่ากลัวกว่า เพราะด้วยวัฒนธรรมของเรา แล้วเรารู้สึกถึงมันได้มากกว่า เราก็รู้สึกว่าถ้ามันเป็นสไตล์ไทย คนน่าจะโอเคกว่า
ก็เลยได้ออกมาเป็นโรงพยาบาลร้าง เพราะคนไทยเรากลัวโรงพยาบาล เนื้อเรื่องผมก็ได้มาจากเค้าโครงเรื่องจริงคือคดีที่เกี่ยวกับการฆ่าคนตาย 5 ศพในโรงพยาบาล แล้วก็มาแต่งเรื่องเพิ่มเข้าไปหน่อย การหายไปของศพหนึ่งศพ ศพหนึ่งอยู่ที่ไหน เราก็มาแต่งเพิ่มเข้าไปว่าเขาถูกเอามาซ่อนไว้ที่ตึกร้างนี้ ในตัวเกม ตัวละครเป็นผู้ชายที่หลับแล้วตื่นขึ้นมากลางดึก หลังมาเยี่ยมไข้แฟนสาว แล้วก็เห็นว่าแฟนเขียนกระดาษโน๊ตไว้ "ถ้าตื่นมาแล้วไปซื้อน้ำให้หน่อยนะ" เราก็จะลงไปซื้อร้านสะดวกซื้อข้างล่างตึกของโรงพยาบาลธรรมดา พอเราลงไปเราก็จะพบว่าฉากคือโรงพยาบาลตอนกลางคืน ผมก็จะใส่รายการทีวีไดเร็คกับใส่รายการข่าวเช้าวันใหม่ไป ในโทรทัศน์ในฉากเป็นแมสเซจ เพื่อจะสื่อให้เขาเห็นว่าว่ามันดึกแล้ว เสร็จแล้วทางเดินก็จะพาไปลงลิฟท์ ลิฟท์มันก็เปิดเอง นั่นคือเหตุการณ์แปลกประหลาดแรก พอเข้าไปปุ๊บ ยังไม่ทันอะไรเลย ปิดเองกดเองให้ด้วย เราก็ลงไปแล้วก็หยุดอยู่ที่ชั้น 3 ลิฟท์ก็เกิดมีปัญหา คือเราต้องการจะสื่อให้เขาเห็นถึงเรื่องวิญญาณที่เขาสื่อสารกับคนที่จิตที่ตรงกันได้ จิตตรงกับเขาแล้วเขาอยากให้เราไปเจอศพ
และฉากระหว่างเดินก็จะมีป้ายไขหวัด 2009 อยู่ แต่เรื่องมันเกิดปี 2551 ถ้ามีคนเห็นจะรู้ว่ามันคือเหตุการณ์หนึ่งปีผ่านไปแล้ว โรงพยาบาลที่นี้เคยร้างมาก่อน แล้วก็ปรับปรุงใหม่ ก็คือช่วงแรกยังเป็นโรงพยาบาลใหม่อยู่ เราก็จะเดินตามวิญญาณที่เขาสื่อกับเราได้ พอถึงจุดพีค ทุกอย่างก็จะกลายเป็นโรงพยาบาลเก่า เหมือนเราย้อนอดีตไปดูว่าเขาอยู่ที่ไหน เราก็ต้องเดินตามเขาไปเรื่อยๆ ภายในเกมก็เดินตามเขาไป จนถึงสุดท้ายเราก็จะเห็นว่าศพเขาอยู่ไหน อันนี้จะเล่าที่มานิดหนึ่ง ที่เห็นในงานมันจะเป็นฉบับที่คัดย่อไปแล้ว ถ้าของจริงจะเป็น 16 เส้นทาง 13 ทางเลือก คือเข้ามาเขาจะไม่เจอสิ่งที่เหมือนกันเลย ผมต้องการที่จะให้คนที่มาเล่นครั้งแรก เข้ามาเล่นอีกๆ แต่ทำไม่ไหวด้วยสเกลงานที่เราทำ แค่เราศึกษางานมันก็ใช้เวลามานานแล้ว มีเวลาทำแค่ 3 เดือนสุดท้าย จากตั้งแต่ตอนเดือนกุมาพันธ์ปีที่แล้วที่เริ่มต้นเสนอและศึกษาข้อมูลทั้งหมด ถ้าเราทำใหญ่ขนาดนั้น แล้วทำคนเดียวด้วยไม่เสร็จแน่นอน
• ทั้งหมดเป็นฝีมือของเราคนเดียว
ครับ แต่ผมต้องย้ำว่าไม่ได้ปั้นโมเดลทุกอย่าง อย่างพวกตู้ พวกเตียง โมเดลเล็กๆ หรือเสียงบางเสียงเราก็ไปโหลดมา แล้วตัดต่อ เราไม่ได้สร้างเอง ก็คือที่เขาให้โหลดฟรี บางอย่างก็ยืมมาใช้เพราะเราทำเพื่อการศึกษา แต่ว่าเรามาทำให้มันเก่าลง เปลี่ยนพื้นผิวของมันให้มันเก่าลง เราจะเป็นการรวบรวมคอนเทนท์ต่างๆ มากกว่า เพราะว่าถ้าเรามาขึ้นโมเดลเองตั้งแต่แรกทุกชิ้น เราไม่สามารถทำได้ แต่โมเดลส่วนใหญ่ที่ทำในเกมก็พวกกำแพง พื้น รูปแบบบรรยากาศ การจัดแสง มุมมอง
• รูปแบบการสร้างมันมีความยากง่ายอย่างไรบ้าง
ยากระดับหนึ่งครับ ด้วยความที่ตัวโปรแกรมมันสามารถปรับแสง สี รูปแบบอยู่ในนั้นอยู่แล้ว แต่ที่มันจะช้าหน่อยก็คือตอนที่เราต้องมานั่งเลือกโมเดลส่วนไหนจะเอาเข้ามาดี คือเราไปโหลดมาก็จริง แต่เรามาถึง หยิบๆ ใส่ เอามาใช้ได้เลย เราต้องเอามาแล้วก็มาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเขาอีกทีหนึ่ง ให้มันเข้ากับบรรยากาศที่เราต้องการ แล้วก็ตอนเริ่มทำ คือผมเสียเวลากับฉากแรกเดือนหนึ่งเต็มๆ แค่ห้องๆ แรก ทางเดินแรกที่เราจะเห็นในเกม เดือนหนึ่งเพื่อที่จะหาว่าเราจะทำอย่างไรให้พื้นเทกเจอร์มันดูเป็นของจริง มันวาว เราก็ต้องไปหาวิธีที่จะทำให้มันสะท้อนแสงได้ แต่พอเราได้ตรงนี้ปั๊บ เราหยิบใส่ๆ ได้แล้ว
• คือพอเห็นรูปแบบเกมแล้ว ถ้าไม่บอกว่าเป็นฝีมือคนไทยแถมเป็นนักศึกษา แน่นนอนว่าต้องนึกถึงเกมที่ผลิตโดยต่างประเทศ
คือต้องบอกว่าตอนนี้เครื่องมือในโปรแกรมมันอำนวยความสะดวกกับเราเยอะมาก ยิ่งตอนนี้มีเอ็นจิ้นอยู่สองตัวกำลังดังก็คือ ยูนิตี้ ที่ตอนนี้เป็นยูนิตี้ 5 กับ อันเรียลเอนจิน 4 มันไม่เหมือนสมัยก่อน สมัยก่อนเอ็นจินพวกนี้ต้องเสียเงินซื้อ แต่ตอนนี้เขาออกกฎใหม่คือให้ใช้ฟรี มีทูโทเรียลครบ คุณอยากสร้างอะไรคุณก็ไปดูในเว็บไซต์ยูทูปดูได้ เสร็จแล้วถ้าคุณทำ คุณขายได้ ค่อยเก็บเงินทีหลัง
มันก็เหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้เราได้ลองเรียนรู้ ซึ่งคณะดิจิตอลที่มหาวิทยาลัยศรีปทุมก็มีสอนอยู่แล้ว ก็พัฒนากันมาเรื่อยๆ คือเรามีอาจารย์ที่ปรึกษาที่ส่วนใหญ่เขามีประสบการณ์บริษัทเกมที่จะมาสอน เราก็ได้ความรู้จากตรงนั้น เมื่อบวกกับคณะดิจิตอลที่เน้นการเรียนเป็นครีเอทีฟมากกว่า แทนที่จะเรียนเขียนโปรแกรม คือเรียนเขียนโปรแกรมจะเป็นส่วนหนึ่งที่คุณต้องรู้เอาไว้ อย่างภาษาซีชาร์ป เป็นเบื้องต้น แต่การเรียนจริงๆ เราจะเหมือนเรียนศิลปะ เพราะว่าปีหนึ่ง เราเข้ามา เราก็จะเรียนวาดรูป เรียนองค์ประกอบศิลป์ ทุกอย่าง สีน้ำ คือเขาให้รู้ว่าเป็นอย่างไร แต่ของผมโชคดีตรงที่ผมมีพื้นฐานของเรื่องศิลปะมาจากตอนเรียน ปวช. ที่วิทยาลัยช่างศิลป์ลาดกระบัง เวลาทำออกมา เราก็เลยสื่อสารกับอารมณ์คนได้เข้าถึง
• เราไม่ได้มุ่งตรงมาแล้วเลือกเรียนทางด้านนี้มาก่อนหรือ
มุ่งครับ คือผมชอบเกมมาตั้งแต่เด็กๆ เล่าย้อนตั้งแต่แรกเลยคือ ตอนอายุสัก 3-4 ขวบ คุณพ่อเขาซื้อเครื่องเกมอาตาริ (Atari) มาให้ มันจะเป็นเครื่องเล่นเกมแบบลายเส้น เกมสมัยก่อนจะเป็นเส้นๆ คล้ายเกมเตอร์ติส เกมรถแข่งก็จะเป็นเส้นๆ วงล้อก็จะเป็นกลมๆ โตขึ้นมาหน่อยก็เล่นเกมมาริโอ้ จากนั้นก็ขยับซื้อเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรก ตอนนั้นก็ถามคนชายว่าคอมพิวเตอร์เนี่ยมันสามารถสร้างเกมได้ไหม (หัวเราะ) คนขายเขาก็ไม่รู้ ก็ทำได้แค่วาดรูป เพ้นท์เล็กๆ เพราะว่าตอนนั้นยังไม่มีวินโดว์เลย เป็นดอส (Dos) สมัยเครื่องธรรมดา ราคาห้าหมื่นกว่าบาท
ก็มีความรู้สึกว่าชอบมันมาก อยากทำอะไรที่เกี่ยวกับเกม อยากเรียนทางด้านนี้ อยากสร้าง อยากรู้ว่ามันยากแค่ไหน แต่เราก็ไม่รู้ว่าจะต้องไปเรียนที่ไหนยังไง ช่วงปีพ.ศ.2543 เปิดน้อยไม่มีเลย เราไม่รู้เลยว่าจะเรียนอะไรที่จบออกมาแล้วถึงจะทำเกมได้ ตอนแรกเราจะไปเรียนอิเล็กทรอนิกส์ (ยิ้ม) มันก็ไม่ใช่ เราก็ต้องพับความฝันที่อยากเรียนสร้างเกม เลือกเรียนศิลปะที่เป็นอีกอย่างที่เราชอบ ก็เลยได้ไปเรียนที่วิทยาลัยช่างศิลป์ วิทยาเขตลาดกระบัง คือตอนนั้นเรื่องเกมเราตัดทิ้งไปแล้ว ไม่ได้คิดและฝันว่าจะมามีวันนี้แล้วก็ไม่เคยเล่นอีกเลย
• ฟังดูแล้วมันเหมือนเดินคนละเส้นทาง แล้วทำอย่างไรถึงได้วกกลับมาสร้างเกมได้
ด้วยความที่ตอนนั้นเราอยากเรียนออกแบบผลิตภัณฑ์ หลังจากจบ ปวช. ที่ช่างศิลป์ ก็ไปสอบที่เพาะช่าง เราชอบโปรแกรมโฟโต้ช็อพ ชอบการตัดต่อ เราก็ไปสอบที่เพาะช่าง แต่บังเอิญว่าวันนั้นไปกับเพื่อนแล้วเพื่อนสมัครออกแบบตกแต่ง แล้วเราดันไปต่อแถวเพื่อน ไม่ใช่แถวเราที่เป็นสมัครออกแบบผลิตภัณฑ์ (หัวเราะ) ปรากฏว่าตอนสอบ เราก็สอบอยู่ออกแบบตกแต่ง ก็ไม่ผ่าน ก็กลับมาเรียนใหม่ที่ช่างศิลป์ คราวนี้เรียนเครื่องปั้นดินเผา เพราะว่าแนวการเรียนคล้ายกันกับที่เราเรียนตอนแรก แต่พอเรียนไปสักพัก เรามีความรู้สึกว่ามันไม่ใช่ เราไม่อยากเรียนทางด้านนี้ แล้วประจวบเหมาะกับช่วงนั้นที่บ้านมีปัญหาด้วย เรามีความรู้สึกว่าเราคงต้องออกมาหางานทำช่วยเหลือ
งานแรกที่ทำตอนนั้นคือร้านนามบัตร เพราะเราชอบงานโฟโต้ช็อป แล้วเราอยากทำอะไรที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มาก ก็ทำมาเรื่อยๆ ที่ร้านนามบัตรเนี่ยเขาก็เปิดรับซ่อมคอมพิวเตอร์ด้วย อยู่ๆ ไม่รู้เขานึกอย่างไร เขาส่งให้ไปซ่อมคอมพิวเตอร์ เราก็เลยได้วิชา จากตอนแรก เราไปซ่อมอะไรไม่เป็นเลยนะ อะไรคือแรม อะไรคือซีพียู เราไม่รู้เรื่องอะไรเลย เขาก็มาบ่นว่าเราไม่รู้เรื่องอะไรเลย เราก็หัวเราะ ใช่ เราไม่รู้เรื่องอะไรเลย เขาส่งเรามา (ยิ้ม) แต่ในใจเรามีความรู้สึกว่า เฮ้ย...เขามาว่าเราไม่ได้ ก็เลยลองดู ก็ไปดูเขาซ่อมลงโปรแกรมโน่นนี่ จนสุดท้ายเราก็ทำเป็นหมดเลย
• นั่นคือทำให้เราได้มีโอกาสขยับมาใกล้ชิดขึ้นอีกนิด จากที่มันหายไปแล้วจากความฝัน
ครับ... แต่ตอนนั้นก็ยังไม่ได้คิดนะครับว่าเราจะได้มีโอกาสมาเรียนสร้างเกม (หัวเราะ) แต่หลังจากซ่อมคอมพิวเตอร์ได้แล้ว ด้วยความที่เราเป็นเด็กยัง 18-19 ก็รู้สึกว่าตัวเองพาวเวอร์เยอะมาก ก็ลาออกมาเปิดร้านอินเตอร์เน็ตของตัวเองที่บ้านแถว กม. 4 รามอินทรา สมัยเกมเคาน์เตอร์สไตรค์กำลังฮิต มีเกมเดียว ไม่มีเกมออนไลน์ ขอทุนคุณแม่ให้คุณแม่ซื้อโน่นนี่มาเปิดทั้งหมด 6 เครื่อง คือเราลืมคิดว่าเกมเดียวมันไม่สามารถเล่นได้ตลอด เดือนแรกก็กำไรดี ก็กะว่าจะทยอยจ่ายคืนสบายๆ อยู่ได้ แต่พอเดือนที่สอง เดือนที่สาม หน้าเขียว (หัวเราะ) เจ๊งครับ
หลังจากนั้นก็ไปสมัครงานโรงพิมพ์ ทำไปได้หน่อยก็ป่วยเป็นวัณโรค คือเรามีอาการนานแล้วแต่ไม่รู้ตัว จากนั้นก็ไปทำงานอีเว้นท์ออแกไนซ์เซอร์ ช่วงนั้นก็ต้องทำ ทำๆ อยู่ก็ต้องพัก เพราะเราทำอะไรหนักๆ ไม่ได้ มันจะหอบ ก็เลยได้โอกาสกลับไปเปิดร้านอินเตอร์เน็ตอีกรอบหนึ่ง เอาของเก่าไปเปิดที่บ้านญาติ อยู่ได้ปีกว่า เราก็เห็นเพื่อนคนอื่นเขาที่เจอะเจอกัน เขามีงานมีการดีๆ ทำแล้ว ทำไมเรายังเปิดร้านอินเตอร์เน็ต ค่าเน็ตเรายังไม่มีตังค์ไปจ่ายเขา มันก็ทำให้เราลุกขึ้นมาไปสมัครงาน สมัครๆๆ หลายที่มากตอนนั้น ก็ได้ทำที่บริษัทโรสจิวเวลรี่ เพราะเราสามารถทำดราฟท์งานได้ เราสามารถใช้โปรแกรมอิลลัสได้ ตอนนั้นเขาก็รับ ทำไปได้สักระยะก็ขยับมาเป็นดีไซน์เนอร์จิวเวลรี่ เงินเดือนประมาณ 12,000 บาท เมื่อประมาณ 10 ปี ที่แล้ว คือเทียบกับตอนนี้ก็ตกประมาณราวๆ 16,000-17,000 บาท แล้วก็ออกมาเนื่องจากมีปัญหาหลายอย่าง ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน ออกมาเราก็ไม่รู้ว่าจะไปทำอะไร ก็เลยไปเรียนซ่อมแอร์ที่โรงเรียนฝึกอาชีพกรุงเทพฯ เพราะที่บ้านทำอาชีพแนวตกแต่งบ้าน ประปา ซ่อมปั๊มน้ำ แต่ว่าเขาไม่มีช่างแอร์ เราก็เลยไปเรียนช่างแอร์แล้วกัน
• ที่เล่ามาไม่ได้เกี่ยวข้องเลยกับผลงานในตอนนี้
(หัวเราะ) คือบอกเลยว่าตอนนั้นไม่มีความคิดเรียนตรงนี้อยู่ในหัวสมองผมเลย เราก็เรียนๆ ทำๆ แต่เรามีความรู้สึกว่าเราไม่เหมาะกับตรงนี้ เพราะมันต้องปีนหลังบ้างอะไรบ้าง มันอันตราย มันไม่ใช่แค่เราคนเดียว ลูกน้องเราก็ไม่ใช่ใครอื่นไกล คนที่บ้าน เหมือนญาติๆ กัน เวลาเราใช้เขาไป เขาต้องไปปีน ไปยกขึ้น เรากลัวเขาเกิดอันตราย มันก็เลยไม่น่าจะเหมาะเท่าไหร่ แต่ก็ยังทำอยู่ ทุกวันนี้ก็ยังไปล้างแอร์อยู่ แต่อันนี้จะเป็นลูกค้าแม่มากกว่าที่จะไปทำให้เขา ก็พอทำได้สักประมาณ อายุ 27-28 พอดีเพื่อนเขาเซ้งร้านอินเตอร์เน็ต เปินร้านอินเตอร์เน็ตครั้งที่สาม (หัวเราะ) เราก็ไปเซ้งร้านเขา ก็ไปทำร้านอินเตอร์เน็ต มีอยู่วันหนึ่งเราอยากทำเกม เรามีความรู้สึกว่าเนี่ยตอนนี้เราอยู่ร้านอินเตอร์เน็ต เราอยู่นั่งเฝ้าเฉยๆ เราเรียนเขียนโปรแกรมด้วยตัวเองดีกว่า ก็ไปหาเรียนการเขียนโค้ดภาษาซี ซื้อหนังสือมาเล่มหนึ่ง เอามาปุ๊บเราก็เรียนเอง แต่เราไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย พอเห็นตรงอย่างนั้นเราก็เลยควรที่จะไปเรียนที่ไหนสักทีหนึ่ง
แต่ตอนนั้นเรารู้ยังว่าจะเรียนเกมต้องไปทางไหนอยู่ดี เรายังไม่ได้คิดว่าจะมีมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนวิชานี้ ก็คิดไปถึงพวกคอร์สเรียน ก็คือเรียนเบื้องต้นเขียนโปรแกรมไดเร็กต์เอ๊กซ์ประมาณเกมเรียงไพ่ในคอมพิวเตอร์ธรรมดา ก็คิดว่าคงไปไม่รอดเพราะเราไม่มีพื้นในหัวที่เกี่ยวกับเรื่องโค้ดตรงนี้เลย แล้วค่าเรียนก็แพงหลายหมื่น ระหว่างที่ชั่งใจ บังเอิญตอนนั้นเราก็ไปเสิร์ชหา มันมีขึ้นชื่อว่า แอนิเมชั่นและเกม ที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม เราก็มุ่งตรงไปเลย เขามีให้สอบโควต้าพิเศษ เราก็อ่านหนังสือเลย จากที่ไม่เคยอ่านมานานมาก สอบเลขสอบอะไรเราก็อ่านๆ ก็สอบติด ดีใจมาก
แต่อีกประเด็นหนึ่งคือเราจะหาเงินที่ไหนมาเรียน เพราะถ้าเราเรียน ธุรกิจร้านอินเตอร์เน็ตเราก็ต้องเลิก แถมตอนนี้ที่บ้านก็ไม่ได้ส่งแล้ว เราอายุตั้ง 29 แล้ว คราวนี้เราก็มานั่งหาว่าเราจะกู้ทุนที่ไหนก่อนมาเรียน เพราะไม่กล้าไปกู้ กยศ. ตอนแรกด้วยอายุ ด้วยรายได้ของทางบ้าน คือเขาทำกิจการมีเงินเข้ามาแต่มันน้อยกว่ารายจ่ายที่ออกไป เรารู้สึกว่าเราไม่อยากให้เขาเดือดร้อน สุดท้ายก็ตัดสินใจกู้ลองดู วันที่ผลประกาศผ่านดีใจยิ่งกว่าสมัครเรียนได้อีก อันนี้เรื่องจริง
• จู่ๆ ก็กลับมาเรียน มาเดินตามความฝัน ที่บ้านว่าอย่างไรบ้าง
ตอนแรกเขาก็ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ ด้วยอายุเราที่มันมากแล้วด้วย จะเรียนได้เหรอ แต่เขารู้ว่าเราตั้งใจ เขาก็เห็นว่าเราตั้งใจอยากจะเรียนจริงๆ เขารู้ว่าเราชอบทางนี้มาตั้งแต่เด็กๆ เพราะเขาเห็นเราเล่นเกมมาตั้งแต่เด็กๆ จนโต เราชอบเกม เราก็เคยพูดกับเขาว่าเราอยากทำ แต่มันไม่มี ตอนที่สมัคร เราก็บอกเหมือนกันว่าเราอยากทำมานานแล้ว แต่มันไม่มี ตอนนี้มันมีแล้วก็อยากเรียน
คือถ้าเป็นคุณพ่อคุณแม่คนอื่นท่านอาจจะคิดว่าเรียนทำเกมเรียนไปทำไม อันนี้ต้องบอกเลยครับว่า ที่บ้านผม เขาสอนในลักษณะไม่บังคับ อยากทำอะไรทำเลย แต่อย่าให้มันเกินเลย จะดูอยู่ห่างๆ แล้วผมก็ไม่ใช่คนกิน สูบบุหรี่ ไม่เที่ยว เขาก็เห็นนิสัยเราอยู่แล้ว ก็คุยกับคุณแม่คุยกับที่บ้าน เราได้เรียนที่นี้เพราะแม่กับที่บ้าน ครอบครัว เพราะว่าเราบอกเขาว่า เราขอเรียน 4 ปีเลย เราจะไม่ทำอะไรเลย เราจะเรียนอย่างเดียว พูดง่ายๆ ขอเงินกินเลย แรกๆ ก็วันละร้อยบาท หลังๆ ต้องสองร้อยบาท (หัวเราะ) เพราะเราทำงานตั้งแต่ตอน 17-18 เราไม่ได้ขอเขาเลย แต่ตอนนี้พอมาถึงตอนนี้เหมือนเราย้อนกลับไปตอนโน้น เราขอเงินกิน ขอเงินเขามาตั้งแต่ตอนนั้นเลย ก็คือเราพยายามที่จะเรียนๆ ก็นั่นแหล่ะครับ แต่ว่าก็จะมีจ็อบงานหามาเสริมช่วยแบ่งเบาท่าน
• ส่วนตัวกลัวไหมกลับการเรียนในอานามหลักเกือบเลข 3 ในระดับปริญญาตรี และคิดว่าความฝันที่เราพึ่งได้เริ่มทำตอนนี้มันช้าไปหรือเปล่า
ไม่กลัวนะ เพราะว่าเราคิดว่าเราสามารถปรับตัวได้ คือเป็นคนปรับเข้ากับสังคมได้ง่าย เราเข้ามาทีหลัง ใครจะเรียกเราน้อง เราก็ไม่ซีเรียส เพราะว่าเราต้องการความรู้ เราไม่มานั่งสนใจว่า เฮ้ย...ไอ้ก็อกๆ ช่างมันเถอะ มันเป็นเรื่องนิดๆ หน่อย ๆ ถ้าเราไปใส่ใจมันมาก เราไม่ต้องทำอะไรแล้ว เราก็ตั้งใจเรียน เราก็จะเข้ากับทุกคนได้ ทุกคนสวัสดี เราก็สวัสดีคนอื่นเขา คนไหนทีเป็นรุ่นพี่เราก็สวัสดี คนไหนที่เป็นรุ่นน้องเขาก็สวัสดีเรา เหมือนกับเราเรียกกันตามรุ่นมากกว่า พอจบกันไป ออกไปทำงานก็ยังเรียกเขาว่าพี่อยู่เหมือนเดิม เราก็ไม่รู้สึกกระดากปาก เรารู้สึกว่าเขาเป็นรุ่นพี่ที่เขาเข้ามาก่อน เรื่องอื่นเราก็ว่ากันไปตามอายุ
ส่วนเรื่องความฝันที่เพิ่งงได้ทำตอนอายุเท่านี้ จบก็ 33 ไม่ช้านะครับ ถ้าเราอยากจะทำอะไร ส่วนตัวผมเชื่อว่าครั้งหนึ่งในชีวิต ทุกคนมันจะต้องมีโอกาสสักครั้งหนึ่งผ่านเข้ามา ทีนี้ก็อยู่ที่เราจะคว้ามันมาหรือเปล่า ย้อนกลับไปอย่างผมตอนอายุ 15 ขึ้น ม.3 ก็หมดหวังที่จะทำเกมไปแล้ว แต่พอมาถึง เมื่อมีโอกาส ก็เลือกที่จะทำตามความฝัน ถึงมันจะได้ดีไม่ได้ดีก็ทำซะก่อน ถ้ามันทำได้ก็โอเค ถ้าไม่ได้ มันพลาด เราควรจะสู้ต่อ อย่างไรเราก็ควรจะสู้ต่อ กว่าจะมาตรงนี้มันก็ไม่ได้ง่าย ๆ
• ไม่ง่ายที่ว่า หมายถึงเรื่องของทัศนคติที่สังคมมองวงการคนเกมด้วยหรือเปล่า
คืออันดับแรก การค้นหาตัวเอง ถ้าจะพูดให้ดูดีก็คือ ถ้าเกิดเรารู้ตัวเองเมื่อไหร่เราก็ทำเมื่อนั้น แต่ว่าเอาตามความจริงของคนเรา เอาอยู่ตรงกลางดีกว่า ตรงกลางก็คือเวลาเราอยากจะทำอะไร ไม่ใช่แค่เกม อาจจะเป็นหนังหรืออยากจะวาดการ์ตูน คือเราก็ทำของเราไป สักวันหนึ่งมันก็ต้องได้ แม้ว่าทั้งหนัง การ์ตูน หรือเกม มันค่อนข้างจะยาก ถ้าไม่มีเงิน มันไม่ใช่ธุรกิจที่ไปกันได้ง่ายๆ ก็ขออย่างหนึ่ง ขอให้มีความพยายามเป็นตัวตั้งไว้ก่อน คือเราชอบอะไร เราต้องพยายามก่อน ที่ผมทำ มันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่เราเห็นมาหรือที่นั่งพูดเล่ามา เราก็ต้องมีความพยายามและเสียสละสิ่งต่างๆ ในระดับหนึ่ง คือเราอาจจะไม่ออกไปเที่ยวหรือบางทีเราก็ไม่ได้เล่นเกม ซึ่งอาจจะด้วยผมอายุผมผ่านมาหลายอย่าง ผมก็ตั้งใจทำจนทำได้ แต่เด็กเขาจะยังมีความอยาก เขายังอยากไปเที่ยวกับเพื่อน เขาอยากไปกินเหล้ากับเพื่อน อยากไปทำโน่นทำนี่ สุดท้ายพอมาถึงก็เวลามันหมดแล้ว เด็กมหาวิทยาลัยอันนี้ที่เจอมา ก็อยากให้มีความพยายามจากตรงนี้ขึ้นมาสักหน่อยหนึ่ง
อันดับที่สอง ผมว่าเราต้องเริ่มจากการจุดประกายตั้งแต่ช่วยเด็กๆ มากกว่า ผมมองช่วงตรงนั้น ช่วงที่จบ ม.3 มันจะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อว่าคุณจะไปทางไหน คือบางคนก็ไปตามเพื่อนทั้งที่ตัวเองไม่ชอบ คือผมว่าจุดตรงนั้นมากกว่าที่เขาจะเด่นไปทางด้านไหน เพราะว่าอย่างการทำพวกนี้มันไม่มีไปบอกเขา ม.ปลาย ถ้าคุณไม่เรียนสายสามัญ สายศิลป์ สายอาชีวะ ก็ไม่มีอะไรให้เลือกเรียนแล้ว มันไม่มีไอ้สิ่งพวกนี้มาซัพพอร์ต ถามว่าคนที่จะเข้ามาวงการตรงนี้จริงๆ ทางเลือกมันน้อยมาก ถ้าไม่ได้ไปเรียนคอร์สโดยตรง ทั้งที่บ้านเรามีความสามารถ คนไทยสร้างงานอย่างนี้ได้ครับ แต่ไม่มีทุนรองรับให้เขามากกว่า คืออย่างผม ผมยังอยากจะทำเองเลย ผมอยากทำแต่จะไปหาทุนที่ไหน เพราะว่าถ้าเราจะทำมันต้องใช้งบประมาณ สูง สมมุติ สร้างเกมใช้ระยะเวลา 6 เดือน ด้วยทีมงานประมาณ 7-8 คน ค่าแรงพวกนี้ก็ตีอย่างต่ำ สองหมื่นกว่าๆ เพราะค่าตัวเขาสูงเดือนหนึ่งเราต้องลงไปหลักแสนกว่าบาท รวมค่าไฟ แล้วไหนจะยังมีค่าลิขสิทธิ์อื่นๆ อาจจะต้องซื้อเสียง ซื้ออุปกรณ์ข้างในที่เราปั้นเองไม่ได้ ผมไม่ได้อยู่ในวงการก็ไม่อยากฟันธง แต่รวมเกือบล้าน หลักล้านทั้งนั้น
มันก็เลยไม่ทำให้บ้านเราเปิด เพราะว่าบ้านเราไม่ได้มองเกมว่าเป็นธุรกิจที่ทำเงิน มองเป็นสิ่งเสพติด ผมรู้สึกว่าเขามองอย่างนั้น คือคนที่เสพติดเกมจริงๆ ก็มี เด็กที่ติดเกมหนักๆ ผมทำร้านเกมมา ผมจะสนิทกับเด็กที่เล่นเกมที่ร้านมาก ไปเตะบอลด้วยกันมาถึงมาเล่นเกมกันต่อ ก็เลยรู้ว่าคำสอนของพ่อแม่มีผลมาก ผมเห็นเด็กบางคนมีคอมพ์ที่บ้านพร้อมเล่นเกม แต่ก็มาเล่นร้าน เพราะที่บ้าน พ่อแม่ไม่ให้เล่น แล้วก็อยากออกมาเจอเพื่อน เล่นกับเพื่อน ส่วนตัวผมก็มีความรู้สึกว่าทำไม ก็เล่น แต่ก็ต้องแบ่งเวลา มันขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม ผมอยู่ร้านเกม เวลาเด็กที่มาเล่นเกมมากๆ ผมก็ไล่กลับบ้าน เราไม่ได้ต้องการเงินเขาขนาดนั้น เพราะว่าเรามีความรู้สึกว่าเขาก็ต้องไปทำการบ้าน เมื่อก่อนผมก็ติดกลับมาเล่นเกมทุกวัน แต่ผมก็แบ่งเวลา
• อย่างนี้มุมมองส่วนตัวเรามีความคิดอย่างไรในทิศทางที่ควรส่งเสริม
ผมคิดว่าเราควรจะส่งเสริมเรื่องของแนวคิดของเขามากกว่า คือถ้าเขาทำได้ เราก็ทำได้ ใช่ไหม...คือ ตอนนี้ที่เราเล่นเกมของเขาเยอะที่สุดคือของประเทศเกาหลีใต้ ประเทศเกาหลีใต้เขาส่งออกเกมเป็นอันดับต้นๆ ของโลก แต่ผมมีความรู้สึกว่าทำไมบ้านเรา ไม่ทำให้สังคมคนเล่นเกมมันยกระดับขึ้นมา แทนที่จะเป็นแบบที่คนเล่นเกมเหมือนคนติดยา ซึ่งมันไม่ใช่ คนเล่นเกมบางคนเขาเล่นเพื่อผ่อนคลาย เล่นเพื่องานอดิเรกของเขา ผมดีใจนะที่ตอนนี้เห็นเด็กไทยแคสต์เกมเยอะ คือเขามีอะไรที่เกี่ยวกับเกมทำแล้วเขาได้เงินหรือมีความภาคภูมิใจที่สิ่งที่ตัวเองรักทำแล้วมีผล
ผมมองเกมก็เหมือนหนังเรื่องหนึ่ง การ์ตูนเรื่องหนึ่ง คุณต้องได้อะไรไปจากเกมบ้างไง โอเค บางเนื้อหามันอาจจะรุนแรง แต่มันก็ยังแฝงอะไรสักอย่างให้คุณได้เรียนรู้ว่า เฮ้ย...ถ้าทำสิ่งนี้มันจะเกิดอะไรขึ้น อย่างเช่น เกมที่ผมเล่นล่าสุด เอาท์ลาสต์ (Outlast) มันเป็นเกมน่ากลัว แต่มันก็ยังมีคตินิดๆ ที่มันอยู่ข้างในนั้น คือถ้าเราต้องไปในที่มืดๆ คนเดียว แล้วเราจะไปทำไม ก็ไม่ควรจะไปคนเดียวก็ต้องไปหาเพื่อนหาอะไรติดต่อได้ มันจะมีอะไรฝังอยู่ฝนนั้น ขึ้นอยู่กับคนเสพมากกว่า เราจะมองมุมไหน เราจะได้อะไรจากสิ่งที่เรามอง
คือมันได้หลายอย่างทั้งเรื่องความคิด ทักษะ แต่ในที่นี้ ต้องบอกว่าเกมมันมีทั้งธุรกิจแล้วก็เพื่อการศึกษา ผมมองเกมเป็นเพื่อการศึกษา แต่จะมองเป็นธุรกิจมันก็ใช่ อย่างพวกเกมออนไลน์ เขาทำมาต้องการเงิน ต้องการให้คนซื้อของ แต่เกมผมเพื่อการศึกษา เกมสำหรับเด็ก เด็กเล็กๆ ตอนเด็กๆ ผมอยากได้หนังสือที่เป็นวิทยาศาสตร์ ที่เปิดมาแล้วมีตุ๊กตาดึงขึ้นมาได้ คือผมมองว่าเด็กจะพัฒนา มันคือสิ่งพวกนี้ คือให้เขาเรียนแต่ตัวหนังสืออย่างไรเขาก็เบื่อ การ์ตูนก็ดี แต่การ์ตูนมันอาจจะไม่ถึงขนาดนั้น แต่ถ้าเป็นอินเตอร์แอคทีฟ เขาเปิดมาปุ๊บเขากด เขารู้แล้วมันคืออะไร ตัวอย่างส้มบวกกันสามลูก เขาก็จะเห็นส้มโผล่ออกมาสามลูก การเรียนรู้จากประสบการณ์จริงทำให้เราจดจำและเข้าใจได้ง่ายกว่าการท่องจำ นี่คือเกมเพื่อการศึกษาที่ผมอยากจะให้มี
• คือมองว่าเกมก็สร้างรายได้ได้เช่นกัน
มันเหมือนเปิดโอกาสให้เขา เขาอยากทำอย่างนี้ มันเหมือนเป็นความฝันที่เขาอยากทำ ซึ่งบางคนเขาก็ไม่ได้มาทุ่มเททั้งหมดอยู่แต่เกมๆๆ มันเป็นเหมือนงานอดิเรกของเขา คือเขาทำ เขามีคนดู อย่างคุณ Bay Riffer เป็นคนไทยคนแรกที่แคสเกมผม บางคนมีคนติดตามเป็นล้านเลยอย่าง พี่เอก Heart Rocker หรือน้องๆ หลายๆ คนก็มีเป็นแสน พวกนี้เขาก็ทำงานอย่างอื่น บางคนก็แคสต์เกมอย่างเดียวก็มี แคสต์เกมอย่างเดียวก็มีรายได้พออยู่ได้ เขาบอกผมว่าคลิปหนึ่งก็ได้ 5 พันบาท มีบริษัทเอาเกมมาให้แคสต์เสร็จสรรพ คืออย่างกับว่าเขาเป็นสำนักข่าวบันเทิงของเกม แล้วเกมจะดังไม่ดัง เดี๋ยวนี้ก็ขึ้นอยู่กับคนพวกนี้ด้วย แต่เขาจะไม่ได้ให้คะแนน หรือบอกว่าเกมนี้ดีไม่ดี เขาจะเล่นให้ดูเฉยๆ ซึ่งมันเป็นข้อดีอย่างหนึ่ง ให้คนดูตัดสินใจเอาเอง ชอบแบบไหนก็เล่นอย่างนั้น
• เรามองอนาคตไว้อย่างไรหลังจากเป็นกระแสข่าวความภาคภูมิใจว่าเกมไทยก็ไประดับโลกได้ สังคมจะเปิดมากขึ้นหรือไม่
สังคมจะเปิดมากขึ้นหรือไม่ ผมต้องบอกว่าเกมผมไม่ได้ดังขนาดนั้น คือบางคนก็บอกว่าดังไปทั่วโลก มันไม่ถึงขนาดนั้น (หัวเราะ) คือผมมีความรู้สึกว่ามันเป็นโอกาสหนึ่งมากกว่าที่ตอนนี้ คนเขามองมาที่สังคมเกม แต่กระแสมันมีแต่คนเล่นเกม แต่สำหรับกระแสผู้หลักผู้ใหญ่ ผมไม่รู้ว่าเขามองอย่างไร บอกตรงๆ ฟีดแบคที่มีมาคือเด็กหรือกลุ่มคนที่เล่น คนที่ทำเกม ผมมีความรู้สึกว่าเขาเริ่มตื่นตัวแล้วว่ามีคนไทยทำได้นะ ภาพแบบเกมต่างประเทศเลย ภาพสวยแบบนี้เลย มันมีคนเริ่มทำแล้ว ไม่ใช่แค่เกม 2D ธรรมดา เกมโปรแกรมแฟลช
พอเขาเห็นตรงนี้ปุ๊บ แรงบันดาลใจเขาเกิด ผมมองแรงบันดาลใจเขามากกว่า ว่า ถ้าเราทำได้ เขาก็ต้องทำได้ ก็คือผมอยากให้แรงบันดาลใจกับเด็กมากกว่า อย่างง่ายสุด เอาแค่ในคณะที่ผมเรียน ตอนนี้ทุกคนก็มาสอบถามเราว่าอย่างไรๆ มาปรึกษา บางคนบอกว่าไม่เก่งตรงนั้น ตรงนี้ ผมก็พยายามบอกว่าอย่าไปท้อๆ เพราะว่ามันจะต้องมีสักทางที่เราเก่ง เหมือนกับเส้นกราฟ มันก็ต้องมีสักอันที่หัวมันแหลมขึ้นไป เราต้องหาเราให้เจอว่าตรงไหนที่เราแหลม (ยิ้ม) เราอาจจะไม่ใช่คนที่วาดรูปดี สีก็ไม่ดี แต่เราอาจจะหูดีก็ได้ หูเราอาจจะฟังเสียงได้ดี เราอาจจะไปเด่นทางเรื่องเสียงก็ได้
คือผมอยากจะให้เขามีจุดเด่น ดึงจุดเด่นของตัวเองออกมา อย่างทำเกม คนทำเสียงสำคัญมาก คนที่จะฟังเสียงสำคัญไม่แพ้คนที่ทำภาพ แต่คนเราไม่มีทางเก่งทั้งหมด ผมอยากจะเป็นแรงบันดาลใจว่าว่าผมก็ไม่ได้เก่ง ปั้นเก่งอะไรเก่ง แต่ผมเป็นคนที่รวบรวมคอนเทนท์เนื้อหาแล้วเอามาคิด ตรงนี้เราเด่นตรงนี้ เราก็จะบอกให้เขาเข้าใจว่าผมอยู่ตรงนี้นะ ทุกคนมีที่อยู่ของเขาอยู่แล้ว แต่เราจะไปอยู่ตรงไหน อย่าไปคิดว่าคนคนหนึ่งจะทำเกมได้หมด ได้ทุกอย่าง มันเป็นไปไม่ได้ ทุกคนต้องมีทีม เราพยายามหาทีมที่ลงตัวกับเรามากที่สุด
• มองผ่านสายตาของคุณ สถานการณ์รวมๆ ตอนนี้ของวงการเกมบ้านเราเป็นอย่างไรบ้าง
ต้องบอกว่าบ้านเรามีทำเกมเยอะพอสมควร แต่ส่วนใหญ่จะทำให้บริษัทอื่นมากกว่าส่งไปนอก แต่เราไม่ได้ทำมาเพื่อจำหน่ายในประเทศอย่างที่บอก แต่ก็นับว่าเป็นทิศทางที่ดีอย่างหนึ่ง คนไทยเริ่มเล่นเกมคอมพิวเตอร์ซื้อลิขสิทธิ์มากขึ้น เริ่มไม่ไปร้านซื้อแผ่นผีมา เพราะด้วยการซื้อขายในสตีมมันซื้อขายง่าย แถมราคาไม่แพง เกมหนึ่งในสตีม 200 บาท ไปซื้อร้านที่แผ่นร้านหนึ่ง 200-300 บาท ราคาพอๆ กัน ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ราคาหลักพัน ดังนั้นโอกาสตลาดบ้านเราก็จะมีมากขึ้น แล้วคนที่ทำเกมเขาก็จะมีโอกาสขายได้มากขึ้น
• เราคิดเกมหนึ่ง สร้างเกมๆ หนึ่ง ต้องใช้ทั้งข้อมูลค้นเรื่องราวต่างๆ คิดวิเคราะห์ ถ้าคนอื่นมองว่าไร้สาระ เราคิดเห็นอย่างไร
ผมต้องบอกว่าคำว่าไร้สาระของเขามันอาจจะเหมือนมุมมองที่คล้ายกับเราดูหนัง คือหนังบางเรื่องเราก็ดูว่าทำมาทำไม ไร้สาระ มันคล้ายๆ กัน คือถ้าคนไม่ชอบอย่างไร ผมก็ไม่สามารถบอกให้เขามาชอบได้ แต่ผมอยากให้ดูข้างในมันมากกว่า เบื้องลึกเขาต้องการสื่ออะไร เพราะอย่างที่บอก เกมแต่ละเกมทำขึ้นมา มีเรื่องราวอย่างที่ผมเล่า มีแบ็คกราวน์ ไม่ใช่อยู่ๆ ผมอยากจะทำเกมฟันดาบก็ทำเกมฟันดาบขึ้นมาได้ มันก็จะต้องมีเรื่องราวว่าเจ้าหญิงไปอย่างโน้นอย่างนี้ แล้วมันส่งผลให้เกิดอะไรขึ้น มันมีอะไรฝังอยู่เบื้องลึกข้างใน
ผมไม่อยากให้มองว่าไร้สาระ ผมอยากให้เสพตรงที่ว่าคุณชอบก็เหมือนดูหนัง คุณก็ดู ถ้าคุณไม่ชอบก็ไม่เล่น แต่อย่าไปมองคนที่เขาดูหรือเขาเล่นว่าไร้สาระ เพราะว่าสิ่งที่เขาทำ เขาผ่านกระบวนการคิดมาหมดแล้ว เขาผ่านกระบวนการออกแบบ ทุกอย่างอยู่ในเกมๆ หนึ่ง
ไม่ต่างจากที่ผมทำข้อมูลทั้งหมด ซึ่งถึงตรงนี้ผมก็ไม่ได้มองว่าเรามาได้เพราะโชคที่มีคนต่างประเทศแคสเกมเรา แต่คือถ้าเราไม่ขวนขวายเราก็จะไม่มีโชค แล้วมันมากจากประสบการณ์ด้วย ประสบการณ์หลายๆ อย่างบอกเรา ประสบการณ์คือ ถ้าเราไม่กล้าทำ รอให้โชคมาอย่างเดียว ผมเคยรอโชคนะ ตอนช่วงเด็กๆ เคยไปดูดวงกับแม่ เขาดูว่าเดี๋ยวอายุ 24 เราจะตั้งตัวได้ เราก็มีความรู้สึกว่า เราก็ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็มีโชคมาเอง แต่มันไม่ใช่ มันต้องทำก่อน โชคมันถึงจะมา เหมือนอย่างตอนนี้ นี่คือโชคที่เราจะได้มา มันคือสิ่งที่เราทำ แล้วเราถึงจะมีโชค
ผมคิดอย่างนั้นว่า ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย นั่งอยู่เฉย มันก็ไม่มีโชคครับ มันเป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตมากกว่า คุณจะเก็บเกี่ยวกับประสบการณ์ที่คุณได้มาได้ขนาดไหน ผมคิดว่าตอนนี้คือประสบการณ์หนึ่งที่มันเริ่มเข้ามาแล้ว มันเป็นโอกาสของเรา เราจะสามารถทำอย่างไรกับมันได้ดีที่สุด
ท่านใดที่สนใจสามารถไปร่วมงานได้ที่ นิทรรศการแสดงศิลปนิพนธ์ : เนื้อหอม โปรยเสน่ห์ความคิด สะกิดไอเดียฟุ้ง ระหว่างวันนที่ 6-9 สิงหาคม 2558 ณ เวลา 10.00 - 21.00 น. ชั้น 1 หอศิลป์วัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
เรื่อง : รัชพล ธนศุทธิสกุล
ภาพ : วชิร สายจำปา