ตำรวจบุกค้นตึกธนาคารยูดีบีพี พบสร้างตบตาให้เป็นแบงก์เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในการหลอกระดมเงินลงทุน นอกจากนี้ ยังเจอบัญชีรายได้โกย 15 ล้านบาทต่อเดือน ยังปฏิเสธเป็นที่ฟอกเงินยูฟัน
เมื่อเวลา 14.30 น. วันนี้ (15พ.ค.) ที่ สน.สุทธิสาร พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วย พ.ต.อ.อังกูร คล้ายคลึง รอง ผบก.ปคบ. นายเสกสรร บัวทรัพย์ ผู้บริหารส่วน ธนาคารแห่งประเทศไทย และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สุทธิสาร ได้ร่วมกันนำตัว นายหยาง เหยียน จ้าว และ เควิน ไลน์ มาแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชนอีกครั้งเพื่อตอบข้อซักถามเกี่ยวกับการเปิดบริษัท ยูดีบีพี (UDBP) จำกัด โดยพล.ต.ท.สุวิระ ได้สอบถาม นายหยาง เหยียน จ้าว และ นายเควิน ไลน์ ผ่านล่ามว่า แท้จริงแล้วบริษัทดังกล่าวเปิดดำเนินการด้านใดกันแน่
โดย นายหยาง เหยียน จ้าว ยังยืนยันว่า ยูดีบีพี (UDBP) เปิดดำเนินการเป็นศูนย์ฝึกอบรมพนักงานเพื่อเป็นทรัพยากรบุคคลคนของบริษัทที่จะเปิดเป็นสถาบันทางการเงินที่ประเทศจีนในอนาคต ส่วนรายชื่อในเซิร์ฟเวอร์กว่า 8,000 รายชื่อนั้น เป็นรายชื่อพนักงานประชาสัมพันธ์ของบริษัทจากประเทศจีน ไม่ได้มีการเปิดเป็นสถาบันทางการเงิน ไม่ได้มีการทำธุรกรรมทางการเงิน
พล.ต.ท.สุวิระ กล่าวว่า เป็นสิทธิของ นายหยาง เหยียน จ้าว ที่จะยืนยันเช่นนั้น แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของเราตรวจสอบพบข้อมูลที่แน่นอนแล้วว่าบริษัท ยูดีบีพี (UDBP) จดทะเบียนเพื่อทำธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว แต่ที่จริงแล้วมีการรับทำธุรกรรมทางการเงิน มีการรับเบิก-ถอน แล้วออกสมุดบัญชี (book bank) ให้แก่ลูกค้าที่เขามาใช้บริการ ส่วยตัว นายเควิน ไลน์ นั้น อ้างว่าเกิดที่ประเทศมาเลเซีย แต่เคยไปทำงานที่ประเทศวานูอาตู เป็นระยะเวลา 8 ปี จึงถือ 2 สัญชาติ ส่วน นายหยาง เหยียน จ้าว ถือสัญชาติจีน โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา แก่ นายหยาง เหยียน จ้าว และ นายเควิน ไลน์ ว่า 1. ร่วมกันใช้ชื่อในการทำธุรกิจทางการเงิรว่า “ธนาคาร” “การเงิน” หรือคำที่มีความหมายเช่นเดียวกันโดยมิใช่สถาบันการเงิน 2. ร่วมกันรับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนตาม พ.ร.บ.การทำงานของคนต่างด้าว 3. ร่วมกันรับคนต่างด้าวที่มีใบอนุญาตทำงาน แต่ไม่มีใบอนุญาตให้ทำงานกับคนโดยผิดเงื่อนไขซึ่งมีในใบอนุญาตทำงาน (ผิดสถานที่จากที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต พ.ร.บ.การทำงานของคนต่างด้าว
จากนั้นเมื่อเวลา 15.30 น. พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วย พ.ต.อ.อังกูร คล้ายคลึง รอง ผบก.ปคบ. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สุทธิสาร ได้ร่วมกับนำหมายค้นเลขที่ หมายค้นศาลอาญา 104/58 ลงวันที่ 15 พ.ค. เข้าตรวจค้น บ้านเลขที่ 2-2/1 ซอย 22 มิถุนายน แยก 9 แขวงและเขตห้วยขว้าง กทม.
จากการตรวจสอบพบว่าตึกดังกล่าวเป็นตึกสูง 4 ชั้น ด้านนอกมีประตูรั้วไม้ขนาดใหญ่ โดยมีตราสัญลักษณ์ติดไว้หน้าประตู มีพนักงานรักษาความปลอดภัยเฝ้า ภายในตกแต่งหรูหรา มีโต๊ะทำงานทั้ง 4 ชั้น นอกจากนี้ ยังพบถุงกระดาษประทับตราบริษัท ยูดีบีพี บรรจุอยู่ในกล่องจำนวนมาก คล้ายจะเปิดเป็นสำนักงานของบริษัทดังกล่าว จากการตรวจสอบบริเวณชั้น 3 ของอาคารดังกล่าว ถูกตกแต่งอย่างหรูหราแบ่งเป็นห้องของผู้บริหาร และยังพบห้องมั่นคงมีลูกกรงสแตนเลสล้อมรอบ ภายในมีตู้เก็บเอกสารขนาดใหญ่ และตู้เซฟขนาดสูงประมาณ 2 เมตร จำนวน 3 ตู้ เมื่อเปิดออกดูพบสมุดบัญชีของ ยูดีบีพีจำนวนกว่า 40 เล่ม นอกจากนี้ยังพบสมุดบัญชีของธนาคารในไทยจำนวนหลายเล่ม มียอดเงินรวมจำนวนกว่า 19 ล้านบาท
จากการสอบถามพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ดูแลสถานที่ดังกล่าวบอกว่า ตนมีหน้าที่เพียงค่อยเปิด-ปิดไฟ และเปิดประตูให้คนเข้าออกเท่านั้น ตั้งแต่อยู่มาก็มีคนเข้ามาทำงานบ้าง คนสองคน เพราะเพิ่งตกแต่งเสร็จ ไม่ทราบว่าจะเปิดเป็นอะไร
พล.ต.ท.สุวิระ กล่าวว่า อาคารดังกล่าวถูกเช่าไว้ โดยมีสัญญาเช่าระบุว่าเช่าตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 56 และสัญญาจะสิ้นสุดในวันที่ 31 ต.ค. 58 เพื่อบอกกับประเทศวานูอาตูว่าได้ซื้อที่นี้ไว้แล้วตั้งเป็นธนาคาร มีการตกแต่งให้เหมือนกับธนาคารเมื่อมีคนเข้ามาเยี่ยมชมก็จะเกิดความเชื่อถือและมาลงทุนกับบริษัทแห่งนี้ ซึ่งประชาชนที่เข้ามาที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นชาวจีน แต่บริษัทแห่งนี้มีการจดทะเบียนเป็นบริษัทเพื่อการท่องเที่ยวเท่านั้น ทั้งนี้การสร้างเป็นห้องมั่นคง มีลูกกรงและตู้เซฟ ซึ่งห้องดังกล่าวไม่แข็งแรงเพียงพอเนื่องจากด้านบนของลูกกรงเป็นฝ้าเพดานที่ทำจากยิปซัม เป็นการบ่งบอกว่าเป็นการสร้างไว้เพื่อพรางตาว่าเป็นธนาคาร โดยบริษัท ยูดีบีพี เป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นเพื่อระดมทุนจากประเทศจีน เบื้องต้นจากการตรวจสอบมีฐานข้อมูลการลงทุนแล้วประมาณกว่า 8,000 ราย ซึ่งบริษัทแห่งนี้มีการทำบัญชี 2 ชุด ซึ่งชุดหนึ่งไว้สำหรับยื่นเสียภาษีสรรพกร โดยมีรายได้ที่น้อยมาก และอีกชุดเป็นบัญชีที่เป็นรายได้จริงของบริษัทซึ่งมีรายรับเดือนละประมาณ 15 ล้านบาท รวมระยะเวลา 1 ปี มีรายได้กว่า 60 ล้านบาท
ด้าน นายเสกสรร กล่าวว่า ขณะนี้มีความชัดเจนในการตั้งธนาคาร โดยพบว่ามีกระแสเงินจากประเทศจีนเข้ามาในบัญชีประเทศไทย อย่างไรก็ตามจะต้องมีการดูหลักฐานเพิ่มเติ่มเกี่ยวกับการระดมเงินดังกล่าว ทั้งนี้ ทางพนักงานสอบสวนจะต้องมีการประสานไปทางต่างประเทศเพื่อหาขอมูลเพิ่มเติมต่อไป
พ.ต.อ.อังกูร กล่าวว่า จากการสอบสวนความเชื่อมโยงของบริษัท ยูฟัน ว่า มีการนำเงินมาฝากกับบริษัท ยูดีบีพี ขณะนี้ทางบริษัท ยูดีบีพี ได้ปฏิเสธว่าไม่รับการฝากเงินจากบริษัทยูฟัน ซึ่งต้องตรวจสอบต่อไปว่ามีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ โดยอาคารหลังนี้เป็นสำนักงานแห่งแรกก่อนที่จะมีการก่อตั้งสำนักงานอีกแห่งที่บริเวณปากซอยรัชดาภิเษก 17 ถนนรัชดาภิเษก แขวงและเขตดินแดง ซึ่งจากการสอบถามพยานได้มีคนเข้ามาเยี่ยมชมและนำเงินเข้ามาฝากส่วนใหญ่จะเป็นเงินหยวนและเงินไทย ถือว่าแน่ชัดแล้วว่าที่นี่มีการรับฝากเงิน ทั้งนี้ บริษัทดังกล่าวมีการดำเนินงานเป็นธนาคาร โดยมีสิ่งที่พบไม่ว่าจะเป็นตู้เซฟหรือสิ่งที่บ่งบอก และการหากพบว่ากระทำลักษณะนี้ผิด พ.ร.บ.การฟอกเงิน รถทั้ง 3 คันเป็นซื้อเป็นชื่อของบริษัท ยูดีบีพี จะถูกตรวจยึดและส่งมอบให้กับ ปปง. เพื่อตรวจสอบต่อไป
ต่อมาเมื่อเวลา 18.00 น. พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วย พ.ต.อ.อังกูร คล้ายคลึง รอง ผบก.ปคบ. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สุทธิสาร ได้สนธิกำลังกันเข้าค้นบ้านเลขที่ 425 ซอยรัชดานิเวศ แยก 6 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กทม. ซึ่งเป็นบ้านของนาย นายหยาง เหยียน จ้าว โดยจากการตรวจสอบพบว่าในบ้านมีภรรยาและแม่ของภรรยานายหยาง เหยียน จ้าว อาศัยอยู่ และเข้าค้นบ้านเลขที่ 437 ซอยรัชดานิเวศ แยก 6 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กทม. ซึ่งเป็นบ้านของนายเควิน ไลน์ เมื่อตรวจสอบพบว่าไม่มีผู้ใดอยู่ในบ้าน จึงจะรอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบบ้านทั้งสองหลังอีกครั้ง
นอกจากนี้ มีรายงานข่าวแจ้งว่า บริษัทดังกล่าวมีการระดมทุนจากชาวจีน โดยอ้างว่าหากมีการนำเงินมาลงทุนจะได้ผลกำไรในอัตราร้อยละ 8 เปอร์เซ็นต์ และยังมีการแบ่งระดับชั้นตำแหน่ง หากมีตำแหน่งที่สูงขึ้นก็จะมีผลกำไรตอบแทนในอัตราที่มากขึ้น ซึ่งผลกำไรที่นำมาตอบแทนให้กับผู้ลงทุนนั้นมาจากเงินทุนของนักลงทุนรายใหม่นั่นเอง