ASTVผู้จัดการ – ทหารซ้อนมอเตอร์ไซค์สอดแนมบ้านพัก “สนธิ ลิ้มทองกุล” แถมใช้กล้องถ่ายรูปพยายามถ่ายเข้ามาในบริเวณบ้าน อ้างมาหาผู้นำชุมชน ลูกชายเผยมาทำท่าทีลับๆ ล่อๆ อย่างนี้สองครั้งแล้ว ชี้ผู้ใหญ่ใน คสช. ต้องดูแลสวัสดิภาพ เพราะยังอยู่ในช่วงประกาศกฎอัยการศึก และปี 52 เคยเกิดเหตุลอบสังหารนายสนธิ แต่จับใครไม่ได้
วันนี้ (23 ต.ค.) นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ผู้บริหารสื่อในเครือเอเอสทีวีผู้จัดการ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ช่วงเย็นวันนี้มีทหารกลุ่มหนึ่งรวม 4 นาย ซ้อนมอเตอร์ไซค์ 2 คัน เข้ามายังบริเวณบ้านพักของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และผู้ก่อตั้งสื่อในเครือเอเอสทีวีผู้จัดการ ในเขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ก่อนที่จะทำท่าทีลับๆ ล่อๆ โดยหยิบกล้องถ่ายรูป และโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายทั้งด้านหน้า และด้านในบริเวณบ้านพัก
“เมื่อเย็นวันนี้ราวห้าโมงกว่าๆ หลังจากคุยกับคุณสนธิ ผมได้ออกมานั่งหน้าบ้านบริเวนถนน สักพักมีทหาร 4 คนซ้อนมอเตอร์ไซค์สองคันเข้ามาจากทางถนนสุโขทัย ขับตรงมาจอดเทียบข้างหน้าบ้าน จากนั้นทหาร 4 คน ได้ลงมาแล้วล้วงทั้งกล้องถ่ายรูป รวมถึงโทรศัพท์มือถือออกมา ทำทีจะถ่ายออกไปทางเข้าจากปลายซอยทั้งสองด้าน แต่กลับกระหน่ำถ่ายภาพบ้านพักคุณสนธิ ที่ประตูรั้วเป็นหลัก จากนั้นมีการแยกย้ายเดินไปตามแนวรั้วแล้วถ่ายภาพเข้าไปในบริเวณบ้าน
“เมื่อมีคนงานเปิดประตูรั้วออกมา ทหารก็กรูกันเข้ามาที่ประตู พยายามชะเง้อดูว่าสภาพในบ้านเป็นอย่างไร ผมเห็นว่ามันดูผิดปกติ จึงถ่ายรูปพวกทหารดังกล่าวเก็บไว้ เมื่อพวกเขารู้ตัวว่าถูกถ่ายรูป จึงหยุดการถ่ายรูปทำเป็นเดินสำรวจตามแนวรั้ว ซึ่งก็ไม่ได้ไปไกลกว่าบริเวณรั้วบ้าน” บุตรชายนายสนธิ ระบุ
ต่อมาเมื่อมีการสอบถามถึงสาเหตุการมาถ่ายภาพที่บ้านพักดังกล่าว และมีคำสั่งเพื่อดำเนินการอะไรหรือไม่ นายทหารคนหนึ่งก็แสดงท่าทีอึกอัก จากนั้นจึงตอบกลับมาว่า “มาหาผู้นำชุมชน” เมื่อผู้ดูแลบ้านแจ้งกลับไปว่า ผู้นำชุมชนอยู่อีกซอยหนึ่ง ทหารกลุ่มดังกล่าวจึงขึ้นมอเตอร์ไซค์ขี่กลับออกไปทางเดิม
ด้านผู้ดูแลบ้านยังเปิดเผยด้วยว่า ไม่กี่วันก่อนก็เคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้มาแล้ว โดยมีกลุ่มทหารเจาะจงมาจอดรถบริเวณหน้าบ้าน เพื่อถ่ายรูปโดยบอกว่ามาพบผู้นำชุมชน
“ผมได้ฟังแบบนั้นก็รู้สึกประหลาดในพฤติกรรมทหารในลักษณะนี้ ที่เจาะจงมาถ่ายรูปและพยามเช็กสภาพภายในบ้านคุณสนธิ คิดว่าเขาต้องมีเป้ารู้อยู่แล้วว่าบ้านใคร บ้านคุณสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ก็ไม่ไกลก็ไม่เห็นไปตรวจสอบ ชุมชนอะไรตรงนี้ก็ไม่มี ซ้ำทางเข้าจากอีกฝั่งถนน ก็มีทหารประจำการประจำอยู่แล้ว และละแวกนั้นก็มีทหารเฝ้าอยู่หมด มันจะเป็นไปได้หรือไม่รู้ไม่ประสานว่าชุมชนที่มาตามหาอยู่ถนนไหน
“ผมเล่าเหตุการณ์และเอารูปให้คุณสนธิดูหมดแล้ว ส่วนรูปและคลิปจากวงจรปิด ก็เตรียมไว้แล้ว ซึ่งผมเป็นห่วงความปลอดภัยคุณสนธิมาก เพราะครั้งที่แล้วเมื่อปี 2552 ที่คุณสนธิถูกยิงก็ภายใต้สถานการณ์พิเศษ เหมือนที่ปัจจุบันประกาศใช้กฎอัยการศึก ทั้งๆ ที่แกอยู่เฉยๆ ไม่ได้ออกแอ็กชันอะไร ก็บอกคำเดียวถ้าผมหรือคุณสนธิเป็นอะไรไป ผมถือว่าผู้ใหญ่ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต้องรับผิดชอบในสวัสดิภาพของประชาชนอย่างพวกผม เพราะถือว่าท่านเอ็นดูเป็นพิเศษ ส่วนเรื่องที่ห้องทำงานผมโดนยิงตอนออกกฎอัยการศึกก่อนปฏิวัติใหม่ๆ ยังไม่เห็นมีใครสนใจจะช่วยกันสืบค้นเลย” นายจิตตนาถ กล่าวทิ้งท้าย
อนึ่ง เหตุการณ์ลอบสังหาร นายสนธิ ลิ้มทองกุล เมื่อปี 2552 เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 05.45น. ของวันที่ 17 เมษายน 2552 ระหว่างประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ในรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. มี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ขณะนั้น ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ซึ่งรถยนต์ที่นายสนธิ โดยสารมาจากบ้านพักเพื่อเดินทางไปจัดรายการที่สถานีโทรทัศน์เอเอสทีวีถูกกลุ่มคนร้ายถล่มด้วยอาวุธสงครามหลายร้อยนัด ทว่าถึงปัจจุบันแม้เวลาจะผ่านมานานกว่า 5 ปีแล้ว แต่คดีก็ไม่มีความคืบหน้า และทางเจ้าหน้าที่รัฐก็ยังไม่สามารถนำตัวผู้ต้องสงสัยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้ ทั้งยังมีข่าวว่าผู้ต้องสงสัยบางรายได้เสียชีวิตไปแล้วด้วย
ส่วนเหตุการณ์การลอบยิงห้องทำงานของนายจิตตนาถนั้น เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา ก่อนจะมีการประกาศกฎอัยการศึก โดยในเวลานั้นมีการแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้ แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่มีการสืบคดีต่อแต่อย่างใด