ASTVผู้จัดการ - ซีอีโอเอเอสทีวีผู้จัดการ เปิดใจหลังสื่อในสังกัดถูก คสช. ออกคำสั่งตักเตือน เผยอยากขอความชัดเจนเรื่องการนำเสนอข้อมูลเท็จ ทำลายความน่าเชื่อถือ คสช. เพื่อตรวจสอบต่อไป ระบุพยายามเลี่ยงการเมืองเต็มที่แล้ว และพร้อมปรับปรุง แต่หากถูกสั่งปิดก็ไม่เสียใจ เผยก่อนประกาศกฎอัยการศึกเคยถูกยิงใส่ห้องทำงานมาแล้ว
หลังจากที่วานนี้ (26 ก.ค.) ได้มีการเผยแพร่คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 108/2557 เรื่องการตักเตือนสื่อสิ่งพิมพ์ซึ่งฝ่าฝืนข้อห้าม โดยระบุว่าหนังสือพิมพ์ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 253 วันที่ 26 ก.ค.- 1 ส.ค. 2557 ตีพิมพ์ข้อความหลายเรื่องด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จโดยมีเจตนาไม่สุจริต เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของ คสช. ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศของ คสช. โดยในชั้นนี้เห็นสมควรตักเตือนผู้เขียนบทความ บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาของหนังสือพิมพ์ดังกล่าว หากฝ่าฝืนอีกจะดำเนินการตามกฎอัยการศึก ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค. 2557 เป็นต้นมา และส่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมายด้วย นอกจากนี้ ยังสั่งให้องค์กรวิชาชีพที่ผู้ฝ่าฝืนดังกล่าวข้างต้นเป็นสมาชิกดำเนินการสอบสวนทางจริยธรรมแห่งการประกอบวิชาชีพต่อบุคคลเหล่านั้น แล้วรายงานผลการดำเนินการให้ คสช. ทราบโดยเร็ว
วันนี้ (27 ก.ค.) นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสื่อในเครือเอเอสทีวีผู้จัดการ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่า ตนอยากขอรายละเอียดเพิ่มเติมจากทาง คสช. ว่าข้อมูลในหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการสุดสัปดาห์ส่วนใดที่เป็นเท็จ เพื่อที่ตนจะได้ดำเนินการตรวจสอบได้ทันทีตามคำสั่งของ คสช.
“ผมอยากขอความชัดเจนจาก คสช. ว่าข้อมูลอันเป็นเท็จที่ทำลายภาพลักษณ์ คสช. จากหนังสือเอเอสทีวีผู้จัดการสุดสัปดาห์ฉบับที่ คสช. มีคำสั่งให้สอบสวนคือเรื่องอะไร ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารจะได้ทำการตรวจสอบได้ทันทีเพื่อตอบสนองคำสั่ง คสช. ซึ่งถ้า คสช. ไม่ระบุให้ชัดๆ ผมก็คงต้องคาดเดาเอาจากข่าวต่างๆ ในเล่ม ตั้งแต่เรื่องหลักคือข่าวปกเรื่อง เจนี่ อัศวเหม, ข่าว คสช. อนุญาตให้คุณยิ่งลักษณ์ และตระกูลชินวัตร เดินทางไปฝรั่งเศส เพื่ออวยพรวันเกิดคุณทักษิณ ข่าวรัฐธรรมนูญชั่วคราวฉบับใหม่ที่ให้อำนาจ คสช. อยู่เหนือหน่วยงานนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ, ข่าวการคืนตำแหน่งให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ, ข่าวโผแต่งตั้ง สนช. และข่าวออกหมายจับนายอภิวันท์ วิริยะชัย หรือ “รองโรมานอฟ” ซึ่งสื่อทุกฉบับก็ล้วนแล้วแต่เสนอข่าวเหล่านี้ทั้งนั้น” นายจิตตนาถ กล่าว
ผู้บริหารของสื่อในเครือเอเอสทีวีผู้จัดการ กล่าวต่อว่า ตนอยากเรียนว่าการนำเสนอข่าวการเมืองเหล่านี้ ย่อมต้องมีความเกี่ยวข้องกับ คสช. อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะ คสช. เป็นศูนย์กลางของความเคลื่อนไหวทั้งหมด ดังนั้น ถ้า คสช. ไม่ระบุให้ชัดเจน ตนที่จะต้องตรวจสอบการทำงานภายในองค์กรสื่อก็คงจะมองไม่เห็นภาพที่ คสช. มอง ยกเว้นในกรณีห้ามพูดถึง คสช. ในทุกกรณี ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นข่าวก็จะไม่มีที่มาที่ไป และสำนักข่าวทุกเจ้าคงจะมีปัญหาในการเขียนข่าวอย่างแน่นอน
• ยืนยันให้ความร่วมมือ พร้อมปรับปรุง แต่ไม่เสียใจถ้าถูกสั่งปิด
“เรื่องความร่วมมือนั้น ทางเราก็ให้เต็มที่มาตลอด โดยเฉพาะอะไรที่จะไปกระทบกระเทือนถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ในเรื่องที่ท่านไม่พอใจ อย่างกรณีการวางภาพปกเปรียบเทียบเรื่องบันเทิงสมัยก่อนก็ได้หยุดไปโดยสิ้นเชิง และก็ได้หลีกเลี่ยงอย่างเต็มที่ที่จะหยิบ หัวหน้า คสช. ขึ้นเป็นเรื่องปกใหญ่ อย่างฉบับที่แล้วก็เป็นเรื่อง “โค้ชเช” เช ยองซอก และปัญหาภายในสมาคมเทควันโด ส่วนฉบับนี้ก็เอาเรื่องดาราอย่างเจนี่ขึ้นเป็นปกหลัก แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีปัญหาขึ้นมาอีกจนได้” นายจิตตนาถ เผย และว่า
“ยังไงก็ตามผมคงต้องเรียกประชุม ให้มีการระมัดระวังมากขึ้นนะครับ ซึ่งหากในอนาคตหนังสือเล่มนี้จะโดนปิด ผมและทีมงานก็คงจะไม่เสียใจ เพราะถือว่าได้ทำหน้าที่สื่ออย่างเต็มที่ ไม่อายฟ้าดิน ไม่ผิดต่อจรรยาบรรณวิชาชีพสื่อมวลชนแล้ว”
เมื่อถามต่อว่า ในฐานะผู้บริหารสื่อรู้สึกอย่างไรกับวิกฤตครั้งนี้บ้าง เพราะถือว่าเป็นครั้งแรกที่ คสช. ออกคำสั่งเตือนถึงสื่อโดยระบุอย่างเฉพาะเจาะจง นายจิตตนาถ ตอบว่า เรื่องนี้ผมคงไม่รู้สึกอะไร แค่ต้องการความชัดเจนเพื่อจะได้ปรับปรุงให้ถูกใจ คสช. ที่บริหารประเทศให้มากขึ้น เพราะที่ผ่านมาเราเจอหลายเรื่องหนักกว่านี้มาแล้ว
• เผยก่อนประกาศกฎอัยการศึกเคยถูกคุกคามมาแล้ว
นอกจากนี้ นายจิตตนาถ ยังเปิดเผยด้วยว่า ก่อนที่กองทัพจะประกาศกฎอัยการศึก เมื่อวันที่ 20 พ.ค. ตนก็เคยเจอคนยิงปืนขู่เข้าห้องทำงานมาแล้ว โดยตนเพียงให้ดำเนินการแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้ เพราะไม่คาดหวังว่าจะสามารถจับใครได้ในสถานการณ์ ณ ขณะนั้น
“ส่วนตัวผมการคุกคามเรื่องสวัสดิภาพนั้น ที่เจอมากับตัวก็ไม่นาน ก่อนประกาศกฎอัยการศึกสองสามวัน มีมืออาชีพใช้ปืนติดลำกล้องเล็งจากสะพานแห่งหนึ่งเข้ามาที่ห้องทำงานผม ก็ได้ลงบันทึกประจำวันแล้ว แต่ไม่ได้หวังอะไรอยู่แล้ว จึงไม่ได้ให้ข่าวก่อนหน้านี้ และไม่อยากให้ผู้ใหญ่ต้องเป็นกังวล เพราะกังวลไปก็ไร้ประโยชน์
“ซึ่งก็คิดว่าน่าจะเป็นฝีมือผู้มีอิทธิพลที่อาจจะไปเคยวิจารณ์พาดพิงถึงเขาออกสื่อละครับ ส่วนลักษณะที่เป็นปืนติดลำกล้องก็คงต้องเป็นคนที่ผ่านการฝึกฝนมา แต่ก็เป็นแค่การยิงขู่เท่านั้น แต่ถ้าตอนนั้นผมนั่งทำงานอยู่ก็ไม่แน่เหมือนกัน” นายจิตตนาถ กล่าวทิ้งท้าย