จับตา“โครงการทวาย-พิงค์นคร-ปากบารา-สุวรรณภูมิเฟส 2-รถเมล์เอ็นจีวี”เข้าข่ายทีมตรวจสอบงบประมาณ คสช.สั่งทบทวนเมกะโปรเจกต์เกิน 1 พันล้าน
กรณีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีมติให้ตรวจสอบโครงการขนาดใหญ่ที่ยังคงค้างการเบิกจ่ายในปีงบประมาณ 2557 โดยเฉพาะโครงการที่มีมูลค่าเกินกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งมีจำนวน 8 โครงการ และ 1 หน่วยงาน เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และหากเห็นโครงการใดไม่เหมาะสมให้ยกเลิกทันที พล.ท.อนันตพร กาญจนรัตน์ ประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ได้ส่งรายละเอียดดังกล่าวให้กระทรวงคมนาคมรับทราบแนวทางการทบทวนโครงการที่มีงบประมาณในการดำเนินการจำนวนมาก โครงการที่ไม่คุ้มค่า สำหรับโครงการในกระทรวงคมนาคมที่มีมูลค่าลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท ประมาณ 5-10 โครงการ ในขั้นต้นจะให้ฝ่ายต่างๆ พิจารณาตรวจสอบก่อน โดยหลังจากนี้จะต้องนำรายละเอียดไปเสนอ คตร.พิจารณาในวันที่ 18 มิ.ย.นี้
ผู้สื่อข่าว “ASTVผู้จัดการ” ตรวจสอบโครงการที่มีมูลค่าเกิน 1 พันล้านบาท ที่คาดว่าจะถูกทบทวน ได้แก่ โครงการขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ทั้งระบบ เช่น โครงการรถไฟฟ้าและรถไฟชานเมืองของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน (รฟม.) ที่ใช้งบ 6.26 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค) 1.94 หมื่นล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีเขียว (แบริ่ง-สมุทรปราการ) 3.94 พันล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม (หมอชิต-สะพานใหม่) 6.59 พันล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางใหญ่-บางซื่อ) 8.9 พันล้านบาท โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมือง รวมมูลค่าประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท โครงการรถไฟความเร็วสูง 4 สาย มูลค่า 783,229 ล้านบาท โครงการรถไฟรางคู่ 6 เส้นทางทั่วประเทศ 130,000 ล้านบาท
โครงการท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ 2 โครงการก่อสร้างท่าเรือปากบาราเชื่อมท่าเรือทวาย เขื่อนยกระดับแม่น้ำเจ้าพระยา และสถานีขนส่งสินค้าชายแดน และจัดหารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน ด้วยวิธีจัดซื้อ 3,000 คัน วงเงินกว่า 10,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังพบว่า อาจจะรวมไปถึงโครงการขนาดใหญ่เพื่อให้ จ.เชียงใหม่กลายเป็นเมืองระดับโลก หรือ โครงการ “พิงค์นคร” โครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ ในการปรับปรุงเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี (สวนสัตว์กลางคืน) อุทยานช้าง ในเนื้อที่ 6.000 ไร่ ติดกับไนท์ซาฟารี โครงการสปาระดับโลก โครงการอควาเรี่ยมภายในสวนสัตว์เชียงใหม่ โครงการธีมปาร์ค หรือสวนสนุกและเครื่องเล่นระดับโลก โครงการพัฒนระบบขนส่งมวลชนแบบโมโนเรล (รถไฟรางเดี่ยว) เชื่อมระหว่างเชิงดอยสุเทพเข้าสู่เมืองเชียงใหม่ ฯลฯ
ขณะที่โครงการที่น่าจะถูกจับตาและมีการเดินหน้าต่อเนื่องจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้แก่ "ทวายโปรเจ็กต์" หลังจากมีการจัดตั้งนิติบุคคลเฉพาะกิจ (Special Purpose Vehicle) หรือเอสพีวี ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง 4 ประเทศโดยมีไทยกับพม่าเป็นหลักเพื่อจัดการบริหารโครงการ ซึ่งมีมูลค่าลงทุนราว 4 แสนล้านบาท ในพื้นที่ 204.5 ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็นพื้นที่ประมาณ 127,812 ไร่ ก่อนหน้านี้ ประธานคณะกรรมการประสานงานระหว่างไทย-เมียนมาร์เพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง(เจซีซี)ซึ่งมีนายนิวัตน์ธำรง บุญทรงไพศาล เป็นประธานฝ่ายไทย ได้จัดตั้งเอสพีซี(Special Purpose Companies)ขึ้นมาอีก 8 บริษัท โดยมีบริษัทอิตาเลียนไทยดิเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ไอทีดี ถือหุ้นในแต่ละบริษัท 25% ส่วนที่เหลือจะเปิดให้นักลงทุนที่สนใจเข้าร่วมทุน ซึ่งประกอบด้วย นิคมอุตสาหกรรม ไฟฟ้า น้ำ ถนน ท่าเรือ รถไฟ โทรคมนาคม และชุมชนที่อยู่อาศัย
โครงการนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้สั่งให้แกนนำรัฐบาลเข้าไปสนับสนุนทุกรูปแบบ โดยเฉพาะในด้านการเงิน โดยดึงบุคลากรที่มีฝีมือด้านการต่างประเทศและมีคอนเน็กชั่นกับรัฐบาลพม่า ในพรรคเพื่อไทย มาเป็นตัวช่วยในการผลักดันให้เฟสแรกของการลงทุนสำเร็จเป็นรูปธรรม โดยเป็นโครงการก่อสร้างโรงถลุงเหล็ก โรงงานปุ๋ย โรงไฟฟ้าถ่านหิน โรงกลั่นน้ำมัน และท่าเรือ