ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-“อาจจะได้กลับประเทศไทยในปลายปี 2555” ที่ นช.ทักษิณ ชินวัตร คิดฝันไว้เมื่อตอนต้นปี 2555 แต่ถึงที่สุดแล้วก็ได้แต่กินแห้ว เพราะตราบเท่าที่เขายังไม่ยอมรับคำพิพากษาของศาล ไม่ยอมกลับมารับโทษทัณฑ์ โอกาสจะกลับบ้านแบบเท่ๆ ของพระเอกทักษิณที่เคยโม้เอาไว้ก็ยากจะเป็นจริง แม้ว่าจะใช้สารพัดวิชามารร้อยเล่ห์พันเหลี่ยมก็ตาม
ความพยายามครั้งหลังสุดที่เป็นเฮือกสุดท้ายในปลายปีนี้ ก็คือ การที่นช.ทักษิณ โฟนอินมายังงานชุมนุมของคนเสื้อแดงที่โบนันซ่าเขาใหญ่ ปลุกระดมให้เดินหน้าทำประชามติก่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 วาระที่ 3 เพื่อนำไปสู่การตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับให้สำเร็จ
หากผ่านด่านประชามตินี้ไปได้ จะมีใครมาขวางได้อีก จะปรับจะแก้รัฐธรรมนูญแค่รายมาตราหรือว่าฉีกทิ้งทำใหม่ทั้งฉบับ ไม่มีมาตรา 309 ให้แสลงใจ คดีความที่ค้างอยู่ในศาลหรือยังไม่ขึ้นศาลก็เป็นอันหมดสภาพ แถมทรัพย์สินที่เคยถูกยึดก็มีโอกาสได้กลับคืนมาอีกต่างหาก
การสั่งเดินหน้าทำประชามติ ถือเป็นการหักหน้าแกนนำคนเสื้อแดงอย่างนายจตุพร พรหมพันธุ์ รวมทั้ง ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่ไม่เห็นด้วยกับการลงประชามติ เพราะเชื่อว่าไม่มีทางทำได้สำเร็จ แต่การคัดค้านของนายจตุพร กับ ดร.ร.ต.อ.เฉลิม จะมีราคาค่างวดอะไรในเมื่อการรับประกันจะพานายใหญ่กลับบ้านให้ได้ภายใน 3 เดือนตั้งแต่ต้นปี 2555 พิสูจน์แล้วว่า พวกเขาล้มเหลว ทำไม่ได้ เช่นกัน
ย้อนกลับไปตั้งแต่ปีที่ผ่านมา หลังจากผลักดันให้รัฐบาลน้องสาว นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขึ้นบริหารประเทศได้สำเร็จ นช.ทักษิณ ผู้เป็นพี่ชาย ก็ฝันหวานว่าจะได้กลับประเทศไทยเสียที มีการการเดินแผนสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับทหาร ทั้งเพิ่มงบประมาณ เพิ่มกำลังพล และไม่เอาเรื่องกรณีทหารเคลียร์ม็อบเสื้อแดงเจ็บตายระนาว
ภาพนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ควง "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ลุยแก้ปัญหาน้ำ ท่วม เป็นสัมพันธภาพอันชื่นมื่นระหว่างรัฐบาลกับทหาร จนทักษิณให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศว่า "ความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นระหว่างรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับกองทัพ อาจจะทำให้มีโอกาสกลับประเทศไทยเร็วกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ และอาจจะเป็นภายในปีนี้ (2555)"
เพราะเขามองว่า ทหารเป็นตัวแปรสำคัญในการได้กลับบ้านหรือไม่ เนื่องจากเหตุที่ต้องระเห็จออกจากประเทศก็เพราะถูกทหารยึดอำนาจ หากเคลียร์กับทหารได้ โอกาสกลับบ้านก็มองเห็นใสๆ
หลังเคลียร์ใจกับผู้นำกองทัพ นช.ทักษิณ ก็ส่งน้องสาวเข้าสวามิภักดิ์กับหัวหน้าอำมาตย์ใหญ่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี จนพี่น้องเสื้อแดงทำใจรับไม่ได้ แต่นช.ทักษิณ ก็หาได้แคร์ไม่ ตอนที่เขาวิดีโอลิงค์ มายังที่ชุมนุมใหญ่คนเสื้อแดงในงานรำลึก 2 ปีราชประสงค์ เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2555 เขาบอกกับคนเสื้อแดงว่า
"วันนี้เดินมาสุดทาง เหมือนพี่น้องขับเรือพาตนมาถึงฝั่ง ต่อไปเป็นการขึ้นเขา ซึ่งต้องขึ้นรถไป ไม่จำเป็นต้องแบกเรือมาส่งบนเขา บางอย่างเรื่องส่วนตัวต้องมองข้ามไปบ้าง จึงขอความเข้าใจและเสียสละจากคนเสื้อแดง
"หากมีการปรองดองก็มีโอกาสกลับไปตอบแทนบุญคุณพี่น้อง"
คำประกาศผ่านวิดีโอลิงค์ของอดีตนายกฯ ทักษิณ ที่ต้องการให้คนเสื้อแดง “ลืมอดีต” หันหน้ามาปรองดองกับฝ่ายอำมาตย์ ทำเอาสาวกเสื้อแดงแทบกระอักเลือด “บก.ลายจุด" นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หนึ่งในแกนหลักของเสื้อแดง ระบายความอัดอั้นตันใจว่า
“...เสื้อเหลือง+สลิ่ม ป่วยเป็นโรคเกลียดทักษิณขึ้นสมอง เสื้อแดงก็กำลังป่วย เป็นโรคเบื่อทักษิณ! การพูดของทักษิณนับตั้งแต่เพื่อไทยเป็นรัฐบาล ถือว่าสอบตกทุกครั้ง ต้องเลิกพูดเรื่องกลับบ้าน บอกให้ลืมมวลชนรักคุณทักษิณนั้นจริง แต่คุณมองไม่เห็นความเจ็บช้ำที่ยังเป็นแผลสดในใจพวกเขา ให้เขาอยากลืมมันก็ลืมไม่ได้ อย่าพูดให้ลืม...ความเจ็บปวดเป็นความทรงจำทางอารมณ์ที่ฝังแน่น มีเพียงการยกระดับจิตวิญญาณภายในจึงเปลี่ยนรูปความแค้นเป็นการให้อภัยและบทเรียนไม่ใช่การลืม ... มวลชนเสื้อแดงกำลังจดจ่อประชาธิปไตย คุณทักษิณต้องเลิกเอาเรื่องตัวเองมาเป็นโจทย์ให้มวลชนคิดตอบ....”
ขณะที่ก่อนหน้านี้ นช.ทักษิณ เพิ่งแสดงละครปลุกใจมวลชนเสื้อแดงในงานสงกรานต์ที่กัมพูชา พร้อมกับร้องเพลง Let it be ที่ทักษิณ บอกว่า แปลว่า “ช่างแม่มัน” เป็นเพลงของคนเก็บกด เพราะอยู่ต่างประเทศมานาน หาทางออกไม่เจอ จึงช่างแม่มัน โดยแปลให้ผู้ชุมนุมฟังก่อนท่อนหนึ่งว่า “จะเป็นจะตายก็ช่างแม่มัน” พร้อมตอกย้ำท่อนฮุกที่ร้องว่า Let it be หลายครั้ง ว่า “ช่างแม่มันๆๆ” จนมาถึงท่อนจบ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังร้องด้วยว่า “หากใครจะขวางปรองดองก็ช่างแม่งมัน ใครจะขวางรัฐธรรมนูญก็ช่างแม่มัน”
ในโหมดปรองดองเพื่อล้างมลทินทุกฝ่ายนั้น นช.ทักษิณ ได้ "บิ๊กบัง" พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหาร 19 ก.ย. 49 เป็นผู้เดินเกม พร้อมกับแรงสนับสนุนทางวิชาการจากสถาบันพระปกเกล้า ที่มีออปชันล้างคดี คตส. เอาผิดทักษิณและพวกให้หมดจด ก่อนที่จะเจอพลังต้านจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จนต้องม้วนเสื่อกลับบ้านแทบไม่ทัน
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เกมแก้รัฐธรรมนูญและทำคลอดกฎหมายปรองดองจะถูกขวาง แต่นช.ทักษิณ ก็ไม่ละทิ้งความพยายาม เขาสั่งให้พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลน้องสาวให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นลำดับแรกๆ และหาทางทำให้สำเร็จให้จงได้ จนกระทั่งเจอคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ จึงทำให้การเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 สะดุดลง และนำมาสู่การเดินหน้าทำประชามติตามคำแนะนำของศาลฯ
และเมื่อบวกลบคูณหารแล้ว นช.ทักษิณ ก็สั่งลุยเต็มที่
“ ภาพรวมของประเทศไทยในปีหน้า จะมีแต่สิ่งดี ๆ การเมืองไทยจะเริ่มเห็นการปรองดองอย่างแน่นอน ส่วนนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยการทำประชามติเพื่อฟังเสียงประชาชนก่อน ซึ่งรัฐบาลพร้อมที่จะทำตาม และไม่ห่วงว่าการทำประชามติจะมีเสียงเพียงพอหรือไม่ ก่อนหน้านี้ระบอบการเมืองไทยไม่มีความยุติธรรม ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่า การปรองดองที่ดีจะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน อีกทั้งการเดินหน้าปรองดองก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนิรโทษกรรมเพื่อให้ผมเองได้กลับบ้าน เพราะส่วนตัวคุ้นเคยกับการอยู่เมืองนอกแล้ว” นช.ทักษิณ กล่าวในระหว่างการแสดงปาฐกถา เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมากลางงาน 'Asia Society' ซึ่งจัดขึ้นที่เขตบริหารพิเศษฮ่องกง
ก็ต้องรอดูต่อไปว่า ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่ต้องมีประชาชนออกมาใช้สิทธิแสดงประชามติเกินกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศราว 49 ล้านเสียง หรือต้องมีผู้ออกมาแสดงประชามติมากกว่า 24.5ล้านเสียง นช.ทักษิณ จะทำให้สำเร็จได้อย่างไร
น่าสังเกตว่า การเอาคดีฆ่าและพยายามฆ่าคนเสื้อแดงมาบีบคอนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ ไม่ให้ออกมาขวางทาง ใช่เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของนช.ทักษิณ หรือไม่
เพราะการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลได้รับคะแนนจากประชาชนรวมกันแล้วราว 18 ล้านเสียงเท่านั้น อีกทั้งผลโพลหลายสำนัก ก็สะท้อนเสียงประชาชนว่าไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะจุดชนวนสู่วิกฤตความขัดแย้งรุนแรงขึ้นมาอีก
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้การแก้ไขรัฐธรรมนูญและการออกกฎหมายปรองดอง เพื่อปูทางกลับบ้านของ นช.ทักษิณ ยังไม่สำเร็จดังฝัน แต่ในการสร้างภาพในระดับระหว่างประเทศแล้วต้องถือว่าได้ผล กรณีการได้วีซ่าเข้าสหรัฐฯ ของนช.ทักษิณ โดยเอาผลประโยชน์ของประเทศไทยเข้าแลก ทั้งการขอใช้อู่ตะเภาของสหรัฐฯ การยอมเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์เอเชีย-แปซิฟิก หรือ TPP ของไทยตามที่สหรัฐฯต้องการ เป็นต้น
ขณะเดียวกัน ในทริปออนทัวร์ประเทศเพื่อนบ้านไทยของนช.ทักษิณ ไม่ว่าจะเป็น ลาว กัมพูชา พม่า เพื่อเปิดทางให้สาวกเสื้อแดงเข้าเฝ้าได้อย่างสะดวก บำบัดอาการโหยหาทักษิณได้อย่างชะงัด ซึ่งหลังๆ การสร้างสีสันเรียกร้องความสนจากสาวกเสื้อแดงที่พร้อมยกพลข้ามแดนแสดงความจงรักภักดีต่อนายใหญ่ทุกครั้งที่มีข่าวบินโฉบมาเลาะรั้วเมืองไทยนั้นไปไกลถึงขั้นปล่อยข่าวการลอบสังหารเชคกระแสความนิยมอีกด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น ว่ากันว่า ทริปออนทัวร์กัมพูชาและพม่า ยังมีเป้าประสงค์หลักประการสำคัญอยู่ที่การเจรจาผลประโยชน์ทางธุรกิจให้กับกลุ่มก๊วน เช่น เรื่องพลังงานในกัมพูชา หรือการผลักดัน "ทวายโปรเจ็กต์" ในพม่า
ความพยายามเคลียร์ทางกลับบ้านที่ยังไม่สิ้นสุดของนช.ทักษิณ จะสำเร็จในปี 2556 หรือไม่ หรือว่าถึงที่สุดแล้วจะกลายเป็นชนวนความขัดแย้งนำพาบ้านเมืองพินาศฉิบหายอีกครั้ง ต้องติดตามกันต่อไป